บทที่ 1
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของยอดใบชาชั้นดีที่เพิ่งจะถูกยกเข้ามาในห้องนอนสีขาวขนาดกว้างเชิญชวนให้เปลือกตาบางที่หลับสนิทไปนานหลายชั่วโมงปรือขึ้นอย่างช้าๆ แสงแรกที่เห็นตอนลืมตาขึ้นมาคือแสงสีส้มจากโคมไฟแขวนสีทองอ่อนดูหรูหรามีราคาเกินกว่าจะอยู่ในห้องเช่าราคาถูกเหมือนอย่างทุกวัน
จันทร์เจ้าขากระพริบตาถี่ขึ้นก่อนจะถอยร่นไปสุดเตียงเมื่อพบว่าตนเองนั้นกำลังอยู่ในห้องนอนสีขาวที่ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์หรือแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าก็ล้วนแล้วแต่ดูหรูหรา แถมตรงหน้าของเธอนั้นยังมีผู้หญิงในชุดแม่บ้านถึงสองคนที่ยืนจ้องมองมาที่เธออยู่ไม่ไกลอีกด้วย
ถัดไปนั้นคือชายหนุ่มชุดดำที่ดูเหมือนจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกมาแต่ติดตรงหน้าผู้หญิงอีกคนที่เดินเข้ามาใหม่เอ่ยขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน...
“รู้สึกตัวแล้วเหรอคะคุณ อย่าเพิ่งลุกเร็วแบบนั้นสิคะประเดี๋ยวจะหน้ามืดล้มลงไปอีก” เมื่อไม่มีเสียงใดตอบกลับเมทคนเดิมจึงได้พูดต่อไปอีกครั้ง..
“ดื่มนี่เสียหน่อยนะคะจะได้สดชื่นขึ้น” แม้จะรู้สึกมึนงงกับภาพตรงหน้าแต่หญิงสาวก็ยอมเอื้อมมือไปรับถ้วยชาจากคนตรงหน้ามาดื่มแก้กระหาย ความหิวที่สะสมมานานหลายวันทำให้เธอหลงลืมไปจนหมดสิ้นว่าตอนนี้เวลานี้นั้นไม่สมควรแตะอะไรจากคนแปลกหน้าง่ายๆ
ภาพความทรงจำครั้งสุดท้ายที่จำขึ้นมาได้ลางๆ คือเธอวิ่งหนีพวกลูกน้องของไอ้มาเฟียเฒ่าที่พยายามจะข่มเหงเธออย่างสุดชีวิต แต่ทว่าวิ่งออกมาได้ไม่ไกลเท่าไหร่นักเธอกลับสะดุดหกล้มลงก่อนจะหมดสติไปพร้อมๆ กับรถอีกคันที่พุ่งตรงเข้ามาใกล้
และนั่นคือภาพสุดท้ายที่หญิงสาวพอจะจำได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นต่างหากเล่าที่เธออยากจะลบลืมมันไปจากภาพความทรงจำมากกว่าอะไร!
จันทร์เจ้าขา หญิงสาวชาวไทยวัยยี่สิบหกที่ฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจนขัดสน และนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นของความโชคร้ายที่เกิดจากความหูเบาเชื่อคนง่ายของตัวเอง เพียงเพราะมิตรภาพระหว่างเพื่อนทำให้เธอหลงคำลวงของอรรัมภา เพื่อนร่วมมหาลัยที่หลอกว่าจะพาเธอมาทำงานที่ ชิคาโก้ ส่วนงานที่ได้ทำนั้นคือเสริฟในร้านอาหารทั่วไปและแน่นอนว่ารายได้นั้นดีจนเธอปฏิเสธไม่ลง
แต่ใครเลยจะคิดว่าเพื่อนรักที่คบหากันมานานถึงสี่ปีจะกล้าทรยศพาเธอมาหลอกขายให้กับพวกมาเฟียที่นี่แบบนั้นได้ลงคอ
หญิงสาวพยายามหลบหนีทุกๆ วิถีทางจนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้นและหากไม่ได้รถคันนั้นช่วยเอาไว้ป่านนี้เธอคงจะไม่พ้นต้องถูกชายชุดดำที่วิ่งไล่ตามมาจับตัวกลับมาให้ไอ้มาเฟียเฒ่าคนนั้นอย่างแน่นอน
“คุณครับ...ได้ยินที่ผมพูดรึเปล่าครับ” เพราะเสียงของผู้ชายเพียงคนเดียวที่อยู่ในห้องทำให้สติที่หลุดลอยไปไกลของหญิงสาวกลับคืนอีกครั้งก่อนจะพยักหน้าตอบรับกลับไป
“ขอโทษด้วยนะคะ แต่ไม่ทราบว่าตอนนี้ดิฉันกำลังอยู่ที่ไหนคะ” จันทร์เจ้าขาย้อนถามอย่างสงสัย ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆ ห้องอย่างสำรวจ ไม่อยากจะไว้ใจใครหรืออะไรทั้งนั้นในตอนนี้
“คุณกำลังอยู่ในคฤหาสน์คริสคาโนครับ เจ้านายของผมคนที่ช่วยชีวิตของคุณเอาไว้กำลังรอพบคุณอยู่ ไหนๆ คุณก็ฟื้นแล้วช่วยตามผมไปพบเจ้านายหน่อยเถอะนะครับ” จาเร็ตไม่คิดที่จะอ้อมค้อมบอกความต้องการของเจ้านายออกไปทันที เพราะกว่าที่เธอจะฟื้นขึ้นมาก็กินเวลาไปนานหลายชั่วโมงแล้ว ไม่เดาให้เสียเวลาเขาก็รู้ได้ในทันทีเลยว่าคนที่กำลังรออยู่จะหัวเสียแค่ไหนในตอนนี้
“เจ้านายหรือคะ ว่าแต่ทำไม…”
“เรื่องนั้นเอาไว้คุณค่อยถามเจ้านายของผมเองจะดีกว่านะครับ รีบไปกันเถอะครับ” แม้จะไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนักแต่จันทร์เจ้าขาก็ยอมที่จะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนโดยมีหญิงสาวชราและสาวใช้เข้ามาช่วยด้วยอีกแรง หญิงสาวเดินตามหลังผู้ชายที่บอกว่าจะพาเธอไปพบกับเจ้านายของเขาจนถึงห้องๆ หนึ่ง...
“แล้วนี่คุณจะไม่เข้าไปข้างในด้วยกันหรือคะ” หญิงสาวหันมาถามอย่างสงสัย รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาเมื่อต้องก้าวขาเข้าไปในห้องเพียงลำพัง
“เจ้านายของผมคงอยากคุยกับคุณตามลำพังมากกว่า ผมจะรออยู่ด้านนอกก็แล้วกันนะครับ เชิญเถอะครับ” น้ำเสียงเรียบเฉยตอบกลับไปอย่างสุภาพก่อนจะอาสาเปิดประตูห้องให้ซึ่งหญิงสาวก็ยอมก้าวขาเข้าไปในด้านในแต่โดยดีโดยไม่ถามอะไรอีก
จันทร์เจ้าขาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อประตูห้องถูกปิดลงช้าๆ ก่อนที่ใครบางคนที่กำลังนั่งหันหลังให้เธออยู่จะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและหันมาเผชิญหน้ากัน…
