บท
ตั้งค่า

๘ (ไม่) ยินดีต้อนรับ (๒)

ร่างบางเช็คความเรียบร้อยของตนเองในกระจกอีกครั้ง วันนี้ช่วงเช้าว่างจึงไม่ต้องเข้าบริษัท กะว่าจะไปบ้านของแฟนหนุ่มสักหน่อย เติมเชื้อไฟสักนิดพอให้ไฟมันลุกอีกครั้ง รับรองว่ากิรนันท์อยู่ไม่สุขแน่ คิดว่าจะชนะคนอย่างเรนิตาได้เหรอ

ฝันไปเถอะ

หยิบกระเป๋ามาสะพายแล้วลงมาข้างล่าง ไม่เห็นอาหารบนโต๊ะจึงเรียกแม่บ้านที่ดูแลเรื่องนี้มาถามว่าสายแล้วทำไมยังไม่ตั้งโต๊ะอีก

“กับข้าวฉันล่ะ” จ้องนิ่งขณะที่อีกคนก็ทำท่ากระอึกกระอัก เพิ่งมาทำงานได้สองเดือนและส่วนมากก็ไม่ค่อยเจอคุณหนูสักเท่าไหร่ ยิ่งมาเห็นสายตากดดันทำเอาพูดไม่ออก

“คุณท่านให้ยกไปที่เรือนไม้ค่ะ” คุณท่านที่ว่าสงสัยจะเป็นคุณย่าเฟื่องรัตน์ คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที พอดีกับที่แม่บ้านคนสนิทของคุณย่าเข้ามาเสียก่อน

“คุณเฟื่องรัตน์ให้มาเชิญคุณหนูไปรับประทานอาหารเช้าที่บ้านท่านค่ะ” เธอพยักหน้าแล้วเดินลัดเลาะไปทางด้านหลังของบ้านใหญ่ เห็นบ้านเรือนไทยหลังงามตั้งท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่ มีดอกมะลิส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ

เข้าไปภายในบ้านที่ชั้นหนึ่งกรุด้วยประตูไม้บานกระจก ตรงไปที่ห้องอาหารทันทีหวังจะอ้อนคุณย่าสักหน่อยจนได้ยินเสียงหัวเราะของท่าน กับแขกที่หล่อนไม่ค่อยชอบสักนิด เพราะเขาทำให้เมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับ

“อ้าว ตาต้ามาพอดีเลย มากินข้าวด้วยกันเร็วลูก” อยากหันหลังกลับตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อสายตาสองคู่หันมาเห็นเธอ

“คุณย่าชวนเขามาทำไมคะ” แลชายหนุ่มเพียงหางตาค่อยนั่งลงที่ประจำของตนเอง ซึ่งมันดันตรงข้ามอคิราห์ซะอย่างนั้น

“ย่ากินข้าวคนเดียวแล้วเหงา ดีที่พ่อคินกับต้ามากินด้วย ดูสิเจริญอาหารขึ้นตั้งเยอะ” แม่บ้านวางชามข้าวต้มกุ๊ยไว้ตรงหน้าหญิงสาว เธอค้อมศีรษะเป็นการขอบคุณเล็กน้อย ค่อยรับประทานอาหารเช้าพร้อมทั้งทำหน้าบึ้งด้วยความไม่ชอบใจที่ชายหนุ่มเอาแต่มองด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

เกลียดจนอยากจะควักลูกตาคู่นั้นออกมาจริงๆ

“วันนี้ต้ามีงานเช้าไหม”

“ไม่ค่ะ ตอนเช้าต้าว่าง คุณย่าจะให้พาไปไหนเหรอคะ” ถามด้วยความกระตือรือร้น ทว่าท่านกลับผินหน้าไปมองร่างสูงเสียอย่างนั้น

“นี่ไงตาคิน ได้คนไปเลือกชุดเป็นเพื่อนพอดี” หล่อนมองชายหนุ่มทันที เริ่มเห็นลางร้ายบางอย่างเสียแล้ว กำลังจะเปลี่ยนคำพูดแต่อคิราห์ก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

“ต้องรบกวนด้วยนะ ตาต้า” นั่นหมายความว่าเขากำลังบังคับเธอทางอ้อมชัดๆ แต่เรนิตาไม่มีทางยอมเด็ดขาด แค่กินข้าวด้วยกันก็อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว นี่ยังต้องไปเดินซื้อเสื้อผ้าให้อีกฝ่าย ฆ่าเธอให้ตายเสียเลยดีกว่า

“คือพอดีต้า”

“ไปเป็นเพื่อนคินหน่อยนะลูก เขาเพิ่งกลับมาไทยไม่รู้จักเส้นทางเท่าไหร่ หรือว่าให้ย่าไปกับคินดีไหม แค่กๆ” ท่านไอเล็กน้อยเหมือนไม่สบาย ร่างบางเลือกเก็บคำที่กำลังจะเอ่ยปิดปากสนิท พูดมาขนาดนี้ถ้าเธอให้คุณย่าไปก็เหมือนเป็นหลานอกตัญญูน่ะสิ ใบหน้าหวานบึ้งตึงแล้วมองชายหนุ่มราวจะกินเลือดกินเนื้อ

กลับมาก็ยุ่งกันหมด ไม่รู้จะมาทำไม ตอนไปไม่บอกสักคำ พอกลับมาจะเอานู้นเอานี่ มันน่าโมโหไหมล่ะแบบนี้

“ค่ะ เดี๋ยวต้าพาเขาไปเอง” คุณย่ายิ้มเอ็นดูหลานสาว ขณะที่อคิราห์ก็จ้องเธอไม่วางตาจนอึดอัดไปหมด

“ถ้าอย่างนั้นไปตอนนี้เลยไหม เดี๋ยวสายแล้วเธอไปทำงานตอนบ่ายไม่ทัน เพราะฉันต้องซื้อของเยอะซะด้วยสิ” กำลังจะตักข้าวต้มขึ้นรับประทานชายหนุ่มก็ชวนเสียก่อน หล่อนวางช้อนลงพร้อมหยิบน้ำขึ้นดื่ม

รีบไปก็ดีเหมือนกัน จะได้รีบซื้อให้เสร็จๆ ไม่ต้องเจอคนที่เกลียดอีก

“ขอตัวนะคะคุณย่า” ยกมือไหว้ท่านอย่างอ่อนน้อม ซึ่งชายหนุ่มก็ทำตามทันที

ทั้งสองเดินออกไปด้วยกันโดยมีสายตาของคุณเฟื่องรัตน์มองตาม ท่านอมยิ้มมีความสุขก่อนจะไอหลายครั้ง ช่วงนี้รู้สึกไม่สบายเอาเสียเลย ร่างกายอ่อนแอกลัวว่าจะตายวันตายพรุ่ง เลยอยากจะเห็นหลานเป็นฝั่งเป็นฝาในเร็ววัน ได้รักกับผู้ชายดีๆ

และท่านก็มองอคิราห์เอาไว้ แต่สุดท้ายหากหลานจะรักใครก็คงต้องยอมรับ...

“นี่ เดินเร็วขนาดนี้จะไปตามควายที่ไหนเหรอ” เห็นร่างบางเดินนำไปก่อนจึงเอ่ยขึ้น แต่กลับไม่ได้รับคำตอบซะอย่างนั้น

“เฮ้อ คนเรานะ เพื่อนกลับมาทั้งทีดันต้อนรับด้วยความเย็นชา แถมเมื่อวานตีกันซะน่วมไม่มีขอโทษสักคำ จิตใจทำด้วยอะไรก็ไม่รู้” ทำทีเป็นพูดแล้วมองซ้ายขวาเหมือนกล่าวลอยๆ จนคนที่เดินนำหน้ารีบหันกลับมามองด้วยดวงตาวาว

“แล้วใครอยากต้อนรับไม่ทราบ กลับมาทำไมก็ไม่รู้ น่าจะอยู่อเมริกาจนตายไปเลย” คำพูดของเธอไม่ได้ทำให้เขาโกรธสักนิด ชายหนุ่มกลับยกยิ้มราวมีความสุข

“ที่พูดเนี่ยเพราะคิดถึงฉันมากใช่ไหม เลยต้องประชดออกมา” หล่อนเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าเขาจะตีความเป็นการเข้าข้างตนเองอย่างนั้น เรนิตาสาวเท้าเข้าไปหาคนตัวสูง พลางย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจังเพื่อไม่ให้เข้าใจผิด

“ไม่ใช่ ฉันไม่เคยคิดถึงนายเลย เราเป็นแค่เพื่อนบ้าน คู่แข่งด้านการเรียนกันเท่านั้น ไม่มีอะไรอย่างอื่นแล้วฉันจะไปคิดถึงนายทำไม ไปไกลหูไกลตาก็ดี” สะบัดหน้าพลางเดินหนีทันที อคิราห์หัวเราะเล็กน้อยเห็นหญิงสาวทำท่าทางแบบนั้นแล้วน่าเอ็นดูชะมัดเลย

“รออยู่นี่แหละ ฉันจะไปเอารถ” เดินมาถึงหน้าบ้านใหญ่ก็บอกร่างบางให้รอ ทว่าเธอขัดเขาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ฉันจะไปรถตัวเอง นายก็ไปรถนาย ขากลับเราจะได้แยกกันเร็วๆ” ยกมือขึ้นกอดอกพลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย

“จะไปคนละคันทำไมให้มันเปลืองน้ำมัน ก็ไปคันเดียวกันเนี่ยแหละ”

“ไม่ ฉันจะไปคันของฉัน” อคิราห์ถอนหายใจแล้วคว้าข้อมือเล็กก่อนจะจูงให้ไปบ้านของตนเอง เธอโวยวายทันทีพยายามยื้อเอาไว้แต่สู้แรงเขาไม่ได้ คนอะไรแรงเยอะชะมัด

“ปล่อยฉันนะ นายจะมาลากฉันไปแบบนี้ไม่ได้ ฉันไม่เต็มใจได้ยินไหมเนี่ย ฉันบอกให้ปล่อยไงเล่า นี่นายอคิราห์!” ตะโกนเสียงดังก่อนจะรีบเม้มปากเมื่อเห็นมารดาของฝ่ายชายเดินออกมาจากบ้าน เธอกลายเป็นคนเรียบร้อยขึ้นมาทันที

“เอ่อ สวัสดีค่ะน้าเมย์” ทักทายคุณเมธาวี เตชธรรม มารดาของชายหนุ่มที่ยืนส่งยิ้มมาให้ ปลดมือออกทันทีก่อนจะยกขึ้นไหว้

“ไม่ค่อยได้เจอกันเลย ช่วงนี้งานยุ่งใช่ไหมจ๊ะ” หล่อนพยักหน้า

“ค่ะ พอดีจะเปิดกองก็เลยยุ่งนิดหน่อยค่ะ” อคิราห์หันมองคนที่ทำเสียงอ่อนหวานกับผู้ใหญ่ ทีอยู่กับเขาเสียงแข็งเชียว แบบนี้เรียกว่าสองมาตรฐานหรือเปล่า

“แล้วจะไปไหนกันเหรอ คินก็เหลือเกินลากเพื่อนมาได้ยังไง ตัวเราสูงน้อยซะเมื่อไหร่ เกิดหนูต้าล้มลงไปได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจะทำไง จริงๆ เลยลูกคนนี้” เอ็ดลูกชายตัวดีแต่อีกฝ่ายกลับยิ้มไม่สะทกสะท้ายเลยสักนิด

“ล้มก็ทำแผลสิครับแม่ ผมเป็นหมอทำให้ได้อยู่แล้ว” หันไปมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่อยากจะเชื่อว่าคนแบบนี้เป็นหมอได้ หน้าตาไม่น่าเชื่อถือสักนิด แถมยังทำตัวไม่น่านับถืออีก ถ้าเธอไปรักษากับเขามีหวังได้ตายก่อนหายแน่

“อ้อ ผมกับต้าจะไปซื้อของสักหน่อย ขอตัวก่อนนะครับ” ยกข้อมือขึ้นดูเวลาที่นาฬิกาก็พบว่าสายแล้ว เขาคว้ามือหล่อนมากุมเอาไว้แล้วลากให้เดินตามอีกครั้ง

“ว้าย ขอตัวนะคะ” หล่อนร้องเสียงหลง ไม่ลืมค้อมศีรษะให้คุณเมธาวี ขณะที่มืออีกข้างก็ยกขึ้นตีแผ่นหลังหนา

“จะลากอะไรนักหนา เห็นฉันเป็นวัวควายหรือไงฮะ” เขาไม่ตอบกลับเปิดประตูรถแล้วยัดหล่อนลงไปทันที จนใบหน้าสวยเงยขึ้นมองตาขวางจะลงจากรถทว่าร่างสูงกลับใช้มือค้ำโครงประตูเอาไว้ก่อน

“ถ้าลงมาฉันมีบทลงโทษ” ว่าเสียงยียวนพลางยกยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ฉันไม่กลัว” ยืนยันอย่างหนักแน่น แต่พอเห็นเขาเอาจริงก็เลยเม้มปาก หันกลับไปนั่งยืดตัวตรงจนอคิราห์ถามอย่างล้อเลียน

“อ้าว ไม่ลงแล้วเหรอ ไหนบอกว่าจะลงไง” พอเห็นเธอเงียบไม่โต้กลับก็ปิดประตูแล้วเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ ค่อยเคลื่อนตัวออกจากบ้านหลังใหญ่โดยมีสายตาของคุณเมธาวีมองตามกระทั่งรถลับสายตา ไม่นานประมุขของบ้านเตชธรรมก็เดินถือสูทออกจากบ้าน

“ทำไมมายืนตรงนี้” เธอหันกลับมามองสามี

“ไม่มีอะไรค่ะ คุณจะไปโรงพยาบาลแล้วเหรอคะ” คุณอนุวัต เตชธรรม ประมุขของบ้านทั้งยังเป็นผู้ถือหุ้นและแพทย์มากฝีมือของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ท่านพยักหน้าแล้วมองนาฬิกาเห็นว่าสายแล้ว พอดีกับที่คนรถขับรถยนต์มาจอดเทียบหน้าบ้าน

“วันนี้คุณกลับบ้านไหมคะ” กำลังจะขึ้นรถภรรยาก็ถามเสียงแผ่ว เขาหันมามองก่อนจะตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“ไม่ ผมจะไปบ้านชลธิดา” คุณผู้หญิงของบ้านหลังใหญ่พยักหน้ายิ้มเล็กน้อย มองตามรถสามีไปจนลับสายตาก่อนเดินเข้าบ้านด้วยใบหน้าอมทุกข์ เธอทนมาได้ตั้งหลายปีแล้ว ทนอยู่ไปอีกสักหน่อยมันจะเป็นอะไรไป

อย่างน้องลูกชายก็กลับมาบ้านไม่ต้องเหงาอยู่คนเดียวเหมือนเมื่อก่อน...

เมื่อถึงห้างสรรพสินค้าชายหนุ่มก็ตรงไปซื้อเสื้อผ้าทันที บางส่วนที่อยู่อเมริกากำลังทยอยส่งมาเพราะไปอยู่ตั้งสิบกว่าปีของค่อนข้างเยอะ ถ้าเอากลับมาครั้งเดียวคงไม่หมด ร่างบางเดินตามเขาพลางถอนหายใจหลายครั้ง

ถามตัวเองย้ำๆ ว่ามาทำอะไรที่นี่ “น้องต้ามาเลือกชุดไปฟิตติ้งเหรอคะ” เข้ามาร้านเสื้อผ้าของพี่ที่รู้จักก็โดนทักทันที หล่อนมักจะมากับสไตลิสเพื่อเลือกเสื้อผ้าไปให้นักแสดงใส่เวลาเล่นละคร ซึ่งเจ้าของร้านก็ยินดีมากเหมือนเป็นการโปรโมทอีกช่องทาง

“เปล่าค่ะ พาคนข้างบ้านมาเลือกชุด เลือกไม่ได้สักทีไม่รู้จะยากอะไรขนาดนั้น” เหลือบมองร่างสูงที่ยกเสื้อเชิ้ตขึ้นดูหลายตัวแต่ไม่ตัดสินใจสักที

“อุ้ย คนนั้นเหรอคะ หล่อขาวตี๋เกาหลีสุดๆ ว่าแต่เพื่อนข้างบ้านแน่เหรอคะ” เอ่ยเย้าแกมหยอก จนเรนิตาต้องแค่นเสียงหัวเราะ

“ค่ะ เพื่อนข้างบ้านจริงๆ ค่ะ พัฒนาไม่ได้หรอก เป็นประสาทตายก่อนพอดี” พูดจบก็ได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น

“ผมเอาสามตัวนี้ครับ” เจ้าของร้านรีบไปจัดการให้อย่างรวดเร็ว ขณะที่หญิงสาวยืนรอที่เดิม สักพักเขาก็เดินมาสมทบพร้อมถือถุงเสื้อผ้าที่ซื้อมาแล้วกว่าหกถุง

“เสร็จยัง ฉันต้องไปทำงานแล้ว” หาข้ออ้างเพื่อจะได้หลีกหนีทว่าอคิราห์ไม่ยอมให้เธอทำอย่างนั้น เขาถือถุงด้วยมือข้างเดียวส่วนอีกข้างก็เลื่อนมาจับมือหล่อนไว้แน่นเพื่อไม่ให้หนี ทำเอาคนตัวเล็กมองตาเขียว

“ตอนนี้เพิ่งสิบเอ็ดโมงเอง จะรีบไปไหน พาฉันไปทำผมก่อนสิ” ดวงตาเรียวมองผมของเขาที่ยาวปรกหน้า ก็เห็นด้วยทันทีว่าควรตัดสั้น เกิดตรวจคนไข้อยู่แล้วผมปรกตาจนวินิจฉัยผิดทำอย่างไร คิดดังนั้นจึงจำใจต้องพาคนข้างบ้านไปตัดผมตามความประสงค์

โดยเธอไม่รู้เลยว่านอกจากตัดผมแล้วชายหนุ่มยังจะเลือกทำสีผมอีก!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel