บทที่ 2
เขาคือชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาที่เพียงได้เห็นก็ทำเอาหญิงสาวแทบจะลืมหยุดหายใจไปชั่วขณะ ดวงตากลมโตจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกเคลิ้มฝันราวกับคนที่กำลังล่องลอยอยู่ในห้วงความฝันอันยาวไกล ทำเอาดวงตาสีดำสนิทของคนที่ถูกจ้องมองอยู่นานเริ่มฉายแววไม่พอใจให้ได้เห็น นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเธอคงเผลอไปจ้องมองเขานานมากเกินไปหน่อยทำให้หญิงสาวต้องรีบหลบสายตาหนีแต่ก็ช้าเกินไปเมื่อเสียงเข้มๆ ของอีกฝ่ายดุขึ้นมาเสียก่อน..
“มองผมพอแล้วหรือยัง เราจะได้เข้าเรื่องกันเสียที!!” เสียงก้องกังวารดังขึ้นพร้อมๆ กับไหล่มนที่สะดุ้งไหวเพราะความตกใจอย่างหนัก
“เอ่อค่ะ ฉัน...ขอโทษค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไปแต่เพียงเท่านั้น ใครจะไปคาดคิดกันเล่าว่าแค่มองหน้ามันจะทำให้เขาโกรธถึงขนาดนั้นได้
เพราะหากรู้ก่อนเธอคงไม่ทำมันแน่
“ผมจะไม่อ้อมค้อมเลยก็แล้วกัน ผมมีเรื่องอยากถามคุณแค่สามข้อเท่านั้น ถ้าคุณตอบได้ครบหมดทุกข้อคุณจะเป็นอิสระทันที แต่ถ้าไม่...คุณคงเดาไม่ถูกแน่ๆ ว่าจุดจบลมหายใจของคุณมันจะหยุดลงด้วยวิธีแบบไหน!!” คำขู่ที่ดูเหมือนจะไม่ใช่เพียงคำพูดเล่นๆ ของเขาเริ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องแต่พอกลับมาคิดๆ ดูแล้วมันก็คงแค่การตอบคำถามทั่วไปเท่านั้น
หน้าที่ของเธอก็แค่ตอบไปตามความเป็นจริง ไม่น่าจะเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสอะไรเท่าไหร่นัก เมื่อเห็นหญิงสาวไม่ตอบเสียงเข้มจึงค่อยๆ เอ่ยถามต่อไป..
“ข้อที่หนึ่ง!! คุณเป็นใคร และทำไมคุณถึงต้องวิ่งมาตัดหน้ารถของผมแบบนั้น ส่วนข้อสุดท้าย!! ใครเป็นคนส่งคุณมา!!” คำถามที่ไม่อ้อมค้อมของเขาทำให้หญิงสาวต้องรีบส่ายหน้ากลับไปอย่างรวดเร็ว
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ไม่มีใครส่งฉันมาทั้งนั้น ฉันชื่อจันทร์เจ้าขาค่ะ เป็นคนไทยที่ถูกเพื่อนหลอกให้มาทำงานที่นี่ ที่ฉันต้องไปวิ่งตัดหน้ารถของคุณแบบนั้นก็เพราะว่าฉันกำลังหนีลูกน้องของมาเฟียที่เพื่อนของฉันหลอกพาฉันไปขายให้กับพวกมันอยู่ก็เท่านั้น เชื่อฉันเถอะค่ะ ฉันไม่ใช่คนไม่ดีจริงๆ นะคะ” คำตอบที่ยาวเหยียดของหญิงสาวทำให้เรียวซึเกะต้องมองเธออีกครั้งพร้อมกับใช้ความคิด
ดวงตาของเธอตอนที่ตอบคำถามกลับมานั้นดูซื่อตรงและไม่มีอาการพิรุธใดๆ ให้จับผิดได้เลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องการตรวจสอบให้แน่ใจก่อนอยู่ดีว่าสิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมดเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน!
“ผมจะยังไม่เชื่อคุณเต็มร้อยในตอนนี้ เพราะฉะนั้นระหว่างที่รอให้คนของผมจัดการตรวจสอบประวัติของคุณให้แน่ชัดว่าคุณไม่ใช่คนของศัตรูผมที่ถูกส่งตัวมาล้วงความลับคุณจะต้องอยู่ที่นี่ในฐานะผู้ต้องสงสัย!!”
“คุณว่าอะไรนะคะ แต่ว่าฉันก็บอกคุณไปหมดนี่ค่ะแล้วว่าฉัน...”
“นั่นมันเป็นแค่คำพูดของคุณฝ่ายเดียวไม่ใช่รึไง...แค่คำพูดใครที่ไหนก็พูดได้จริงไหม คุณจะต้องกลัวอะไรหากว่าคุณไม่ได้กำลังซ่อนหรือพยายามปกปิดอะไรเอาไว้อยู่” ดวงตาสีดำคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมใสอย่างคาดคั้นทำเอาใบหน้าหวานต้องรีบถอยหนีเมื่อเขาพยายามยื่นหน้าหล่อๆ ของตัวเองเข้ามาประชั้นชิด
“มะ...ไม่ได้กลัวนี่คะ ตกลงก็ได้ค่ะ แต่ว่าฉันจะต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหนกันล่ะคะ” จันทร์เจ้าขาถามกลับไปอีกครั้ง แม้ภายในใจอยากจะออกไปจากที่นี่ ให้เร็วที่สุดแต่ในเมื่อทำไม่ได้อย่างที่ใจคิดก็อยากจะรู้ให้แน่ชัดไปเลยว่าเธอจะต้องอยู่ที่นี่ไปจนถึงเมื่อไหร่กันแน่
“จนกว่าผมจะแน่ใจว่าไอ้ที่คุณพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง แต่การอยู่ที่นี่มันไม่ง่ายนักหรอกนะ คุณจะต้องเคารพกฎของเราอย่างเคร่งครัด ผมจะให้คุณไปอยู่กับพวกแม่บ้านระหว่างที่กำลังรอผลพิสูจน์ คุณต้องทำงานเหมือนสาวใช้คนอื่นๆ เพื่อแลกกับอาหารสามมื้อและที่พัก เข้าใจที่ผมพูดรึเปล่า!!”
คนอะไรเจอหน้ากันก็เอาแต่สั่งๆ ชื่อแซ่ก็ไม่ยอมปริปากบอกกันเลยสักคำ หล่อเสียเปล่าแต่มนุษย์สัมพันธ์แย่เหลือจะเอ่ย
