๙ แผนอันแยบยล (๑)
๙
แผนอันแยบยล
“ร้านนี้เหรอ” หลังจากเลือกชุดเรียบร้อยแล้วคุณหมอสุดหล่อก็ขอไปตัดผมและทำสีใหม่เพื่อจะได้เปลี่ยนลุคให้ตนเอง หล่อนตามใจเขาเพราะอยากออกไปจากที่นี่เต็มทน อยู่ด้วยกันไม่กี่ชั่วโมงก็อึดอัดจะแย่แล้ว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคุณย่าถึงเห็นดีเห็นงามให้เธอมากับเขา
ทั้งที่ท่านเองก็รู้ว่าเราไม่ชอบกัน!
เรียกว่าเกลียดก็คงไม่ผิดนัก ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงได้เปิดศึกกัน แต่ตอนนี้ด้วยหน้าที่การงานเดินคนละสายจึงไม่มีอะไรต้องแข่งขัน ทว่าก็ไม่ใช่การสงบศึก เพราะหล่อนยังจำสิ่งที่อคิราห์ทำไว้กับตัวเองได้ไม่ลืม ถึงจะผ่านมาสิบกว่าปีแล้วก็ตาม
“อือ เข้าไปเถอะ” ผลักไหล่หนาแล้วเดินนำเข้ามาภายในร้านตัดผมชื่อดังที่มีกว่าห้าสาขาในเมืองหลวง ช่างผมเป็นคนมีชื่อเสียง มักจะมีคนดังมาใช้บริการเสมอ และถ้าได้มาเพียงครั้งเดียวก็จะติดใจจนไม่ยอมไปร้านอื่นอีกเลย
“สวัสดีค่ะน้องต้า วันนี้พาหนุ่มหล่อที่ไหนมาคะ” เจ้าของร้านซึ่งเป็นสาวประเภทสองเดินเข้ามาทักทาย หันมองหนุ่มหล่อพลางอมยิ้มกรุ่มกริ่ม
หล่อขนาดนี้แต่ไม่เคยเห็นหน้า สงสัยเป็นพระเอกใหม่ที่กำลังจะปั้นให้โด่งดัง
“เพื่อนข้างบ้านค่ะ เขาจะมาตัดผมแล้วก็ทำสี” ร่างสูงเดินมายืนข้างหล่อน พลางยิ้มให้เจ้าของร้านด้วยใบหน้าเป็นมิตร เล่นเอาคนถูกมองเขินม้วนต้วน เจอพระเอกมาก็หลายคนแต่ไม่เคยเห็นใครมีเสน่ห์เท่าชายผู้นี้มาก่อน
ถ้าเอาไปปั้นเป็นนักแสดงรับรองว่าไม่เกินหนึ่งปี ได้ขึ้นแท่นเป็นพระเอกแถวหน้าแน่นอน โด่งดังเป็นพลุแตกไม่ต่างจากคนก่อนๆ ที่หญิงสาวปั้นเลยสักนิด
“จะเอาไปเป็นพระเอกใหม่เหรอคะ ตาถึงเหมือนเดิมเลย” เรนิตาหันไปมองคนตัวสูงทันที พลางทำหน้าเหม็นเบื่อ
“หน้าแบบนี้เอาไปเล่นละครก็คงเป็นได้แค่คนสวนแหละค่ะ เป็นพระเอกไม่ไหวหรอก เล่นแข็งอย่างกับท่อนไม้” จิกกัดเล็กน้อยทำเอาชายหนุ่มที่เคยเล่นละครเวทีงานโรงเรียนต้องหันมามอง
“เธอก็เล่นเป็นเจ้าหญิงที่ขี้วีนที่สุดเหมือนกันนั่นแหละ” เขาตอบโต้จนหล่อนต้องจิกตามอง และก่อนจะมีเรื่องให้ทะเลาะกันเจ้าของร้านจึงรีบห้ามทัพเสียก่อน
“เอาล่ะค่ะ พี่ว่าเราไปตัดผม หรือเลือกสีที่จะทำดีกว่าไหมคะ”
“นานไหมคะ พอดีต้าต้องรีบไปดูกองละคร” ถามขึ้นเมื่อเห็นว่ามันอาจจะนาน ไหนจะตัดผมแล้วยังมาทำสีอีก ได้รอจนรากงอกแน่ๆ
“ไม่นานค่ะ พี่ให้เต็มที่สองชั่วโมง” เธอจำต้องพยักหน้าแล้วหันมามองคนเรื่องมาก อคิราห์โน้มตัวลงมากระซิบข้างหูหล่อน
“ถ้าฉันออกมาแล้วไม่เห็นเธอ รู้ใช่ไหมว่าจะเจออะไร” รีบผละห่างทันทีก่อนจะมองเข้าไปในแววตาคมที่แฝงความเจ้าเล่ห์ อยากจะข่วนใบหน้าหล่อให้เป็นแผลเหลือเกิน คิดเหรอว่าเธอจะกลัวคำขู่ของเขา
“รีบๆ เข้าไปเลย ชักช้า” บ่นพึมพำก่อนเดินไปนั่งรอที่โซฟา เขาจ้องเธอค่อยตามเจ้าของร้านเข้าห้องตัดผมสำหรับลูกค้าวีไอพี
เรนิตามองแผ่นหลังกว้างก่อนจะถอนหายใจ เลือกหยิบนิตยสารขึ้นมาอ่าน ไม่นานก็มีขนมและน้ำชามาเสิร์ฟ หล่อนชอบร้านนี้อีกอย่างก็ตรงที่มีของว่างให้คนที่มานั่งรอเสมอ บริการดีแบบนี้จนต้องสมัครสมาชิกเอาไว้
อ่านหนังสือจบไปสามเล่ม คุยงานกับลูกน้องอีกสักพักก็เริ่มหาวจนต้องปิดปาก ง่วงตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อแต่ดูเหมือนเขาก็ยังไม่ออกมาสักที ถอนหายใจเสียงดังแทบจะหมดความอดทนเสียแล้ว และในที่สุดประตูก็เปิดออกจนต้องเงยหน้าขึ้นมอง
ผู้ชายตรงหน้าทำเอาเธอเผยอปากค้างเล็กน้อย ก่อนเข้าไปผมยาวปรกหน้าตาบัดนี้ถูกตัดให้สั้นเผยให้เห็นใบหน้าสุดหล่อ แต่ที่ทำให้เธอตกใจคือสีผมต่างหาก
หมอที่ไหนเขาทำผมสีชมพูบ้าง!
“นี่นายทำสีผมบ้าอะไรเนี่ย” ลุกขึ้นมายืนตรงหน้าคุณหมอพลางถามด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง คนแถวนั้นหันมามองเป็นแถบ จนหล่อนต้องเม้มปากแน่นแล้วหันไปหาเจ้าของร้านซึ่งส่งยิ้มแหย่มาให้ ไม่เคยเห็นเรนิตาโหมดโหดสักที เล่นเอาสะดุ้งเหมือนกัน
“เท่าไหร่คะ เดี๋ยวต้าต้องรีบไปทำงานแล้ว” หงุดหงิดจนควบคุมใบหน้าไม่อยู่ ถ้ารู้ว่าเขาจะทำสีนี้หล่อนคงเข้าไปกำกับข้างในห้องแล้ว
“สองพันห้าร้อยค่ะ เชิญทางนี้เลยนะคะ” ผายมือไปยังเคาน์เตอร์สำหรับจ่ายเงิน อคิราห์เดินไปจ่ายเงินขณะที่เรนิตายืนกอดอกรอที่เดิม ร่างสูงจัดการทุกอย่างเรียบร้อยถึงได้กลับมาหาคนที่ทำหน้าบึ้งไม่เลิก
“ไปกินข้าวกัน ฉันหิวแล้ว” คราแรกก็กลัวว่าหญิงสาวจะกลับก่อน แต่พอเห็นรอก็ค่อยเบาใจหน่อย
“ขอเป็นอาหารญี่ปุ่นนะ” เดินตามร่างบางที่เงียบไม่พูดสักคำ เธอหันมามองเขาด้วยหางตาก่อนจะพาเดินขึ้นไปโซนร้านอาหาร เลือกเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นตามคำขอของอคิราห์
เมื่อได้โต๊ะก็มีพนักงานมารับเมนู ดวงตาเรียวสวยจ้องมองสีผมที่ขัดใจตนเอง ยอมรับว่ามันทำให้เขาดูหล่อ ทว่าด้วยอาชีพหมอที่ต้องเป็นคนน่าเชื่อถือ การทำผมสีสว่างเหมือนดารานักร้องแบบนี้จะยิ่งทำให้คนไข้มองเขาไม่ดีเสียเปล่า
แล้วนี่เธอไปคิดแทนทำไมกัน คนทำไม่เห็นจะคิดอะไรเลย
“ถามจริงเถอะ อะไรคือแรงบันดาลใจให้ทำผมสีนี้ ไม่กลัวพ่อด่าเหรอ” คนตรงข้ามยกยิ้มเล็กน้อย ขณะที่รออาหารพวกเขาเลยได้พูดคุยกัน
ก็ที่ทำเพราะอยากให้พ่อด่านั่นแหละ...
“อยากทำสีนี้มานานแล้ว กลับมาก็เลยทำ เป็นไง หล่อไหม” เธอถอนหายใจในความดื้อรั้นของเขา ตอบคำถามแล้วยังสั่งสอนไปพร้อมกัน
“นายต้องแยกให้ออกก่อนว่าอาชีพที่นายทำเนี่ยมันไม่เหมาะจะทำผมสีนี้ มีอย่างที่ไหนหมอผมสีสว่างอย่างกับไอดอลเกาหลี แบบนี้ใครเขาจะเชื่อถือ” ได้โอกาสก็สอนหนุ่มนักเรียนนอก ซึ่งเขาก็ไม่ได้กังวลสักนิด
“ใครเขาดูกันภายนอก มันต้องวัดกันที่ความสามารถ” หล่อนเถียงทันที รูปลักษณ์ภายนอกจะทำให้สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น แล้วคนไข้จะคิดอย่างไรหากหมอทำสีผมฉูดฉาดขนาดนี้
“ก็คนที่นี่แหละเขาดูภายนอกก่อน นายชอบผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักเพราะนิสัยใจคอเขาหรือไง ส่วนมากก็ดูที่รูปลักษณ์ภายนอกก่อนทั้งนั้นแหละ”
“ฉันไม่เคยชอบใครตั้งแต่แรกเห็น มีแต่ยิ่งรู้จักยิ่งรักมากกว่าเดิม” จ้องเข้าไปในดวงตาของหล่อนเล่นเอาคนเริ่มถึงกับพูดไม่ออก แสร้งหยิบน้ำเปล่ามาดื่มขณะรออาหาร ไม่นานพนักงานก็นำมาเสิร์ฟถึงที่ ค่อยคลายบรรยากาศอึดอัดลงไปได้หน่อย
อคิราห์อมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเริ่มลงมือรับประทานอาหาร ไม่คิดว่ากลับมาเพียงไม่กี่วันก็ได้มากินข้าวกับเพื่อนข้างบ้านสองต่อสองเช่นนี้ เขายังรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำต่อหล่อนก่อนวันไปเรียนอเมริกา ออกมาจากบ้านโดยไม่บอกหญิงสาวสักคำ
เพราะมันเป็นวันที่เขารู้ว่าพ่อไม่ได้มีแม่เพียงคนเดียว ทว่ายังสร้างบ้านน้อยไว้ถึงสองหลัง แล้วมีลูกชายและลูกสาวอีกสามคน เจ็บปวดกับเรื่องที่เจอจนลืมหญิงสาวไปเสียสนิท
พอกลับมาหาอีกครั้ง กำแพงของหล่อนที่กั้นเขาก็สูงซะจนยากจะปีนเข้าไป...
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เรนิตารีบคว้ากระเป๋าหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นดู กลับพบว่ามันไม่ใช่ของหล่อน ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้างแอบยิ้มขำก่อนจะกดรับสาย เล่นเอาเธออับอายจนต้องแสร้งสนใจอาหารตรงหน้า
“ครับ” รับสายด้วยเสียงไม่สบอารมณ์ เห็นชื่อคนโทรมาก็รู้สึกว่าความอยากอาหารหมดลงทันที
‘แกจะมาทำงานตอนไหน มัวแต่เอ้อระเหยลอยไปลอยมาอยู่นั่นแหละ ฉันให้แกกลับมาเพื่อสานต่องานที่โรงพยาบาล ไม่ใช่ตามก้นผู้หญิงต้อยๆ’ ผ่อนลมหายใจเสียงเบา พยายามไม่ให้แสดงออกทางสีหน้าว่าเบื่อหน่ายแค่ไหน
การเจอพ่อแต่ละครั้งมีเรื่องให้ต้องทะเลาะกันทุกคราไป ถ้าพ่อบอกซ้ายเขาก็จะไปขวา ถ้าให้เดินหน้าเขาก็เลือกจะถอยหลัง เดี๋ยวนี้แทบไม่กินเส้นกัน หากไม่มีมารดาป่านนี้อคิราห์คงเลือกจะไปอยู่คนเดียว ดีกว่าต้องมาปะทะวาจากับบิดาทุกวัน
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ไป แค่นี้นะพ่อ” วางสายทันทีไม่อยากพูดให้อารมณ์เสีย ใบหน้าหล่อนิ่งขรึมทำเอาเรนิตาอึดอัดไปด้วย เธอไม่กล้าพูดจึงได้แต่กินข้าวเงียบๆ แล้วเหลือบมองคนตรงหน้าไปพลาง
รับรู้มาว่าสองพ่อลูกไม่ถูกกันทั้งที่ก่อนหน้านั้นชายหนุ่มมองบิดาเป็นเหมือนฮีโร่มาโดยตลอด เพิ่งมารู้ทีหลังว่าท่านมีบ้านเล็กถึงสองบ้าน จากคำบอกเล่าของคุณเมธาวีซึ่งมาปรับทุกข์ให้คุณย่าฟัง หล่อนจึงได้ทราบ ครั้งแรกก็โมโหแทบไม่อยากมองหน้า แต่เวลาผ่านไปจึงเริ่มนิ่งเฉย ในเมื่อคุณน้าทนได้แล้วทำไมเธอต้องไปยุแยงให้เขาเลิกกันด้วย
ครอบครัวใครก็ให้เขาตัดสินใจกันเอง ไปยุ่งมากเดี๋ยวสุดท้ายก็โดนเขาเมินอีก เหมือนเพื่อนของเธออย่างนีรนาราที่หลงรักปักใจกับปารัชเสียเหลือเกิน งมงายจนเธออยากจะเรียกสติให้หลายครั้ง ถ้าเป็นตนเองผู้ชายไม่เล่นด้วยขนาดนี้คงไปหาคนอื่นแล้ว
ใช่ว่าผู้ชายมีคนเดียวบนโลกซะเมื่อไหร่...
“นายยังไม่ดีกับคุณอาอีกเหรอ” เธอทำลายบรรยากาศความเงียบที่เกิดขึ้น ทว่าอคิราห์ไม่ตอบ ราวกับไม่ได้ยินคำถามนั่น
“นี่ ฉันถามอยู่นะ” ใบหน้าหวานงอง้ำ จ้องเขานิ่งรอคอยคำตอบ แต่ชายหนุ่มกลับคีบปลาในจานของตัวเองไปวางบนจานของเธอ
“กินเข้าไปเยอะๆ ผอมจนจะปลิวอยู่แล้ว” แสดงว่าคงไม่อยากตอบ เรนิตาเลยไม่ซ้ำซี้ถามอีก คีบปลาขึ้นมาเคี้ยวอย่างแรงขณะจ้องใบหน้าหล่อ คิดเสียว่าปลาตัวนี้เป็นอคิราห์ก็แล้วกัน
สะใจดี...
ดวงตาสวยมองไปทางอื่นก่อนจะชะงัก เห็นคนที่เพิ่งเดินเข้ามาภายในร้านเป็นบุคคลที่เธอรู้จักอย่างดี ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากัน แค้นจนกำตะเกียบแน่นทำให้ร่างสูงหันไปมองด้วยว่าหล่อนวางสายตาไว้ที่ใด
ก็พบคู่รักชายหญิงหน้าตาดีซึ่งกำลังเลือกที่นั่งอยู่อีกโซน ฝ่ายหญิงสวยหวานดูน่าทะนุถนอม ในขณะที่ชายหนุ่มก็หล่อเหลา สรุปว่าเหมาะสมกันดี
“ใครน่ะ รู้จักเหรอ” ไม่ใช่แค่รู้จักธรรมดา...
แต่นั่นมันแฟนเธอต่างหาก!
ไม่คิดว่ากิรนันท์จะยังทำตัวเป็นปลิงติดกับผู้ชายของหล่อน ทั้งที่เข้าไปบอกกล่าวแล้ว ถ้ามีจิตสำนึกสักนิดคงถอยห่าง ไม่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผู้ชายที่มีแฟนอยู่แล้ว ส่วนอีกคนก็เหลือเกิน โกรธตัวเองที่ไม่เชื่อคำเตือนคนรอบข้าง
ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าพิธานเป็นคนเจ้าชู้ แต่เธอก็คิดว่าตนเองจะสามารถกำราบเขาได้ ไหนจะแววตาหวานที่อีกฝ่ายส่งมาทำราวหล่อนเป็นผู้หญิงที่ชายหนุ่มรอคอยมานาน
คำพูดแสนหวาน การกระทำที่แสนเอาใจใส่ในช่วงแรก สุดท้ายก็ตกหลุมพรางที่เขาขุด และเมื่อรู้ความจริงเธอก็ขึ้นจากหลุมได้ไม่ยากเลย
แต่ก่อนจะเดินจากก็ขอแก้แค้นหน่อยแล้วกัน...
“รู้สิ เพราะผู้ชายคนนั้น...เป็นแฟนฉัน” ร่างสูงหันมามองคนที่นั่งตรงข้ามด้วยใบหน้าเรียบ ดวงตาคมไม่บ่งบอกความรู้สึก ไม่คิดว่าหล่อนจะมีคนรักเพราะไม่คุณย่าไม่ได้บอกเลย คิดว่าเรนิตาโสดมาตลอด พอมาเจอความจริงก็รู้สึก
เจ็บแปลบที่หัวใจ
“เหรอ แล้วทำไมมากับผู้หญิงคนอื่นล่ะ” แสร้งตักข้าวเข้าปาก ทำเป็นไม่สนใจทั้งที่หูผึ่งตลอดเวลา เรนิตาไม่ได้ตอบชายหนุ่มแต่เลือกจะกดโทรออกหาใครบางคน รอไม่นานปลายสายก็รับและเธอก็กรอกเสียงหวานลงไปอย่างรวดเร็ว
เล่นเอาอคิราห์ถึงกับอึ้งในสกิลการเล่นละครของหญิงสาว น่าจะเปลี่ยนจากผู้บริหารมาเป็นนักแสดงเองคงเหมาะกว่า
