บทนำ
ชิคาโก้ เม็กซิโก
ปัง!!!
สิ้นเสียงปืนที่ดังสนั่นไปทั่วบริเวณอู่ต่อเรือขนาดใหญ่แห่งหนึ่งกลางเมืองเม็กซิโก ที่หนาแน่นไปด้วยมาเฟียมากมาย ร่างกำยำของชายฉกรรจ์ไม่ต่ำกว่าสองคนก็ทรุดฮวบล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นอิฐพร้อมๆ กับเลือดสีแดงฉานที่ไหลทะลักออกมาทั่วอกข้างซ้าย ห่างออกไปคือชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งที่กำลังวิ่งตรงไปที่รถเมอร์เซเดส เบนซ์ สีดำโดยมีลูกน้องฝีมือเยี่ยมวิ่งขนาบข้างไปติดๆ ไม่นานทั้งหมดก็พากันขึ้นมาบนรถได้สำเร็จก่อนที่ ‘คริสคาโน เรียวซึเกะ’ จะออกคำสั่งให้ออกรถทันทีที่ทั้งหมดนั่งประจำตำแหน่ง
“ได้รับบาดเจ็บตรงไหนไหมครับนาย” จาเร็ต เคนไรน์ อดีตทหารมือดีที่เป็นถึงมือขวาร้องถามผู้เป็นนายหลังจากที่รถเคลื่อนออกมาจากที่เกิดเหตุได้สักพักหนึ่ง
“ฉันยังไหว! พวกมันรู้ได้ยังไงว่าวันนี้ฉันจะมาตรวจสินค้าด้วยตัวเองทั้งๆ ที่เราปล่อยข่าวลวงไม่เว้นแต่ละวัน นี่มันจะต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญ จะต้องมีคนในเป็นหนอนอยู่ในกลุ่มพวกเราที่มาที่นี่ในวันนี้แน่!! เป็นหน้าที่ของนายแล้วจาเร็ตที่ต้องไปสืบมาให้ได้ว่ามันเป็นใคร!!” มาเฟียหนุ่มคำรามเสียงแข็งพร้อมจ้องมองลูกน้องตัวเองไปพลางๆ โชคยังดีที่วันนี้ไม่มีใครบาดเจ็บจนถึงขั้นเสียชีวิตไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีวันให้อภัยไอ้คนที่ชักใยอบู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน!
คริสคาโน เรียวซึเกะ มาเฟียหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น เจ้าของคาสิโนขนาดใหญ่ที่ใครๆ ต่างก็รู้จักคนคนนี้ในนามของมาเฟียหนุ่มเลือดใหม่ที่มีนิสัยเย็นชาแต่กลับแฝงไปด้วยอันตรายทีใครๆ ต่างก็คาดไม่ถึง เพราะดูจากภายนอกนั้นเขาจะเงียบเฉยทำให้ดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยอะไรกับใคร
แต่ยามโกรธกลับกลายเป็นใครอีกคนที่พร้อมจะฆ่าศัตรูของตัวเองได้อย่างไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ จึงไม่แปลกที่เขาจะมีชื่อเสียงในวงการมาเฟียด้วยอายุเพียงแค่ยี่สิบห้าปีเท่านั้น
หลังจากที่ต้องสูญเสียผู้เป็นพ่อและแม่ที่อดีตเป็นถึงมาเฟียที่ใครๆ ต่างก็รู้จักกันดีเขาก็เข้ามารีบช่วงธุรกิจอีกมามายที่ทั้งสองทิ้งเอาไว้ให้ตามลำพังมาโดยตลอด
นัยน์ตาสีดำคมกริบที่กำลังปิดสนิทลงเพื่อคิดถึงอดีตที่มืดมนสับสนของตัวเองเบิกโพลงขึ้นเมื่อจู่ๆ รถยนต์ที่กำลังแล่นด้วยความเร็วกลับเบรกอย่างกะทันหันก่อนที่ไมรอฟคนขับรถประจำตัวจะรีบหันมารายงานให้ได้รับทราบ
“ผะ...ผู้หญิงครับนาย! จู่ๆ ก็มีผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งมาตัดหน้ารถของเราครับ จะให้ผมลงไปดูหรือว่าทิ้งเธอเอาไว้แบบนั้นดีครับนาย” เรียวซึเกะใช้เวลาคิดเพียงแค่เสี้ยววินาทีก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา...
“ลงไปดูสิว่าเธอเป็นใคร ระวังตัวด้วย นี่มันอาจจะเเผนลวง...”คนถูกสั่งพยักหน้ารับคำสั่งก่อนจะเดินลงจากรถและกลับเข้ามารายงาน
“เธอสลบไปแล้วครับนาย แต่เท่าที่ผมตรวจสอบดูแล้วรถของเราไม่น่าจะชนเธอนะครับ บางทีผมว่าเธออาจจะแค่ตกใจแล้วเกิดหมดสติไปเท่านั้นครับ”
คนได้ฟังพยักหน้ารับก่อนจะออกคำสั่งให้ลูกน้องพาผู้หญิงปริศนาขึ้นมาบนรถ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นร่างบางของหญิงสาวในชุดเดรสเกาะอกสีแดงสุดยั่วเย้าก็ปรากฏต่อสายตามาเฟียหนุ่ม หัวใจที่แข็งแกร่งกระตุกชั่ววูบยามเมื่อได้เห็นผิวกายสีขาวเนียนละเอียดที่น่าสัมผัส ไหนจะร่องอกอวบอิ่มที่กำลังเต่งตึงอยู่ตรงหน้าทำให้มาเฟียหนุ่มต้องรีบเบือนหน้าหนีไปทำเหมือนไม่สนใจทั้งๆ ที่ภายในใจกำลังร้อนรุ่มจนแทบจะทนไม่ไหว
“ให้เธอนั่งตักผมดีกว่าไหมครับเจ้านาย” จาเร็ตเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นใบหน้าที่ไม่ค่อยจะสบอารมณ์ของผู้เป็นนายเข้าจึงได้ถามขึ้น มันช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะภายในรถอัดแน่นไปด้วยผู้ชายตัวโตๆ จึงทำให้ไม่มีที่ว่างมากพอที่จะให้หล่อนได้นั่งเหมือนปกติ
“ช่างเถอะ! รีบกลับคฤหาสน์กันได้แล้ว!! ฉันเหนื่อยอยากพักผ่อน!” สิ้นคำตอบที่เด่นชัดจนไม่มีใครกล้าเอ่ยปากขัด เรียวซึเกะก็ค่อยๆ ขยับร่างเล็กให้เปลี่ยนจากท่านอนพาดมานั่งตักตนเอง เขาใช้สองมือที่เคยใช้มันฆ่าคนจนนับไม่ถ้วนดันศรีษะของหล่อนให้พิงซบบ่าของตัวเองอย่างอ่อนโยน
ภาพของเจ้านายกับท่าทางแปลกๆ ที่ไม่เคยได้พบเห็นถูกจ้องมองด้วยทุกๆ สายตาที่นั่งขนาบข้างแต่ก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะเอ่ยถามถึงการกระทำที่อ่อนโยนของผู้เป็นนายกระทั่งจนถึงจุดหมายปลายทางในเวลาต่อมา
คฤหาสน์หลังงามสีน้ำตาลอ่อนที่ถูกสร้างขึ้นใจกลางเขาที่แสนห่างไกลผู้คนตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้าของมันที่ชื่นชอบความเงียบสงบเป็นชีวิตจิตใจ เรียวซึเกะจัดการสั่งให้เหล่าแม่บ้านที่ต่างก็พากันออกมาต้อนรับพาหญิงสาวในอ้อมแขนไปจัดการปฐมพยาบาลเบื้องต้นทันทีที่มาถึง นัยน์ตาคมกริบตวัดจ้องมองใบหน้าขาวซีตของหล่อนเพียงครู่เดียวก่อนจะหันเหไปหาจาเร็ตลูกน้องของตัวเองเพื่อออกคำสั่ง
“จัดการปิดข่าวที่เกิดขึ้นที่อู่ต่อเรือวันนี้ให้เรียบร้อยด้วยจาเร็ต ส่วนผู้หญิงคนนั้นถ้าหล่อนฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ให้คนพาไปพบฉันที่ห้องหนังสือด้วยเข้าใจไหม!”
“ได้ครับนาย!”
จาเร็ตกล่าวรับคำสั่งเพียงสั้นๆ ก่อนจะโค้งคำนับให้ผู้เป็นเจ้านายที่เดินเลยผ่านหน้าไปทันทีที่ออกคำสั่งจบ ในใจก็อดสงสัยไม่ได้เลยจริงๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่
หรือหากมันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญมันก็ไม่น่าจะใช่ ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย และคนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะไขข้อสงสัยเหล่านี้ให้หายไปจากใจของเขาได้ก็คงเห็นจะมีแต่เธอเพียงคนเดียวเท่านั้น คงต้องขอฟังคำตอบจากปากของเธอตอนที่ฟื้นขึ้นมาเท่านั้นแล้วจริงๆ
