๖ เล่นงาน (๑)
๖
เล่นงาน
ครัวฝรั่งของเพ้นท์เฮาส์ถูกใช้ในช่วงเช้า โดยหญิงสาวที่มานอนตั้งแต่เมื่อคืน หล่อนสวมเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มทับด้วยกางเกงขาสั้นที่แทบจะไม่โผล่พ้นขอบเสื้อ ผมยาวถูกปล่อยสยายกลางแผ่นหลัง ทำเอาคนที่เพิ่งตื่นต้องมองด้วยแววตากรุ่มกริ่ม
เดินไปกอดเธอจากทางด้านหลัง พลางโน้มหน้ามาหอมแก้มนุ่มอย่างรักใคร่ คลอเคลียไม่ห่างทำเอาแม่ครัวจำเป็นต้องบอกให้ถอย
“กี้กำลังทำอาหารอยู่นะคะ เดี๋ยวน้ำมันก็กระเด็นใส่หรอก” ใบหน้าคมยกยิ้ม
“ไม่เห็นกระเด็นเลย ผมก็อยู่ตั้งไกล” หาข้ออ้างแล้วกอดกระชับเอวบางให้แน่นขึ้นกว่าเดิม ชอบที่เห็นเธอใส่เสื้อของตนเอง ไหนจะกลุ่มผมสีดำขลับที่นุ่มดุจแพรไหม ทั้งยังหอมจนไม่อยากออกห่าง หลงกิรนันท์หัวปักหัวปำแล้ว
“เมื่อวานคุณทีมกลับบ้านทำไมเหรอคะ” โทรหาเขาก็ไม่รับสาย พอมาดูที่คอนโดก็ไม่พบรถยนต์ที่มักจะจอดอยู่ชั้นวีไอพี นั่งรอจนกระทั่งอีกฝ่ายกลับมาจึงได้พากันขึ้นห้อง ตอนแรกก็ว่าจะอยู่ที่คอนโดของตนเองทว่าทนความคิดถึงไม่ไหว
ตัดสินใจมาหาพิธานทำตัวเหมือนผู้หญิงง่ายๆ จนอดกลัวไม่ได้ว่าเขาจะเบื่อตนเองหรือเปล่า
“แม่อยากให้ไปกินข้าวด้วยน่ะ” ตอบแล้วค่อยผละออกจากหล่อน เดินไปนั่งโต๊ะรับประทานอาหาร หยิบกาแฟดำขึ้นดื่มแล้วเงียบไปสักครู่ราวใช้ความคิด เช่นเดียวกับร่างบางที่อยากถามเขาเหลือเกินเรื่องเรนิตา แต่ก็ไม่กล้า
“อ้อ” แล้วห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
เหมือนทั้งสองต่างอยู่ในภวังค์ของตนเอง เขาคิดว่าจะบอกเลิกกับสาวบริหารอย่างไร ดูเหมือนทั้งครอบครัวจะชอบหล่อนเข้าให้เสียแล้วโดยเฉพาะมารดา ที่รับเธอเป็นลูกสาวอีกคน ให้เรียกว่าแม่ทั้งที่ไม่เคยทำแบบนี้กับแฟนของเขาสักคน
“กินข้าวดีกว่านะคะ จะได้ไปทำงาน” ร่างบางนำอาหารมาเสิร์ฟ
วันนี้เป็นแบบอเมริกันเบรกฟาสต์ ประหยัดเวลาและง่ายต่อการทำด้วย นั่งประจำที่แล้วเริ่มลงมือจัดการอาหารมื้อเช้า ก่อนจะออกจากคอนโดพร้อมกัน
ชายหนุ่มเลือกจะไปส่งกิรนันท์ก่อนแล้วค่อยขับรถกลับบริษัทของตนเอง โดยที่คนทั้งสองไม่รู้ว่ามีช่างกล้องตามถ่ายภาพสุดหวานเอาไว้ ชัดทุกมุมกล้องจนปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นเพียงแค่เจ้านายลูกน้อง
คุณรวิภาเดินเข้ามาภายในร้านเพชรของตนเองที่หุ้นกับเพื่อน ตอนแรกสามีก็ให้อยู่บ้านไม่ต้องการให้ภรรยาของตนทำงาน เดี๋ยวจะดูแลอย่างดีแต่ท่านก็ไม่อยากอยู่เฉย จึงมาร่วมทุนเปิดร้านขายเพชรที่จำหน่ายให้เฉพาะคนรู้จักเท่านั้น
ส่วนเรื่องราคานั้นไม่ต้องพูดถึง แพงจนกระเป๋าเกือบจะฉีก แต่ตอนนี้ก็เริ่มมีคอลเลกชั่นสำหรับวัยรุ่น ราคาเบาลงมาหน่อยสามารถซื้อได้โดยไม่ต้องขอผู้ปกครอง
“คุณรวิคะ มีเอกสารมาส่งให้ค่ะ” หลังร้านจะเป็นห้องประชุมและห้องทำงาน เธอนั่งอ่านเอกสารก็ได้ยินเสียงเคาะประตูก่อนจะเปิดออก ผู้จัดการร้านถือซองสีน้ำตาลมายื่นให้เจ้านายของตน แล้วค้อมศีรษะเล็กน้อยค่อยเดินกลับเข้าร้าน
คิ้วสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย ตอนแรกไม่ได้สนใจเท่าไหร่แต่ผ่านไปสักพักก็หยิบซองนั้นมากรีดคัตเตอร์เพื่อเปิด อยากรู้แล้วสิว่าของข้างในมันคืออะไร
“ส่งมาจากใครล่ะเนี่ย” พลิกดูหน้าหลังไม่เห็นชื่อผู้ส่ง พอเปิดของข้างในเห็นเป็นภาพถ่ายชัดขนาดฟูลเอชดี ชายหญิงที่ควงแขนกันเดินเข้าคอนโดซึ่งจำได้ขึ้นใจว่าซื้อให้ลูกชาย ภาพต่อมาเป็นการเดินห้างสรรพสินค้าด้วยกัน ฝ่ายชายถือถุงช็อปปิ้งให้หญิงสาวที่ยิ้มหน้าบาน
มีอีกหลายต่อหลายภาพที่ทำเอาท่านความดันจะขึ้น กำหนดลมหายใจเข้าออกแล้ววางรูปพวกนั้นลงบนโต๊ะ มือกำเข้าหากันแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูด เมื่อวานเพิ่งสบายใจที่ลูกเลือกผู้หญิงได้ตรงตามใจแม่ วันนี้ต้องมาหนักอกอีกแล้ว
พ่อลูกชายตัวดีกล้านอกใจหนูต้าไปคบกับหญิงชั้นต่ำ รีบกดโทรศัพท์เพื่อติดต่อเพื่อนซึ่งทำบริษัทเกี่ยวกับนักสืบ
“ฮัลโหล ฉันอยากให้เธอสืบเรื่องลูกชายคนเล็กฉันหน่อย เอาแบบละเอียดเลยนะ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มายุ่งกับลูกชายของฉัน” บอกเสียงเข้มตามอารมณ์ที่โกรธมากขึ้น เส้นเลือดเต้นดังตุบๆ จนเหมือนไมเกรนจะขึ้น หยิบน้ำมาดื่มแล้วหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ
แค่มองก็รู้แล้วว่าต้องการมาปอกลอกลูกชายเธอ ผู้หญิงที่มาแทรกกลางระหว่างคนอื่นไม่ใช่คนดีนักหรอก
แล้วจะได้เห็นว่าคนอย่างรวิภาทำอะไรได้บ้าง...
“จริงเหรอ แกเอารูปให้แม่คุณทีม” หลังออกจากห้องพักของนีรนาราก็พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของหล่อน ปณาลีว่างหนึ่งวันจึงชวนมาหาเพื่อนสนิทอีกคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง เห็นแล้วก็สงสารทั้งคนป่วยและญาติที่มาเฝ้า
ปารัชหน้าตาซูบตอบมากกว่าเดิม เหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอน เอาแต่มองใบหน้าซีดของภรรยาซึ่งนอนหลับเป็นเจ้าหญิงนิทรา
ระหว่างทางเดินกลับไปยังรถยนต์ที่นางร้ายดาวรุ่งขับมาก็พูดถึงเรื่องสำคัญ เล่นเอาคนฟังตกอกตกใจ “ใช่ แล้วฉันก็ไม่ต้องทำอะไร รอดูความย่อยยับอย่างเดียว” ยกมือขึ้นกอดอกพลางทำสีหน้ามั่นอกมั่นใจ
“ร้ายเหลือเกินเพื่อนฉัน” กอดไหล่เพื่อนเอาไว้พลางเอ่ยแซว
“ไม่อย่างนั้นจะอยู่กับพวกแกได้เหรอ”
“แกน่ะร้ายกว่าใครเพื่อนเลยจ้ะ” อันนั้นหล่อนก็ไม่ปฏิเสธเท่าไหร่ ในเมื่อคนเหล่านั้นมันร้ายกับเธอก่อน จะให้งอมืองอเท้าก็ไม่ใช่เรนิตาแล้ว
อยากเห็นจังเลยว่าคุณรวิภาจะเล่นงานผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นอย่างไร ยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจก่อนโทรศัพท์หานักสืบที่ไปตามติดหญิงสาวคนนั้น
ถ้ารอให้กรรมตามทันมันอาจจะช้าไป เธอเลยเสิร์ฟกรรมที่ติดจรวดให้ เร็วทันใจทีเดียว
หลังเลิกงานกิรนันท์ก็มายืนรอพิธานหน้าบริษัทของตนเอง กำลังจะโทรหาแต่เบอร์ของมารดาโชว์ขึ้นเสียก่อนจึงได้กดรับ ยังไม่ทันจะกรอกเสียงลงไปปลายสายก็พูดเร็วเสียจนจับใจความแทบไม่ได้ ต้องถามย้ำอีกรอบ
‘แม่อยู่โรง’บาล แกอยู่ไหนรีบมาหาเร็ว เจ็บจะตายอยู่แล้ว’ ใบหน้าหวานเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“แม่อยู่ไหนนะ” ถามกลับซึ่งได้รับวาจาแสนเกรี้ยวกราดกลับคืนมา จนแทบไม่อยากพูดต่อ บ้านของเธอเป็นแบบนี้ตลอด ชอบพูดเสียงดังและไม่ค่อยรักษาน้ำใจคนฟังสักเท่าไหร่ จึงได้แยกตัวออกมาอยู่คนเดียว เหมือนพี่ชายที่ทำงานธนาคารซึ่งไม่เคยกลับบ้านเลย พักอยู่คอนโดหรูกับแฟนสาวที่เป็นลูกผู้ดี แถมยังชุบตัวหลอกว่าบ้านรวยอีกต่างหาก
น่าสมเพชชะมัด กาพยายามจะเป็นหงส์โดยทาสีขาวทาบทับบนตัว...สุดท้ายก็หนีกำพืดตนเองไม่พ้นหรอก
‘โอ้ย ก็บอกอยู่โรง’บาลไงหูแตกเหรอ รีบๆ มาได้แล้วไม่มีเงินจ่ายค่ายา’ หล่อนถอนหายใจเสียงเบา แล้วค่อยถามต่อ
“แม่อยู่โรงพยาบาลไหน เดี๋ยวกี้จะไปหา” สุดท้ายก็ต้องไปดูแลเพราะพ่อติดงาน แล้วท่านป่วยหรือไม่สบายตรงไหนหล่อนยังไม่รู้เลย แต่ค่อยไปถามที่โรงพยาบาลแล้วกัน พูดเสียงดังขนาดนี้ได้คงไม่เป็นอะไรมาก
‘โรง’บาลรัฐแถวบ้าน รีบๆ มา’ เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า พอดีกับที่รถยนต์สุดหรูมาจอดเทียบ เธอจึงเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งข้างคนขับ
“เป็นอะไรทำไมหน้าเครียด” พิธานเอ่ยถาม พลางเอื้อมมือไปดึงแก้มนุ่มที่มีกลิ่นหอมทุกครั้งยามได้ดอมดม หล่อนหันมองเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“แม่กี้ไม่สบายค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า ก็เลยจะไปหาท่านที่โรงพยาบาลสักหน่อย” เขามีทีท่าเป็นห่วงราวกับว่าท่านคือคนในครอบครัวของตัวเอง
“เดี๋ยวผมพาไป โรงพยาบาลอยู่ตรงไหนบอกได้เลย” กิรนันท์มองใบหน้าคมอย่างซาบซึ้ง ก่อนจะบอกทางไปยังโรงพยาบาลรัฐใกล้บ้านของหล่อน
มารดาเป็นแม่ค้าขายผัก รับซื้อจากบ้านสวนของคนรู้จัก ขายในราคาทั่วไปอยู่ที่ตลาดสดใกล้บ้าน ส่วนพ่อเป็นดาบตำรวจไม่เคยได้เลื่อนขั้นกับเขาสักที ตั้งแต่หล่อนเล็กจนโตบิดาก็ย่ำอยู่ที่เดิมจนไม่กล้าอวดใครแล้วว่ามีพ่อเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
หล่อนหันมองคนรักที่ตั้งใจขับรถเหลือเกิน อมยิ้มมีความสุขแล้วค่อยโน้มตัวไปจุมพิตข้างแก้มสากเป็นการให้รางวัล พอเขาหันมามองก็ส่งยิ้มหวานอีก ทำเอาหนุ่มบริหารแทบละลายลงไปกองอยู่ที่พื้นแล้ว หัวใจมันพองโตอย่างประหลาด
“ขอบคุณนะคะที่พากี้ไปหาแม่” ถึงจะอยากปกปิดสถานะของครอบครัว แต่คงไม่สามารถทำได้แล้ว สู้เปิดให้รู้เลยดีกว่าว่าเธอไม่ได้ร่ำรวยแต่เกิด
“แม่กี้ก็เหมือนแม่ผม ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวผมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้” บอกจากใจจริงที่คิดจะช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาล แต่เธอก็รีบปฏิเสธ
“ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวคนอื่นรู้จะหาว่ากี้เกาะคุณกิน”
“ผมเต็มใจ คุณไม่ได้เสนอสักหน่อยผมเป็นคนอยากจ่ายเอง อย่าคิดมากเลยนะคนดี” ลูบศีรษะของเธอไม่ให้คิดมาก จนหญิงสาวคลายความกังวลลงได้
มองชายหนุ่มด้วยประกายแห่งรักที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ไม่สามารถปล่อยผู้ชายแสนดีคนนี้ไปได้จริงๆ ถึงจะถูกมองว่าเป็นคนไม่ดีหรือถูกตราหน้าแย่งผู้ชายของเพื่อนก็ตาม เขาแสนดีขนาดนี้หากทิ้งไปก็โง่เต็มที
ผู้ชายคนนี้...ฉันขอแล้วกันนะตาต้า
เช้าวันต่อมากิรนันท์ลงจากรถแล้วเดินเข้าตึกสูงเป็นปกติ เมื่อวานหลังไปรับแม่ที่โรงพยาบาลเพราะท่านลื่นล้มจนข้อเท้าเคล็ด ต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุง อยากอยู่บ้านเพื่อดูแลมารดาแต่ก็ไกลจากที่ทำงานเหลือเกิน พิธานเลยจ้างเด็กข้างบ้านให้ดูแลท่าน
ทำเอาแม่ของเธอตาลุกวาว กระซิบบอกว่าจับผู้ชายคนนี้ให้แน่น อย่าปล่อยเป็นอันขาด นานทีปีหนจะหลงเข้ามาสักคน
ถึงแม่ไม่บอกเธอก็ไม่มีทางเลิกกับเขาอยู่แล้ว มอบทั้งตัวและหัวใจให้ขนาดนี้ อยากใช้ลูกผูกมัดแต่พิธานก็สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กัน จะมีลูกคงยากเสียแล้ว
“กี้ นายเรียกให้ไปพบ” เพื่อนร่วมงานเดินเข้ามาบอก หล่อนจึงพยักหน้าเป็นการตอบรับ ค่อยวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะทำงานของตนเอง แล้วเดินไปห้องของหัวหน้าที่ดูแลแผนกโดยเฉพาะ เคาะประตูสามครั้งค่อยเปิดเสียงเบา
หัวหน้าของเธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างเฉี่ยว ตัดผมสั้นทำสีแดงเพลิงทำให้เป็นจุดสนใจได้ง่าย แต่งหน้าจัดโดยเฉพาะปากที่ต้องทาสีแดงเท่านั้น นู้ดไม่ใช่ทางของนางเลยเพราะคิดว่าดูเหมือนคนป่วย ต้องฟาดด้วยสีแรงๆ จนเป็นที่ชินตาของบรรดาลูกน้อง
“นั่งเลย” หยิบแว่นตาขึ้นมาสวม เพราะอายุเยอะขึ้นสายตาก็ยาวตามไปด้วย กิรนันท์นั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอกนะ แต่เบื้องบนเขาสั่งมาก็ขัดไม่ได้” เกริ่นเรื่องแล้วยื่นซองสีขาวให้หล่อน ร่างบางมองอย่างไม่เข้าใจแต่ก็รู้สึกกลัวเสียแล้ว เขาว่ากันว่าหากได้รับซองขาวจากหัวหน้าถ้าไม่ใช่ซองผ้าป่าก็เชิญออกจากงาน
ขอร้องให้เป็นอย่างแรกเถอะ ภาวนาแล้วเม้มปากแน่น ค่อยหยิบซองนั้นมาถือเอาไว้ด้วยใจลุ้นระทึก แล้วเปิดออกดูเอกสารข้างใน หยิบมาอ่านทุกบรรทัดทุกตัวอักษรไม่ให้มีตกหล่น
ก่อนจะพบว่ามันคือจดหมายเชิญออก!
“พี่แตงคะ มันหมายความว่ายังไงคะ ทำไมถึงให้ออกในเมื่อกี้เพิ่งมาทำงาน ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎบริษัทสักอย่าง แบบนี้มันจะไม่เกินไปเหรอคะ กี้สามารถฟ้องกระทรวงแรงงานได้นะคะ” ร่ายยาวด้วยอาการปากสั่น แล้วรีบรักษาสิทธิ์ของตัวเองทันที
เดี๋ยวนี้งานหาง่ายซะเมื่อไหร่ ยิ่งถูกเชิญให้ออกโดยไม่เต็มใจ ไม่รับรู้ล่วงหน้ามาก่อนเธอก็ต้องสู้ยิบตาเพื่อให้ตนเองได้อยู่ต่อ เจ้านายสาวถอนหายใจออกอย่างอึดอัด แล้วปลอบคนตรงหน้าที่ทำงานดีมาตลอด
