๙ แผนอันแยบยล (๒)
“สวัสดีค่ะคุณแม่ พอดีต้ามากินข้าวกับเพื่อน เห็นพี่ทีมมากินข้าวเหมือนกัน แต่มากับ เอ่อ ผู้หญิงสักคน ต้าไม่กล้าเข้าไปทักด้วย คุณแม่พอจะทราบไหมคะว่าช่วงนี้พี่ทีมยุ่งกับงานจริงหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าโกหกต้าแล้วไปอยู่กับคนอื่นนะคะ” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าสามัคคีกันเหลือเกิน
อคิราห์ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเมื่อกินข้าวหมด มองคนที่กำลังอยู่ในบทที่ตนเองสร้าง พลางอมยิ้มเล็กน้อย ผ่านมากี่ปีก็ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ ผู้หญิงคนนี้
“ค่ะ ต้าก็คิดอย่างนั้น พี่ทีมคงไม่ทิ้งต้าไปหาผู้หญิงคนอื่นหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะคุณแม่ที่บอก ต้าสบายใจขึ้นเยอะเลย”
“ค่ะ เดี๋ยวต้าจะไปหานะคะ สวัสดีค่ะ” หล่อนวางสายก่อนใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มจะเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย ทำเอาคนมองตลอดเวลาอยากจะยกนิ้วให้เหลือเกิน
“เมื่อกี้เธอกำลังเล่นละครเหรอ หรือยังไง” มือเล็กกำเข้าหากันแน่น
“ฉันก็แค่เดินเกม” เขาพยักหน้าทำเหมือนเข้าใจ แต่ที่จริงก็ไม่ได้รู้เรื่องสักนิด ทว่าพอจะเดาได้ว่าแฟนของเธอคงไม่ได้ซื่อสัตย์สักเท่าไหร่
ไม่อย่างนั้นจะยิ้มหวานให้หญิงสาวที่มาด้วยกันเหรอ มองอย่างไรก็เป็นคู่รักชัดๆ
“คือแฟนเธอกำลังนอกใจ เธอจับได้เลยใช้มือแม่ของเขามาเล่นงาน ฉันคิดถูกไหม” เขาพูดถูกทุกอย่างทั้งที่หล่อนยังไม่ได้บอกด้วยซ้ำ เรนิตาไม่อยากตอบแสร้งเมินไปทางอื่น และการกระทำเหล่านั้นยิ่งตอกย้ำว่าอคิราห์คิดถูก
เขายกยิ้มแล้วดื่มน้ำ หันไปมองคนทั้งสองอย่างพิจารณา ดูท่าฝ่ายชายจะหลงผู้หญิงคนนั้นมากพอควร เอาอกเอาใจบริการตลอด ขณะที่ผู้หญิงเองก็คงรู้สึกไม่ต่าง ไม่คิดเลยว่าจะลักลอบคบลับหลังเรนิตาเช่นนี้
เอาใจช่วยแล้วกัน...
“ผู้หญิงคนนั้นสวยดีนะ ดูน่าทะนุถนอม” บอกออกมาจนหล่อนเริ่มทำหน้ามุ่ยอย่างไม่ชอบใจ ไม่ต้องการได้ยินเขาชมผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น
เหลือบมองดวงตาคมที่จ้องคนทั้งคู่พลางอมยิ้ม เห็นแล้วมันขัดลูกตาเสียยิ่งกว่ามองแฟนหนุ่มกับเพื่อนอยู่ด้วยกันเสียอีก พยายามสลัดความรู้สึกนั้นให้พ้นก่อนจะคิดอะไรดีๆ ออก ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มขึ้นแล้วค่อยเอ่ยกับคนตรงข้าม
“นายอยากทำอะไรสนุกๆ ไหม” คุณหมอสุดหล่อหันกลับมามองร่างบาง ทำสีหน้าไม่ค่อยไว้ใจหล่อนเท่าไหร่
“อะไร” ไม่ค่อยไว้ใจในรอยยิ้มแสนหวานที่เคลือบยาพิษสักเท่าไหร่ รู้ว่าเธอเป็นคนเจ้าเล่ห์เพราะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนประถมจนมัธยมแล้ว
“ไปจีบผู้หญิงคนนั้นให้หน่อยสิ” อคิราห์ถึงกับพูดไม่ออก เขาบรรยายความรู้สึกของตัวเองไม่ได้เลย หัวใจมันเจ็บแปลบที่เธอบอกให้ไปจีบหญิงอื่นได้หน้าตาเฉยแบบนี้ ราวกับว่าไม่รู้สึกรู้สาหากเขาจะเข้าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น
ชายหนุ่มยิ้มขื่นแล้วจ้องใบหน้าสวยไม่วางตา พรูลมหายใจออกมาช้าๆ รู้สึกลำคอแห้งผาก คว้าน้ำมาดื่มอีกครั้งแล้วสบตาเธอ
“อยากให้ฉันจีบผู้หญิงคนนั้นเพื่อกันแฟนเธอออกมาเหรอ” นิ้วเรียวของคุณหมอเคาะลงบนโต๊ะ ทั้งสองมองหน้ากันอย่างหยั่งเชิง ก่อนที่เรนิตาจะเป็นคนหลบสายตา แล้วมองไปยังคนทั้งคู่ด้วยอาการแค้นเคือง ไม่หลงเหลือความรักในดวงตาสวย
“ใช่ นายทำให้ได้หรือเปล่า” ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มก่อนจะตอบ
“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าฉันจะได้อะไรตอบแทน ถ้าทำสำเร็จ” นักบริหารสาวนิ่งคิดสักพัก เรื่องที่ให้เขาช่วยมันอยู่นอกเหนือแผนการ คราวแรกจะให้แค่คุณรวิภาจัดการ แต่ดูเหมือนท่านจะทำไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ คุมลูกชายตัวเองไม่ได้
เพราะฉะนั้นก็คงต้องทำให้กิรนันท์ไขว้เขว เห็นสองคนนั้นทะเลาะกันสนุกจะตาย
“ทำให้มันได้ก่อนเถอะค่อยถามถึงเรื่องรางวัล” ร่างสูงยืดอกขึ้นเล็กน้อย แล้วค่อยพูดด้วยใบหน้าแสนมั่นใจ
“ไม่เกินหนึ่งเดือนฉันจะทำให้คนคู่นั่นเลิกกัน เชื่อไหมล่ะ” ดวงตาคมฉายแววมุ่งมั่น เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้คนคู่นั้นเลิกกัน
แต่เขากำลังจะทวงดวงใจของตนเองคืนเช่นกัน
“ทำให้ได้อย่างที่พูดแล้วกัน” ไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับในความสามารถเรื่องจีบสาว จะมีเด็กที่ไหนแก่แดดเท่าอคิราห์ มีแฟนตั้งแต่อยู่ป.3 ตอนนั้นเธอยังไม่เคยคิดเรื่องความรักเลย ในหัวมีแต่การจะเอาชนะชายหนุ่มอย่างเดียว
ทำให้เกรดเฉลี่ยช่วงประถมและมัธยมแตะ 4.00 ทุกครั้ง เพื่อนต่างอิจฉาที่เธอทำคะแนนได้ดีขนาดนี้ ทั้งยังถูกรับเลือกให้เป็นหัวหน้าห้องทุกปี ทุกคนเชื่อมั่นในความสามารถของเรนิตาหรือไม่ก็ต้องการผลักภาระออกจากตนเองมากที่สุด
“ฉันจะทำเป็นมิชชั่นแล้วกัน ถ้าสำเร็จทีละอย่างก็จะขอรางวัล” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทำให้รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เสียแล้ว
“รางวัลอะไร”
“รอลุ้นสิ ต้องให้บอกทุกครั้งหรือไง” ส่ายศีรษะรำคาญคนตรงหน้า ก่อนจะเดินไปจ่ายเงินหน้าเคาน์เตอร์ ดวงตาก็เหลือบมองคนทั้งคู่ที่เอาแต่พูดคุยกันไม่สนใจรอบข้างสักนิด ปล่อยให้มีความสุขไปก่อนเถอะ อีกไม่นานเดี๋ยวก็ตกจากสวรรค์แล้ว
และมันจะเจ็บจนลืมไม่ลงเลย...
“ไปส่งฉันที่บริษัทด้วย” ออกมาจากร้านก็สั่งร่างสูงทันที และอคิราห์ก็รับคำไม่ปฏิเสธ อยากไปดูที่ทำงานของเธอเช่นกัน
กิรนันท์มองไปรอบร้านขณะที่รออาหาร เห็นเสี้ยวหน้าหวานที่เดินผ่านแต่มันเร็วมากจนไม่แน่ใจว่าใช่เรนิตาหรือเปล่า ชะเง้อคอมองแต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะอีกฝ่ายเดินลับไปก่อน คิ้วสวยขมวดจนแทบเป็นปมแล้วคลายลงเมื่ออาหารมาเสิร์ฟ
“เสร็จจากกินข้าวกี้จะไปไหนไหม” เขาตักของชอบหล่อนที่อยู่ในจานตนเองให้ไปวางไว้บนจานของหญิงสาว ทุกการกระทำเป็นธรรมชาติจนคนมองยิ่งประทับใจ
โชคดีที่ได้เขาเป็นคนรัก มอบหัวใจทั้งดวงให้แก่ชายหนุ่ม ถึงรู้ว่ามีอุปสรรคมากมายขัดขวางแต่จะสู้ไปด้วยกัน อย่างไรคุณรวิภาก็ขัดใจบุตรชายไม่ได้หรอก
“ไม่ค่ะ คุณทีมจะชวนกี้ไปไหนคะ” ลงมือรับประทานอาหาร ไม่บ่อยที่เขาจะพาออกมาข้างนอกด้วยกันเช่นนี้ เพราะเรื่องของเขาก็ยังไม่เคลียร์ ทุกคนทราบว่าพิธานคบกับเรนิตา เธออึดอัดใจเหลือเกินไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ร่างสูงจะทำให้มันชัดเจนสักที
“ผมมีของเล่นอยู่ที่ห้อง อยากให้คุณลอง” เธอยิ้มรับเล็กน้อย รู้ว่ามันคืออะไรเพราะแอบเห็นเขาสั่งมาเมื่อคืน
“อยากเล่นเร็วๆ แล้วสิคะ” ยิ้มให้กันราวรู้ดี แล้วรับประทานอาหารจนอิ่ม ค่อยออกจากห้างสรรพสินค้าตรงไปยังคอนโดของตนเองอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มโอบเอวบางพลางหันมายิ้มให้ขณะที่รอลิฟต์ ไม่สนใจผู้คนที่เดินผ่านไปมา ทั้งสองคิดจะปิดเป็นความลับทว่าที่พักของพิธานก็มีคนพอรู้จักหน้าค่าตาของแฟนสาวตัวจริงอย่างเรนิตาบ้าง เริ่มพูดกันในวงแคบว่าเขากำลังนอกใจคนรัก
เข้ามาภายในห้องโดยสารก็เดินไปอยู่ด้านซ้าย มีผู้ร่วมทางสองคนและลงก่อนพวกเขา เมื่อเหลือกันสองคนใบหน้าคมก็ก้มลงจุมพิตข้างแก้มนวลแล้วคลอเคลียอย่างอ้อยอิ่ง หลงเธอจนไม่เป็นอันทำการทำงาน อยากอยู่กับกิรนันท์ทั้งวัน
ประตูลิฟต์เปิดออกจึงพากันเดินไปยังห้องพัก เสียบคีย์การ์ดประตูจึงปลดล้อค เปิดเข้าไปข้างในเครื่องปรับอากาศก็ทำงานก่อนหน้าแล้ว ดวงตาคมเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้มาเยือนนั่งรอด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ใจเขาตกไปอยู่ตาตุ่ม ไม่ต่างจากหญิงสาวเท่าไหร่นัก ทั้งกล่องที่ถูกเปิดออกอยู่ตรงหน้าท่าน มันคือชุดเมดสาวน้อยชิ้นเล่นเอาเจ้าของห้องรีบเข้าไปเก็บมันเพื่อห่างสายตาผู้เป็นมารดา
“แม่มาได้ยังไงครับ” พิธานถามคุณรวิภาที่มีใบหน้าเรียบเฉย ใช้หางตามองหญิงสาวที่อยู่กับลูกด้วยความเย็นชา
“แม่มาเก็บของให้ ลูกจะได้กลับไปอยู่บ้าน” ได้ยินอย่างนั้นพิธานรีบรุดเข้าไปในห้องนอนทันที
เห็นแม่บ้านกำลังเก็บเสื้อผ้าและของจำเป็นใส่กล่อง ขณะที่กิรนันท์ยังยืนอยู่ที่เดิมและไม่กล้าสบตาคุณผู้หญิงของบ้านพัฒนพล
“ไม่คิดว่าเธอจะยังอยู่ที่นี่ แค่ออกจากงานมันยังไม่พอใช่ไหม” ถามเสียงเรียบก่อนบุตรชายจะเดินออกจากห้องนอนด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ไม่ได้ยินสิ่งที่มารดาคุยกับคนที่ตัวเองรัก
“แม่ทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ” โวยวายเสียงดังทำเอามารดาต้องลุกขึ้นยืนเพื่อให้อยู่ในระดับสายตาที่ใกล้กัน
“ทำไมแม่จะทำไม่ได้ ในเมื่อห้องนี้แม่ซื้อให้ลูก ชื่อก็เป็นของแม่ แล้วตอนนี้แม่กำลังจะเอาห้องคืนเพราะฉะนั้นลูกก็ต้องกลับบ้าน” บอกเสียงเด็ดขาด มองลูกชายราวกับเป็นเด็กสิบขวบที่บังคับให้ทำอะไรก็ได้
ทว่าพิธานไม่อาจยอมทำตามคำสั่ง เขามีเงินมากพอจะซื้อเพนท์เฮ้าส์ใหม่อยู่กับคนที่รัก มือหนาคว้ามือเล็กมากอบกุมเอาไว้ต่อหน้าคนเป็นแม่ ทำเอาท่านถึงกับกำมือแน่น ไม่รู้ว่าผู้หญิงเล่นกลใดถึงทำให้ลูกชายตกหลุมรักได้ขนาดนี้
“ผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมที่ทำให้ลูกนอกใจหนูตาต้า” มองตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ไม่มีอะไรสู้ว่าที่ลูกสะใภ้หล่อนได้เลย ทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะทางสังคม
อย่างไรก็ไม่สามารถยอมรับได้จริงๆ
มาถึงขั้นนี้แล้ว คงปิดบังไม่ได้อีกต่อไป พิธานกุมมือคนรักแน่นขึ้นแล้วดึงให้หล่อนเข้ามาใกล้กว่าเดิม บอกมารดาด้วยน้ำเสียงจริงจังยิ่งกว่าการนำเสนองานต่อหน้าเหล่าผู้บริหารเสียอีก
“ผมผิดที่นอกใจตาต้า และตอนนี้ผมจะทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง ผมจะบอกเลิกตาต้าแล้วมาคบกับกี้ครับ” คุณผู้หญิงแทบลมจับที่ได้ยินบุตรชายเอ่ยเช่นนั้น แม่บ้านคนสนิทเห็นก็เข้ามาประคองแล้วหยิบยาดมให้ทันที
ท่านค่อยนั่งลงบนโซฟาจ้องมองทั้งสองคนด้วยแววตาวาวโรจน์ มีความสุขได้ไม่กี่วันลูกชายก็หาเรื่องให้ปวดหัวอีกแล้ว สะใภ้ดีๆ ที่คู่ควรก็ไม่เอา ดันเลือกคนที่หวังมาปอกลอก อย่างไรเธอก็ไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด
“แม่จะไม่มีวันให้มันเกิดขึ้น แล้วก็อย่าหวังว่าจะได้เอาเงินแม้แต่บาทเดียวไปเลี้ยงผู้หญิงคนนั้น” ประกาศกร้าวอย่างไม่ยอมแพ้ และลูกชายก็โต้กลับอย่างรวดเร็ว
“คุณแม่ห้ามผมไม่ได้หรอกครับ ผมกับกี้เรารักกัน และผมจะแต่งงานกับเธอ” คุณรวิภาเบิกตากว้าง หายใจเร็วถี่จนผิดปกติ แม่บ้านที่อยู่ด้วยตลอดทราบถึงอาการของท่าน จึงรีบโทรศัพท์ฉุกเฉินถึงโรงพยาบาลให้เตรียมห้องไว้
“แม่! แม่เป็นอะไรครับ” ผละไปหามารดาเมื่อเห็นว่าท่านเหมือนจะหมดสติ
คุณรวิภาหายใจแรงขึ้นก่อนจะเอนกายลงบนโซฟานุ่ม จากนั้นไม่นานจึงแน่นิ่งจนร่างสูงตกใจ ไม่เคยเห็นแม่เป็นอย่างนี้มาก่อน ขณะที่กิรนันท์ก็ตกใจไม่แพ้กัน แต่ลึกๆ ก็แอบหวังว่าคนที่เป็นอุปสรรคขัดขวางรักจะลาจากโลกไป
“พาคุณผู้หญิงไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ” เขารีบอุ้มมารดาขึ้นมาแล้วออกจากห้องทันที เหลือเพียงหญิงสาวและแม่บ้านไม่กี่คนที่กำลังทยอยขนของออกจากห้อง
ไม่อยากคิดแบบนี้หรอกนะ แต่ถ้าอยู่แล้วสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น สู้จากไปไม่ดีกว่าเหรอคะ...คุณแม่
