บท
ตั้งค่า

๘ (ไม่) ยินดีต้อนรับ (๑)

(ไม่) ยินดีต้อนรับ

หลังจากไปหากิรนันท์ถึงคอนโดแล้ว เรนิตาก็ยุ่งทั้งวันเนื่องจากต้องวิ่งไปกองถ่ายละครสองเรื่องพร้อมกัน ไหนจะเกิดเหตุผิดคิวกับนักแสดงสมทบอีก ต้องพาไปโรงพยาบาลเฝ้าดูอาการจนมั่นใจว่าไม่เป็นอะไรมากถึงได้กลับบ้าน

สปอร์ตคาร์เข้ามาจอดภายในโรงรถ ถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าพลางเอียงคอซ้ายคอหวังคลายความเมื่อย หยิบกระเป๋าแบรนด์ดังมาถือก่อนลงจากรถแล้วกดล็อค มองไปฝั่งเรือนไทยของคุณย่าเห็นยังเปิดไฟไว้อยู่ พอดีกับที่แม่บ้านคนสนิทของท่านเดินมา

“คุณย่ายังไม่นอนเหรอคะ” ถามด้วยความสงสัย ปกติท่านนอนตั้งแต่สองทุ่มไม่ใช่เหรอ นี่จะเที่ยงคืนอยู่แล้วยังไม่ปิดไฟด้วยซ้ำ

“ยังค่ะ พอดีท่านอ่านหนังสือเพลิน” พยักหน้าเข้าใจ กำลังจะถามต่อแต่ก็มีสายโทรศัพท์เข้าเสียก่อน หล่อนกลัวว่าจะมีเหตุด่วนพอยกขึ้นมารับก็เป็นลูกน้องที่แจ้งกำหนดการเลื่อนวันถ่ายฟิตติ้งละครเรื่องใหม่ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

“เข้าใจแล้ว” ตอบเสียงขรึม แล้วค่อยวางสายขณะเดินเข้ามาในบ้าน ใบหน้าหวานเรียบเฉยติดเย็นชา หล่อนรู้สึกเกลียดผู้หญิงคนนั้นเหลือเกิน เกลียดจนอยากทำให้ไม่มีที่ยืนในสังคมด้วยซ้ำ

ใจมันร้อนรุ่มก่อนที่ท้องจะร้องประท้วงด้วยความหิว จึงเปลี่ยนเส้นทางจากที่จะเดินไปบนบ้านกลับเลี้ยวเข้าห้องครัว ไฟเปิดสว่างทั่วบ้านหลังใหญ่ด้วยรู้ว่าคุณหนูตาต้ายังไม่กลับ หล่อนวางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะรับประทานอาหาร เดินเข้าไปโซนครัวที่ปิดไฟมืดสนิท

มือเรียวกำลังจะกดเปิดสวิตซ์แต่เห็นเงาตะคุ่มซะก่อน ดวงตาเรียวเบิกกว้างขึ้น หันรีหันขว้างหาอุปกรณ์ก่อนจะเจอสากที่อยู่แถวนั้น หยิบมาถือไว้มั่นก่อนย่องเข้าไปเสียงเบา โจรขโมยพวกนี้มันกล้ามากนะที่มาขึ้นบ้านเธอ

รู้จักเรนิตายูโดสายดำดั้งสองน้อยไปเสียแล้ว จะทำให้หาทางกลับบ้านไม่ถูกเลยคอยดู!

ยกสากเงื้อขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนจะกระหน่ำตีลงไปที่แผ่นหลังหนาอย่างไม่ปรานี ได้ยินเสียงร้องโอดครวญดังทั่วห้อง แต่เธอก็ยังไม่หยุดการกระทำเพราะกะเอาให้อีกฝ่ายเลือดตกยางออก ถึงขึ้นโรงพักก็บอกว่าเป็นเพียงการป้องกันตัว

“โอ๊ย หยุดเดี๋ยวนี้ ยัยบ้าเอ๊ย ฉันบอกให้หยุดไงเล่า โอ๊ยๆๆๆ แรงคนหรือควายกันแน่เนี่ย โอ๊ยเจ็บ!” อีกฝ่ายพยายามหลบแต่เธอก็เล็งไปที่จุดอื่นแทน อย่างแขนหรือไหล่ ทว่าไม่นานมือที่ถืออาวุธซึ่งคืออุปกรณ์ทำครัวก็ถูกคว้าเอาไว้ได้เสียก่อน

ว่าก็ว่าเถอะนะ...เสียงนั่นคุ้นชะมัดเลย

“เล่นกันทีเผลอใช่ไหม” เขาพึมพำเสียงเบา ก่อนจะสับแขนหล่อนจนสากตกพื้น แล้วดึงให้เข้ามาใกล้ มืออีกข้างโอบเอวบางเอาไว้ ทำให้ตอนนี้ใบหน้าทั้งสองอยู่ไม่ห่างกันมากนัก

และจากแสงที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้เห็นใบหน้าคมชัดขึ้นกว่าเมื่อครู่ถึงห้องจะมืดก็ตาม หล่อนเผยอปากขึ้นเล็กน้อยยามได้สบตากับเขา แทบลืมคนตรงหน้าไปแล้วเสียอีก...

“คิน..” ริมฝีปากหนาได้รูปยกยิ้มขึ้น แล้วขยับใบหน้าเข้าไปใกล้เธออีกจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน

“ไง ไม่เจอกันนานยังโหดเหมือนเดิมเลยนะ คุณหนูตาต้า” หัวใจหล่อนเต้นเร็วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยชื่อของตนเอง และก่อนจะได้ทักเขากลับไฟห้องครัวก็สว่างขึ้นเสียก่อน เธอรีบผละออกห่างคนตัวสูงอย่างรวดเร็วแล้วมองไปยังผู้มาใหม่

เห็นคุณย่าของตนเองจ้องก่อนหน้าแล้วจึงได้เดินไปหาท่าน “คุณย่า ทำไมยังไม่นอนคะ” ตกใจไม่หายที่คนซึ่งไม่เจอกันหลายสิบปีกลับมายืนตรงหน้า พยายามไม่หันไปมองเขาแล้วคุยกับคุณเฟื่องรัตน์เสียงอ่อนหวาน

“ย่าได้ยินเสียงเอะอะจากบ้านใหญ่เลยเดินมาดู อีกอย่างย่าวานให้พ่อคินมาหยิบหนังสือ รอตั้งนานไม่เห็นสักทีก็เลยมาตาม” ผู้บริหารสาวมีสีหน้าไม่ใคร่พอใจนัก หันมามองผู้บุกรุกอย่างหาเรื่องก่อนจะหลบสายตาไปจับจ้องใบหน้าของคนสูงวัย

“แล้วนั่นไปโดนอะไรล่ะ ตายแล้ว มีเลือดออกด้วย” คนทำได้ยินก็หันไปมอง เห็นแขนของเขามีเลือดออกคงมาจากการถูกตีเมื่อสักครู่ แต่มันน่าจะช้ำมากกว่าไม่ใช่หรือไง

หนุ่มหล่อยิ้มเล็กน้อย ยกแขนขึ้นมาดูคงจะเป็นช่วงที่เขาพยายามปัดป้องตัวเองมันเลยโดนหนักจนเลือดออก สาวเท้าเข้าไปใกล้คุณย่าเฟื่องรัตน์ขณะที่เรนิตาก็ขยับห่างเขา ไม่ต้องการอยู่ใกล้ศัตรูที่รู้สึกเกลียดหน้าสักนิด

อคิราห์ เตชธรรม เพื่อนบ้านที่เรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่เด็ก แข่งกันทำคะแนนจนผลัดกันนำผลัดกันตามเสมอ บางครั้งคะแนนเธอก็น้อยกว่าเขาหนึ่งหรือสองคะแนน เมื่อชายหนุ่มชนะมักจะมาเยาะเย้ยจนคับแค้นใจ ทว่าพอจบมัธยมต้นอีกฝ่ายก็ไปเรียนที่อเมริกาทันที

ไม่มีแม้แต่คำบอกลา...

“ทำอีท่าไหนล่ะเรา ก่อนหน้านี้ยังไม่มีแผลเลยไม่ใช่เหรอ” แววตาคมหันมองหญิงสาวที่เป็นต้นเหตุ ทำเอาคุณผู้หญิงของบ้านต้องหันตาม

“เราทำเพื่อนเหรอตาต้า” หล่อนเม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้าช้าๆ

“ก็ต้านึกว่าเขาเป็นโจรนี่คะ ใครใช้ให้มาทำตัวน่าสงสัยล่ะ แล้วไม่เปิดไฟด้วยก็นึกว่าขโมยขึ้นบ้านน่ะสิ” ประโยคหลังเริ่มรวนใส่คนตัวสูง ทำเอาคุณเฟื่องรัตน์ส่ายหน้าระอากับความเจ้าคิดเจ้าแค้นของหลานสาว

รู้ว่าทั้งสองไม่ค่อยชอบกันเท่าไหร่ มักจะแข่งกันทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องเรียนไปจนงานอดิเรก หากอคิราห์ไปเรียนวาดรูปแล้วทำออกมาได้ดี หลานสาวสุดที่รักของท่านก็จะไปเรียนบ้างแล้วต้องดีกว่าชายหนุ่มเท่านั้น

ฝ่ายชายก็น้อยหน้าเสียเมื่อไหร่ เห็นว่าหญิงสาวไปซื้อแมวมาเลี้ยง ชายหนุ่มก็ซื้อสุนัขพันธ์โกลเด้น รีเทฟเวอร์มาทันที แต่แมวและสุนัขสองตัวก็เป็นเพื่อนรักกัน เสียไปเมื่อสามปีก่อน ทำเอาเรนิตาเศร้าไปเป็นเดือนเพราะค่อนข้างผูกพัน

“เรานี่นา แล้วย่าให้มาเอาหนังสือแล้วทำไมโผล่ที่ครัวได้ล่ะ” ถามฝ่ายชายบ้าง

“ผมหิวครับ ก็เลยว่าจะมาหาอะไรกิน” ท่านหันมามองหลานสาวบ้าง

“แล้วเรามาทำอะไรที่ครัว” เรนิตานิ่งคิดสักพักค่อยตอบ

“ต้าหิว” ตอบจบก็มีเสียงท้องร้องของหญิงสาวประกอบ คนตัวสูงหลุดหัวเราะเลยโดนสาวเจ้าถลึงตาใส่ทันที

“เอาอย่างนี้แล้วกัน ต้าก็ไปทำแผลให้คิน เดี๋ยวย่าบอกแม่บ้านทำกับข้าวให้เอง” หล่อนเบิกตากว้างพร้อมส่ายหน้าทันที ทำแผลให้หมอนี่น่ะเหรอ ไม่เอาด้วยหรอก

“เขาเจ็บเองก็ให้ทำเองสิ ต้าไม่เกี่ยวสักหน่อย” บอกหน้าตายก่อนจะโดนคุณเฟื่องรัตน์ตีลงที่แขนเรียวเบาๆ เป็นการลงโทษ

“แล้วใครเป็นคนทำเขาเจ็บล่ะ ไปเลย ไปทำแผลให้คินเดี๋ยวนี้” แล้วเธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ จำต้องเดินนำหน้าคนตัวสูงไปยังห้องโถงใหญ่ ก่อนจะเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลที่ใส่ไว้ในตู้เก็บของซึ่งเป็นตู้ไม้เก่าของบิดา

หล่อนมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ เห็นเขามองไปโดยรอบไม่นั่งสักทีก็เริ่มหงุดหงิด ที่จริงก็ไม่ชอบใจตั้งแต่เห็นอีกฝ่ายในบ้านของตนเองแล้ว

“นั่งสิ จะยืนอีกนานไหม” บอกเสียงแข็ง เล่นเอาหนุ่มนักเรียนนอกถึงกับอมยิ้ม ค่อยนั่งลงที่โซฟากลาง

“ดุจัง ขนาดดัมโบ้ยังไม่ดุเท่านี้เลย” เอ่ยถึงสุนัขของตนที่เคยเลี้ยง แต่มันตายไปแล้วโดยที่เขาทำเพียงรับรู้เท่านั้น เนื่องจากศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยต่างประเทศไม่สามารถกลับมาเมืองไทยได้

“อย่าพูดถึงดัมโบ้ นายไม่ได้เลี้ยงมันด้วยซ้ำ” ว่าเสียงเรียบขณะที่ดวงตาสั่นไหวเพียงเล็กน้อย

เธอเคยเลี้ยงแมวพันธุ์สก็อตติชโฟล์ด ชื่อว่าปีโป้ และเจ้าดัมโบ้ก็ชอบแอบมาเล่นกับปีโป้บ่อยเหลือเกิน จนกลายเป็นว่ามันเหมือนสุนัขของเธอมากกว่าชายหนุ่มซะอีก

ในเมื่อซื้อมาได้ปีเดียวเจ้าของก็บินไปเรียนต่อทันที...

“ขอบคุณที่ดูแลมันให้นะ” หญิงสาวพยายามเพ่งสมาธิไปที่การทำแผล ไม่สนใจดวงตาคมที่จับจ้องตนเองไม่วางตา ทำเอาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะก่อนที่จะผละออกเมื่อติดพลาสเตอร์ให้เขาเรียบร้อยแล้ว

“เสร็จแล้ว ทีหลังก็เปิดไฟซะบ้าง คนจะได้ไม่คิดว่าเป็นขโมย” ลุกขึ้นยืนแล้วเอากล่องปฐมพยาบาลไปเก็บ อคิราห์มองตามแผ่นหลังเล็กแล้วก้มลงดูแผลของตนเอง ที่จริงมันก็ไม่ได้เจ็บเท่าไหร่ หนักที่หลังมากกว่าเพราะเรนิตาใส่ไม่ยั้ง

สงสัยต้องหาแผ่นแก้ปวดติดซะแล้ว มือหนักเป็นบ้าเลยผู้หญิงคนนี้ แต่ก็น่ารักดี...

“อาหารเสร็จแล้ว มากินเร็วลูก” คุณเฟื่องรัตน์ที่ควบคุมการทำอาหารมื้อดึกเรียกหลานทั้งสองให้มานั่งในครัว รู้ดีว่าดึกขนาดนี้หลานสาวคงไม่กินอะไรหนัก จึงเลือกทำสลัดน้ำผลไม้ ส่วนฝ่ายชายก็ได้สุกี้ทะเลของโปรดเล่นเอายิ้มหน้าบาน

สองหนุ่มสาวรับประทานอาหารโดยไม่สนใจกัน ก่อนที่สลัดในจานจะหมดและเรนิตาก็อิ่มพอดี ไม่ต่างจากอคิราห์เท่าไหร่ เขายกแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนเอ่ยชมแม่บ้าน

“คุณป้าทำอาหารอร่อยเหมือนเดิมเลยครับ” ปากหวานเสียเหลือเกิน หญิงสาวทำปากขมุบขมิบล้อเลียนก่อนจะลุกขึ้นยืน

“ต้าขอตัวก่อนนะคะคุณย่า ดึกมากแล้วรู้สึกง่วง ไว้เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ” ก้มลงหอมแก้มท่านแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าตนเองที่วางไว้ห้องรับแขก ค่อยเดินขึ้นห้องเหลือเพียงคุณเฟื่องรัตน์และหลานชายข้างบ้านที่ท่านรู้สึกเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลาน

“เดี๋ยวผมเดินไปส่งที่บ้านนะครับ” ประคองท่านให้ยืน ที่จริงคุณย่าก็ดูสุขภาพแข็งแรงดีถึงจะอายุ 78 ปีแล้วก็ตาม

“พรุ่งนี้มากินข้าวเช้ากับย่าสิ จะได้คุยกันมากกว่านี้” มาถึงบ้านเรือนไทยหลังงามท่านก็เอ่ยชวน เขาพยักหน้าทันทีเพราะอย่างไรก็ไม่มีธุระที่ไหนอยู่แล้ว เพิ่งกลับมาบ้านก็อยากพูดคุยกับคุณย่าที่เคารพ อีกอย่างก็หวังเห็นใบหน้าหวานของใครบางคนด้วย

“ได้ครับ” ส่งคุณเฟื่องรัตน์เสร็จแล้วก็เดินกลับบ้านตนเองที่อยู่ข้างๆ กัน

อคิราห์เรียนจบแพทย์ศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เพิ่งกลับมาได้สองวัน แทบจะไม่ออกบ้านเพราะวันแรกก็นอนพักผ่อน เหนื่อยจากการเดินทาง เพิ่งมีวันนี้ที่ออกมาทักทายคุณย่าเฟื่องรัตน์

และยังได้เจอคู่อริทางการเรียนอย่างเรนิตาอีกด้วย สวยขึ้นเป็นกองจนแทบละสายตาไม่ได้เลย...

“แม่ยังไม่นอนอีกเหรอครับ” เห็นมารดาเดินลงมาจากชั้นบนเลยถามขึ้น

“แม่หิวน้ำว่าจะลงมาดื่มสักหน่อย เราเถอะดึกแล้วไปไหนมา” ใบหน้าหล่ออมยิ้มเล็กน้อยแล้วเข้าไปหาท่านพลางกอดแขนของคนมากกว่าวัยเอาไว้

“ไปหาคุณย่าครับ” พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นแผลของบุตรชาย ถามไถ่เพียงครู่เดียวก็ได้ความว่าซุ่มซ่ามเอง นางเลยส่ายศีรษะอย่างระอาก่อนจะเดินไปดื่มน้ำค่อยเข้านอน

ดวงตาคมมองตามแผ่นหลังของมารดา บ้านหลังงามดูใหญ่โตเกินกว่าจะอยู่สามคน และมันดูหว่าเหว่จนเขาอดสงสารแม่ไม่ได้เมื่อคิดว่าตอนที่ตนเองไปเรียนท่านจะเหงามากเพียงใด แล้วยิ่งสามีสุดที่รักไปอยู่บ้านหลังเล็กกับเหล่าเมียน้อยต้องข่มความเจ็บปวดเอาไว้มากแค่ไหน

พรูลมหายใจออกมาเล็กน้อยค่อยก้าวขึ้นบันไดไปยังห้องของตนเอง เปิดประตูบานหนาแล้วกดสวิตซ์ไฟทั้งห้องจึงสว่างขึ้น เขาก้าวไปยังประตูระเบียงเปิดมันออกช้าๆ มองไปยังบ้านที่อยู่ข้างๆ กัน เห็นว่าไฟยังเปิดอยู่

สงสัยเรนิตายังไม่นอน...

อมยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้กลับมาอยู่ที่เดิม หลังจากห่างบ้านไปนาน คิดถึงบรรยากาศธรรมดาแบบนี้ อีกอย่างก็คือคิดถึง...

เธอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel