บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

ความรู้สึกของแพรรุ้งเหมือนมีคนมายืนกางร่มอยู่ข้างๆ จากรองเท้าหนังที่เห็น หญิงสาวรู้ได้ทันทีว่าเขาคือผู้ชายแน่ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง แต่จังหวะนั้นกลับมองเห็นหน้าชายหนุ่มไม่ชัดเจนนัก เพราะวันนี้หญิงสาวเลือกที่จะสวมแว่นสายตาแทนคอนเทคเลนซ์ บนแว่นจึงมีละอองฝนเกาะอยู่เต็มไปหมด ขนาดเจ้าลูกแมวที่อยู่ใกล้ๆ เธอยังมองพร่าเลือนเลย นับประสาอะไรกับใบหน้าของผู้ชายคนนี้

แต่ ณ เวลานั้นทั้งคู่ได้เผลอสบตากันและกันอย่างสุดวิสัยไปแล้ว แม้จะมองใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ชัดเจนนักก็ตามที แต่ใจของแพรรุ้งกลับเต้นรัวให้กับสุภาพบุรุษขี่ม้าขาวคนนี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ศรรักปักอกอย่างจังทั้งๆ ที่มองหน้าเขาไม่ชัดเท่ารองเท้าหนัง ซึ่งก็ไม่ต่างกับใจของบุสสธิติ์สักเท่าไหร่นัก นานแล้วที่เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทำไมต้องเกิดกับผู้หญิงที่เขาไม่รู้แม้กระทั่งชื่อด้วย ความรู้สึกที่ว่านี้อาจมาจากสิ่งที่เห็นเธอทำก็เป็นได้

“คุณเอาร่มของผมไปใช้ ร่มคุณอันเล็ก ดูสิทั้งคน ทั้งแมว เปียกหมดแล้ว” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยบอก ขณะพูดก็มองไปยังหลังของแพรรุ้งพร้อมกับส่งร่มให้เธอ เพราะเธอเปียกปอนมากกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก

“ขอบคุณค่ะ” น้ำเสียงที่ปรับให้เป็นปรกติของแพรรุ้งเอ่ยตอบแล้วรับร่มจากชายหนุ่มมาถือไว้ จังหวะนั้นมือทั้งคู่สัมผัสกันอย่างไม่ตั้งใจ แต่กลับเกิดความรู้สึกประหลาดจนอธิบายไม่ได้ว่ารู้สึกแบบไหน ตอนนี้เธอออกอาการประหม่าและตื่นเต้นราวกับวันแรกที่ไปทำงานเป็นผู้ประกาศข่าวไม่มีผิด แต่ก็ยังมีสติพอที่จะเอ่ยถาม

“คุณให้ร่มฉัน แล้วคุณจะเอาร่มที่ไหนใช้ งั้นเราแลกร่มกัน” พูดจบก็ยื่นร่มของตัวเองให้ชายหนุ่มไป บุสสธิติ์ทำท่าอึกอักเหมือนจะไม่อยากรับ แต่ แพรรุ้งก็ยัดเยียดร่มเธอให้เขาจนได้ ก่อนที่เสียงบีบแตรรถซึ่งจอดติดต่อท้ายรถของชายหนุ่มจะดังขึ้น นั่นเป็นสัญญาณให้บุสสธิติ์จำต้องกลับไปขึ้นรถ และเป็นจังหวะที่รถบนถนนซึ่งติดมานานหลายนาทีสามารถเคลื่อนตัวได้พอดี แพรรุ้งทำอะไรไม่ได้ นอกเสียจากมองตามเท่านั้น ก่อนจะหันมาให้ความสนใจเจ้าลูกแมวตรงหน้า

เมื่อบุสสธิติ์กลับขึ้นรถมาได้ คนขับรถที่เหลือบมองผู้เป็นนายผ่านกระจกมองหลัง ก็เอ่ยชื่นชมในความดีที่ได้เห็น รู้สึกภูมิใจที่มีเจ้านายดีๆ แบบนี้

“คุณเพชรใจดีจังนะครับ” บุสสธิติ์ไม่ตอบรับ เพียงแค่อมยิ้มตรงมุมปากให้เล็กน้อยเท่านั้น ตารางงานของเขาสองสามวันนี้คือการไปนั่งให้สื่อหนังสือพิมพ์สัมภาษณ์เกี่ยวกับธุรกิจที่กำลังโตและเป็นที่จับตามอ เรียกได้ว่าคิวงานของชายหนุ่มแน่นราวกับดาราก็ไม่ปาน

“เสร็จงานวันนี้ ตรงไปบ้านลุงเกริก ผมมีนัดทานข้าวเย็นที่นั่น”

“ได้ครับ” ลุงชมเอ่ยรับ รถคันใหญ่แล่นฝ่าสายฝนมุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดหมายแรกของบุสสธิติ์ในวันนี้ทันที เพราะหลังจากให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ในรอบเช้า พอตกเย็นก็ต้องไปนั่งให้รายการโทรทัศน์สัมภาษณ์สดอีกเช่นกัน แต่บรรยากาศหม่นๆ ในวันที่ฝนตกเช่นนี้ก็ทำให้บุสสธิติ์ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องราวเมื่อสิบกว่าปีก่อน

เบสท์ซาฟารีถูกใส่ความด้วยข้อหานำสัตว์ป่าคุ้มครองและสัตว์ป่าสงวนมาซุกซ่อนไว้จำนวนมาก หลักฐานมัดตัวคนไม่ผิดให้กลายเป็นคนผิดไปในพริบตา พร้อมกับสร้างข่าวเสียๆ หายๆ จนเบสท์ซาฟารีเสียชื่อเสียง บิดาเขากับทีมทนายต่อสู้กับความไม่ยุติธรรมนี้เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงให้กลับมา แต่ก็ยังถูกใครบางคนใส่ร้ายไม่เลิกรา หนำซ้ำคนพวกนั้นยังส่งมือปืนมาปลิดชีพบิดาและมารดาเขาจนท่านทั้งคู่เสียชีวิต นั่นทำให้บุสสธิติ์ต้องสูญเสียบิดาและมารดาไปอย่างไม่มีวันกลับ

หลังจากบิดาและมารดาของเขาเสียชีวิตไม่นาน คดีความก็ถูกปิดไปอย่างเงียบเชียบไม่มีคนเอ่ยถึงอีกเลย สมบัติที่เขามีทุกชิ้นถูกยึดเพื่อนำไปใช้หนี้ การที่อยู่ๆ เบสท์ซาฟารีต้องปิดตัวลงทำให้ส่งผลต่อบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ มีสัตว์บางชนิดที่การตายของมันทำให้บุสสธิติ์มองว่าไม่ชอบมาพากล เพราะมีแต่เสือ สิงโต ช้าง เท่านั้นที่ตาย และชิ้นส่วนสำคัญๆ ของสัตว์พวกนี้ก็หายไป เช่น เขี้ยว หนัง และงา

มาถึงตอนนี้คนร้ายบางคนที่สมรู้ร่วมคิดทำลายครอบครัวเขา ก็ยังคงลอยนวลไม่ได้รับผลกรรม ซึ่งอีกไม่นานบุสสธิติ์จะสอนบทเรียนครั้งสำคัญให้คนเหล่านั้นบ้าง ความเจ็บแค้นสั่งสมในหัวใจมานานเพื่อรอวันเอาคืน ในการให้สัมภาษณ์โทรทัศน์รายการสดวันนี้ เขามีบางสิ่งบางอย่างเซอร์ไพรส์คนกลุ่มนั้นให้นั่งไม่ติดที่ รับรองว่าพวกมันจะต้องอยากรู้จักเขามากขึ้นอย่างแน่นอน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel