๖ เล่นงาน (๒)
“พี่เข้าใจเราว่ารู้สึกยังไง แต่อย่างที่บอกนั่นแหละ พี่ก็โดนเบื้องบนกดดันมาเหมือนกัน เขาอยากให้กี้ออกจากงาน ส่วนค่าชดเชยจะจ่ายให้ทันที”
ทันทีอย่างนั้นเหรอ...
“หมายความว่าพี่จะไล่กี้ออกวันนี้เลยใช่ไหมคะ” หัวหน้างานก็หนักใจเหมือนกันที่ต้องทำเรื่องแบบนี้ ขอคำอธิบายจากประธานบริษัทแล้วแต่ก็ไม่มีอะไรตอบกลับมา นอกเสียจากว่าการทำงานของกิรนันท์ไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งมันไม่จริงเลย ถึงหญิงสาวจะเพิ่งมาทำงานแต่ก็ขยันขันแข็ง ช่วยงานได้เยอะพอสมควร หล่อนออกตัวแทนมารอบหนึ่งแล้วแต่มีหรือที่ไม้ซีกจะงัดไม้ซุงได้
จำใจต้องยื่นซองขาวให้หญิงสาวมากความสามารถผู้นี้
“ใช่ ท่านประธานต้องการให้กี้ออกวันนี้เลย” หล่อนเลือดขึ้นหน้า โวยวายทันทีเมื่อได้รับความไม่เป็นธรรม
“ทำไมคะ กี้จะไปถามเขาเดี๋ยวนี้ กี้ทำผิดอะไรถึงต้องไล่ออก กี้ไม่เข้าใจ” หญิงมากกว่าวัยทำหน้าเครียด แล้วบอกเท่าที่ตนเองทราบ
“เห็นว่าคุณรวิภามาขอร้องเนี่ยแหละ กี้ไปขัดขาใครเข้าหรือเปล่าถึงโดนเล่นงานหนักขนาดนี้” จากที่อารมณ์ร้อนก็ค่อยนิ่งคิดสักพัก เธอไม่รู้จักผู้หญิงชื่อรวิภาสักหน่อย แล้วอีกฝ่ายจะมาหาเรื่องทำไมกัน
“เขาเป็นใครเหรอคะ”
“ก็คุณรวิภา พัฒนพล ภรรยาคุณพิภัชเจ้าของบริษัท PNP Corporation ที่เราทำงานให้ตอนนี้ไง” มือไม้สั่นเมื่อฟังจบ รู้ทันทีว่าถูกครอบครัวของฝ่ายชายจับได้เสียแล้ว
คุณรวิภาคือมารดาของพิธานนั่นเอง!
ลอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ถ้าเจอแบบนี้ชีวิตเธอต้องไม่สงบสุขแน่ หญิงสาวนั่งนิ่งที่เดิมฟังเจ้านายซึ่งกำลังจะกลายเป็นอดีตพูดเกี่ยวกับหน้าที่การงานในอนาคต บอกสามารถฝากฝังให้ได้แต่เธอก็ปฏิเสธ ไม่อยากให้คนอื่นพลอยโดนร่างแหไปด้วย
ไม่รู้คุณรวิภาจะมาไม้ไหนอีก แล้วท่านรู้เรื่องของพวกเขาได้อย่าง คิดอย่างกลัดกลุ้มก่อนจะหยิบซองสีขาวมาถือไว้ นอกจากจดหมายไล่ออกยังมีเงินจำนวนหนึ่งเป็นค่าชดเชย เธอไม่ได้สนใจจะนับเพราะตอนนี้ต้องการคุยกับพิธานให้เร็วที่สุด
ของบนโต๊ะมีไม่มากค่อยมาเก็บพรุ่งนี้ก็ไม่สาย
เดินลงมาข้างล่างพลางกดโทรออกหาคนรัก แต่เขาไม่รับสายสงสัยจะติดงาน หล่อนเลือกจะไปรอพิธานที่คอนโดอีกฝ่าย ดีที่มีคีย์การ์ดเพราะชายหนุ่มทำให้ตามคำขอ ใจมันร้อนไปหมดเหมือนมีไฟมาสุมเอาไว้
ทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว ไล่ออกจากที่ทำงานโดยที่เธอไม่ผิด ใช้อำนาจในทางไม่ควร ถ้าไม่ติดที่เป็นมารดาของคนรักหล่อนคงไปหาเรื่องถึงที่
จ่ายเงินให้แท็กซี่แล้วเข้าไปในคอนโดมิเนียมหรู ถ้าไม่ได้คบกับพิธานหล่อนคงไม่มีปัญญาจะอยู่ที่หรูหราแบบนี้หรอก ห้องหนึ่งเริ่มต้นที่หนึ่งร้อยล้านบาท มันคือเงินที่ทั้งชีวิตไม่รู้จะหาได้หรือเปล่า แต่กับร่างสูงซึ่งมีพร้อมตั้งแต่เกิดสามารถใช้ได้อย่างสบายๆ ซื้อความสุขให้ตนเอง
น่าอิจฉาเหลือเกิน...
แตะคีย์การ์ดที่ประตูก่อนจะเปิดออก ไฟในห้องไม่ได้เปิดอัตโนมัติเพราะมันเปิดก่อนที่หล่อนจะเข้ามาเสียอีก ทว่ากิรนันท์ไม่ได้สังเกต ถอดรองเท้าส้นสูงออกเปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์ ค่อยเดินเข้าข้างในแต่เมื่อดวงตากลมโตเห็นว่ามีคนอยู่ก่อนแล้วจึงชะงัก
ผู้หญิงท่าทางสง่างามคนนั้น...จ้องเธอกลับด้วยแววตาเย็นยะเยือกราวต้องการแช่แข็งคนมาใหม่ ใบหน้าเรียบเฉยติดบึ้งตึงทำให้อุณหภูมิในห้องลดลงอย่างรวดเร็ว
อย่าบอกนะว่านั่นคือคุณรวิภา
“เป็นครั้งแรกที่เจอเธอเลยนะ กิรนันท์” น้ำเสียงเย็นกล่าวขึ้น พร้อมลุกจากโซฟามาหยุดยืนตรงหน้าคนที่เพิ่งเข้าห้อง
จากที่อารมณ์เสียตอนนี้กลายเป็นความหวาดกลัวแทน หากทำได้อยากหันหลังแล้วเดินออกจากห้องแต่คงไม่ทันเสียแล้ว สุดท้ายจึงยืนอยู่ที่เดิมแล้วยกมือขึ้นไหว้
“สวัสดีค่ะคุณหญิง” ไม่รู้จะเรียกอีกฝ่ายว่าอะไรจึงแทนเป็นคุณหญิง ทว่ากลับเรียกเสียงหัวเราะจากท่าน
“คุณหญิงอะไรกัน ฉันเป็นแค่คนธรรมดาไม่ได้ถูกตั้งยศศักดิ์สักหน่อย คราวหน้าถ้าจะจับผู้ชายคนไหนก็ศึกษาประวัติครอบครัวเขาด้วยก็ดีนะ” ยกมือขึ้นกอดอกจ้องหญิงสาวนิ่ง แม่บ้านที่มาด้วยกันปลีกตัวออกไปปล่อยให้คนทั้งสองได้พูดคุยเป็นส่วนตัว
กิรนันท์รู้สึกเหมือนกำลังถูกเผาไหม้ด้วยไฟที่ออกมาจากดวงตาคู่นั้น มือสั่นจนต้องกุมเอาไว้ด้านหน้า ไม่กล้าพูดอะไรอีกปล่อยให้ห้องเงียบ
“ได้ข่าวว่าโดนไล่ออกจากงานใช่ไหม น่าสงสารจังเลยนะ เศรษฐกิจแบบนี้งานก็หายาก แต่ไม่เป็นไรหรอกเพราะบ้านเธอก็มีร้านขายผักอยู่แล้ว กลับไปช่วยแม่ดีกว่า หรือจะไปช่วยพ่อที่เป็นแค่ดาบตำรวจมาเกือบสามสิบปีดีล่ะ จะมีดีก็แต่พี่ชายหน้าที่การงานก้าวหน้ากว่าคนอื่น สงสัยคงทำเหมือนน้อง...ที่ใช้ร่างกายมากกว่าสมอง”
หล่อนนิ่งอึ้งเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงประวัติของครอบครัว แสดงว่าคงไปสืบค้นมาเรียบร้อยแล้วสินะ
ไม่คิดว่าแม่ของพิธานน่ากลัวมาก่อน เพราะหล่อนไม่เคยนึกถึงครอบครัวเขาสักครั้ง ลืมเสียสนิทว่าชายหนุ่มฐานะต่างจากตนเองมากขนาดนี้ แล้วมารดาของฝ่ายชายจะรังเกียจว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้หรือไม่ ซึ่งคำตอบก็ออกมาแล้ว
ท่านเกลียดเธอราวกิ้งกือไส้เดือนซะอีก ไหนจะวาจาที่ใช้ถึงไม่หยาบคายแต่บาดหัวใจจนเจ็บ ร่างบางไม่อาจโต้ตอบอะไรออกมาได้ สมองมันชาจากคำดูถูกนั้น
“ลูกของฉันมีผู้หญิงที่เหมาะสมจะเป็นภรรยาแล้ว เธอก็เป็นแค่ของเล่นที่หยิบจับง่าย อย่าคิดว่าเขาให้อภิสิทธิ์อะไรเลย” ย้ำให้รู้ ถึงจะโกรธมากแค่ไหนที่ลูกชายให้คีย์การ์ดเพนท์เฮ้าส์กับผู้หญิงคนนี้
เธอจ้างคนสืบประวัติเพียงวันเดียวก็รู้เรื่อง เป็นแค่ลูกแม่ค้ากับตำรวจกระจอกๆ ยังอยากเผยอนั่งเชิดคอ ก็ต้องเจอของหนักแบบนี้แหละ
“เรารักกันค่ะ”
“ลูกชายฉันมีคนรักอยู่แล้ว! เธอมาทีหลังแล้วยังมีหน้ามาบอกว่ารักกัน น่าไม่อายจริงๆ” พูดขึ้นเสียงเมื่อได้ยินกิรนันท์บอกอย่างนั้น เธอรู้ทุกอย่างแม้กระทั่งการทำตัวเหมือนคนเรียบร้อยทั้งที่ข้างในซ่อนพิษร้ายเอาไว้
คนแบบนี้อย่างหวังจะร่วมวงศ์ตระกูลเลย แค่เดินผ่านยังระคายตัว
“เธอคงคิดว่าฉันจะใจดีเหมือนแม่ผัวในละครปัจจุบันสินะ แต่ไม่ใช่หรอก ฉันน่ะมันเป็นแม่ผัวตัวร้ายที่เลือกลูกสะใภ้ ยิ่งพวกระดับล่างที่หวังใช้ร่างกายปรนเปรอไม่มีสมองประดับด้วยเนี่ย ฉันยิ่งเกลียดและจะเล่นงานให้ถึงที่สุด อยากรู้ไหมล่ะว่าฉันทำอะไรได้บ้าง” ก้าวเข้าไปหาพลางมองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เสื้อคงซื้อตามตลาดนัด รองเท้าของถูกๆ กระเป๋าก็ก็อป มีอะไรเป็นของจริงหรือเปล่าบนตัวเธอ แม้แต่นิสัยยังปลอมเลย” ยิ้มเหยียดแล้วผละออกไปทว่าหญิงสาวที่ทนมานานพูดขึ้นเสียก่อน
“แล้วคุณเป็นผู้ใหญ่แบบไหนคะถึงมารังแกกันแบบนี้ ไล่คนอื่นออกเพราะเหตุผลแค่นี้มันถูกต้องแล้วเหรอ” ทนไม่ไหวจึงกำมือแน่นแล้วพูดออกไปตามความรู้สึกของตัวเอง
คุณผู้หญิงแห่งบ้านพัฒนพลค่อยหันกลับมา แล้วยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย จ้องหญิงรุ่นลูกไม่วางตาก่อนจะตอบเสียงเรียบ
“ฉันทำถูกแล้ว ผู้หญิงแบบเธอถ้าปล่อยให้ทำงานในนั้นต่อไปไม่วายอ่อยคนอื่นไปทั่ว สันดานแย่งของคนอื่นมันไม่หายไปหรอก” ถ้าไม่ติดว่าคนตรงหน้าเป็นมารดาของพิธานคงได้ตบปากคนแก่ก็คราวนี้แหละ คิดอย่างเคียดแค้นพลางกำมือแน่น
“ตอนแรกฉันก็จะให้เงินเธอจะได้ออกจากชีวิตลูกชายฉัน แต่ดูเหมือนคงไม่ต้องแล้วล่ะ ได้เงินชดเชยจากบริษัทแล้วนิ ค่าตัวเธอแค่นั้นก็พอแล้ว ของริมทางมันก็ถูกแบบนี้แหละ” ว่าแล้วก็เดินเข้ามาดึงคีย์การ์ดห้องหรูออกจากมือเล็ก
“ห้องนี้ฉันซื้อให้ลูกชายเพราะฉะนั้นมันเป็นของฉัน และฉันไม่ต้อนรับเธอ เชิญ” ผายมือไปยังประตูทำให้กิรนันท์ไม่สามารถพูดหรือโต้ตอบได้เลย หญิงสาวเม้มปากแน่นค่อยเดินออกจากห้องที่เป็นดังรังรักของตัวเอง
เจ็บใจจนปวดไปหมด หล่อนเข้ามาภายในลิฟต์ที่ร้างผู้คน ก่อนจะตัดสินใจกรีดร้องระบายความอัดแน่นที่โดนดูถูกต่างๆ นานา โกรธไปถึงบิดามารดาที่ทำให้เธอต้องมีชาติตระกูลต่ำต้อยสู้คนอื่นไม่ได้ หากเป็นเรนิตาคงถูกยอมรับโดยง่ายสินะ
คิดแล้วก็เพิ่มเสียงร้องอีกจนดังก้องห้องโดยสาร “กรี๊ด!!!!” หน้าหวานแดงไปหมดก่อนจะเงียบลงเมื่อประตูเปิดออกยังชั้นล่าง
เธอปรับเป็นสีหน้าเรียบค่อยก้าวออกไปอย่างมั่นคง กำกระเป๋าของตนเองไว้แน่น ถึงจะเคยทำงานเป็นนางฟ้าบนเครื่องบินแต่ก็ไม่ได้ซื้อกระเป๋าราคาแพงสักเท่าไหร่ เนื่องด้วยต้องจ่ายค่าคอนโดที่ซื้อมาหลายล้าน ไหนจะรถยนต์อีก ถึงได้ซื้อของก็อปเกรดเอที่มองแล้วแทบไม่ต่างจากของจริง
ทว่าวันนี้มันทำให้หล่อนอับอายมากกว่าเดิม จนอยากโยนทิ้งให้พ้นหูพ้นตา แต่ก็ไม่สามารถทำได้ คงต้องกลับถึงห้องก่อนแล้วจะเผาของพวกนี้ทิ้งให้หมด!
ขณะที่กำลังรอรถแท็กซี่ดวงตากลมโตก็มองไปยังถนนฝั่งตรงข้าม หล่อนเห็นเพื่อนในกลุ่มที่ไม่ค่อยสนิทอย่างเรนิตาจ้องมองอยู่ก่อนหน้าแล้ว ฝ่ายนั้นยืนพิงสปอร์ตคาร์คันหรูราคากว่ายี่สิบล้าน หากตาไม่ฝาดเหมือนเห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยก่อนที่เพื่อนคนนั้นจะสวมแว่นตาสีชา
แล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งประจำที่ ออกรถอย่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน
มันหมายความว่าอย่างไร...
รอยยิ้มเมื่อสักครู่ของเรนิตาทำเอาเธอตกอยู่ในภวังค์ความคิด แล้วเหตุใดอีกฝ่ายจึงมาอยู่หน้าคอนโดของพิธาน อย่าบอกนะว่ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว!
หัวใจแทบหล่นเมื่อเริ่มมั่นใจในความคิดของตัวเอง เรนิตารู้เรื่องของหล่อนกับพิธานแล้วอย่างนั้นใช่ไหม แล้วรู้จากใคร คุณรวิภาหรือ..
ไม่น่าเป็นไปได้ ท่านคงไม่บอกว่าที่ลูกสะใภ้ที่ชื่นชอบหรอกว่าลูกตนเองมีคนอื่น ถ้าอย่างนั้นคงรู้ด้วยตัวเองสินะ แล้วทำไมถึงต้องมารออยู่หน้าคอนโดด้วย คิดไม่ตกกระทั่งเห็นรถแท็กซี่จึงรีบโบก ขึ้นไปนั่งข้างหลังโดยสมองประมวลผลไม่หยุด
ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นเมื่อคิดถึงข้อสันนิษฐานที่อาจเป็นไปได้...เรนิตาเป็นคนบอกความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับพิธานให้คุณรวิภารู้อย่างนั้นเหรอ!
