บทที่ 3
จันทร์เจ้าขาคาดโทษคนตรงหน้าภายในใจแต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยตอบเสียงทุ่มหนักของเขากลับดังขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับใบหน้าหล่อที่เข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิมจนปลายจมูกของเขาเฉียดแก้มของเธอไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น
“ไม่ได้ยินที่ถามรึไง!!”
“ดะ...ได้ยินค่ะ แต่ว่าฉันขอเวลาคิดหน่อยไม่ได้เลยหรือคะ เรื่องแบบนี้มัน..”
“ไม่ได้!! เพราะที่ผมพูดไปทั้งหมดมันคือประโยคคำสั่ง อยู่ที่นี่คุณต้องทำตามกฎของเราอย่างเคร่งครัด อย่าไปไหนมาไหนหากไม่จำเป็น เพราะลูกน้องของผมอาจจะเผลอทำปืนลั่นใส่คุณเมื่อไหร่ก็ได้...” คำขู่ที่น่ากลัวของเขาทำให้เธอต้องยอมจำนนแต่โดยดี
“ตกลงค่ะ!”
หญิงสาวกระชากเสียงรับคำอย่างเหลืออดก่อนจะเอ่ยถามกลับออกไปอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นมาได้...“ ว่าแต่คุณจะให้ฉันเรียกคุณว่าอะไรดีล่ะคะ”
“ผมชื่อเรียวซึเกะ แต่ที่นี่ทุกคนจะเรียกผมว่าเจ้านาย คุณเองก็ต้องเรียกแบบนั้นด้วยจนกว่าคุณจะหลุดพ้นทุกข้อกล่าวหา ออกไปได้แล้ว จาเร็ตจะเป็นคนพาคุณไปส่งให้มาเรียเธอจะเป็นคนจัดการเรื่องที่พักให้กับคุณ”
จันทร์เจ้าขาทำได้แต่พยักหน้ารับคำสั่งจาก ‘เจ้านาย’ คนใหม่อย่างคนไม่มีทางเลือก แต่หากลองคิดในมุมกลับกันมันก็ยังดีกว่าที่เธอต้องออกไปพจญภัยในโลกมืดที่เต็มไปด้วยอันตรายข้างนอกนั่น อย่างน้อยๆ อยู่ที่นี่เธอก็ยังรู้สึกปลอดภัยมากกว่าที่ไหนๆ
จนกว่าจะตามล่าหาตัวเพื่อนทรยศที่ขโมยเอาพาสปอร์ตของตัวเองกลับคืนมา เธอจะต้องอดทนให้มากกว่านี้ และทุกอย่างจะต้องผ่านพ้นไปได้ด้วยดี!
หลังจากเดินตามหลังของจาเร็ตในที่สุดทั้งสองก็มาถึงตึกขนาดกลางที่ถูกสร้างขึ้นมาไว้สำหรับเป็นที่พักอาศัยของเหล่าสาวใช้ร่วมห้าสิบชีวิต จันทร์เจ้าขากล่าวแนะนำตัวเองเพียงสั้นๆ ก่อนที่จะถูกมาเรีย หญิงสาวที่พบกันในตอนแรกพามายังห้องพักของเธอในที่สุด ภายในห้องเป็นห้องขนาดเล็กที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน เพียงนอนที่นุ่มนิ่มแม้จะเล็กไปสักนิดแต่อย่างไรเสียก็ดีกว่าห้องเช่ารายวันที่เธอเคยอยู่
“ขอบคุณมากนะคะมาเรีย” หญิงสาวกล่าวขอบคุณหัวหน้าแม่บ้านพร้อมรอยยิ้ม รู้สึกดีที่ทุกๆ คนทำดีกับเธอแบบนี้ต่างหากคนอื่นๆ ที่เคยพบมาก่อนหน้าราวฟ้ากับเหว
“ตามสบายนะคะ อีกเดี๋ยวฉันจะให้เด็กมาเคาะเรียกออกไปทานข้าวเย็น ที่นี่เราทานข้าวเย็นพร้อมกันหนึ่งทุ่มตรงค่ะ และถ้าหากคุณขาดเหลืออะไรก็บอกฉันได้ตลอดเลยนะคะไม่ต้องเกรงใจ”
หัวหน้าแม่บ้านบอกก่อนจะขอตัวกลับไปควบคุมการทำงานของสาวใช้คนอื่นๆ ต่อไป ทิ้งให้จันทร์เจ้าขามีโอกาสอยู่ตามลำพังในห้องพัก หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ไม่อยากคิดเลยว่าอนาคตต่อจากนี้ไปจะเป็นเช่นไร
แค่คิดน้ำตาก็พาลจะไหลออกมาเสียดื้อๆ เธอไม่น่ามาที่นี่ตั้งแต่แรก ไม่น่าหลงเชื่อคำโกหกพวกนั้นจากปากของเพื่อนสนิทคนนั้นเลยจริงๆ
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากที่หญิงสาวออกไปได้ไม่เท่าไหร่จาเร็ตก็ถูกเรียกตัวให้กลับเข้าไปพบเจ้านายหนุ่มในห้องหนังสืออีกครั้งพร้อมกับภารกิจใหม่ที่ทำเอาเจ้าตัวถึงกลับแปลกใจเมื่อจู่ๆ ก็ได้รับคำสั่งให้คอยจับตาดูผู้หญิงที่ชื่อ ‘จันทร์เจ้าขา’ คนนั้นเอาไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่ให้หล่อนได้คาดสายตาไปไหนชนิดที่ว่าเขาจะต้องรู้ว่าในวันๆ หนึ่งหล่อนทำอะไรกับใครและที่ไหนบ้าง
“นายกำลังสงสัยว่าเธอจะเป็นสายให้กับพวกไอ้เฉินเหรอครับ” เสียงเข้มเอ่ยถามอย่างไม่คิดทิ้งเอาความสงสัยไว้นานจนเกินเหตุ แม้ส่วนตัวจะมั่นใจเกินร้อยว่าหญิงสาวนั้นไม่น่าจะมีส่วนรู้เห็นอะไรด้วยเลยสักนิด เธอใสซื่อและแววตาไม่มีพิรุธใดๆ ให้ต้องคอยจับผิดเลยแม้แต่นิดเดียว
“นาทีนี้พวกเราจะไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น คนใกล้ตัวนี่แหละอันตรายและน่ากลัวที่สุด จับตาดูเธอเอาไว้อย่าให้คาดสายตา ถ้าหากเธอมีพิรุธอะไรให้รีบรายงานฉันให้รู้โดยทันที!”
เรียวซึเกะตอบกลับไปแบบขอไปที ทว่าในใจกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น มันมีบางอย่างในตัวของเธอทำให้เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เหมือนกับแม่เหล็กที่ถูกดูดเข้าหากัน มันทำให้เขาอยากจะรู้ให้แน่ชัดกันไปเลยว่าไอ้ความรู้สึกๆ บ้าที่แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวไม่ยอมหยุดแท้ที่จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่ และเธอจะยังไม่ไหนไม่ได้ทังนั้นจนกว่าเขาจะได้รู้ถึงคำตอบ!!
