บทที่ 3
เช้าวันที่ชุ่มชื้นไปด้วยสายฝนที่พรั่งพรูมาตั้งแต่เมื่อคืน สร้างความชุ่มช่ำและเขียวชอุ่มให้ต้นไม้ ใบไม้ เมื่อฝนหยุดตกแพรรุ้งก็กลับมาสดใสอย่างที่เป็น วันนี้เธอสวมกางเกงยีนส์ขาสั้นสีเข้มโชว์เรียวขาสวย ท่อนบนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวพับขึ้นมาไว้บริเวณข้อศอกทั้งสองข้าง สวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรด เป้สะพายใบใหญ่สีดำปักเลื่อมดูเหมาะกับคนแข้งขายาวได้รูปจนดูไม่เทอะทะยามเธอสะพาย ผมยาวดำขลับตอนนี้มัดผูกไว้เป็นมวยกลางศีรษะ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแทบไม่ต้องตกแต่งใดๆ ก็สวยโดดเด่นได้
มือเรียวข้างหนึ่งถือร่มคันสีม่วงลายจุดขาวซึ่งเป็นสีโทนที่โปรดปรานท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ที่ใครต่อใครต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าวันนี้หลังฝนตกหนัก ‘อากาศดี’ ตามคำพยากรณ์อากาศที่ได้ยิน แต่คนซึ่งรู้ถึงเหตุผลที่เธอต้องเดินกางร่มท่ามกลางวันที่แสงแดดส่องแบบนี้ดูเหมือนจะมีแค่เจ้าตัวเท่านั้น บางสิ่งบางอย่างแม้แต่คำพยากรณ์ที่ใช้อุปกรณ์สุดไฮเทคก็ยังผิดพลาดได้ แต่เรื่องนี้แพรรุ้งรู้ว่าเธอแม่นยิ่งกว่าตาเห็น อากาศที่ทุกคนต่างบอกว่าดีก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป กองทัพเมฆฝนก่อตัวก่อนจะลอยต่ำครู่เดียวก็ปลดปล่อยเม็ดฝนให้ค่อยๆ ร่วงหล่นจากท้องฟ้าเป็นสายและดูท่าว่าจะทวีความแรงมากขึ้น
“ฝนนะฝน ตกมาอีกจนได้” แพรรุ้งเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างเบื่อหน่าย เมื่อไหร่ฤดูฝนจะหมดนี่คือคำถามโลกแตก ถ้าวันนี้ไม่ติดงาน เธอจะไม่มีวันออกไปไหนมาไหนท่ามกลางสายฝนแบบนี้แน่นอน สิ่งที่แพรรุ้งไม่ชอบคือฝน แต่งานที่เธอรับผิดชอบอยู่ตอนนี้กลับสวนทางกัน เพราะหญิงสาวคือนักข่าวพยากรณ์อากาศที่กำลังมาแรง งานที่คิดเสมอว่าทำไม่ได้ แต่ด้วยหน้าที่และไม่อยากให้ทุกคนผิดหวัง คำว่าทำไม่ได้จึงถูกลบทิ้งไปจากพจนานุกรม จำต้องซ่อนความไม่ชอบเอาไว้ให้ลึกสุด
และที่สำคัญไปกว่านั้นบางครั้งแพรรุ้งยังมีเซ้นส์เรื่องสภาพภูมิอากาศแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย โดยเฉพาะเรื่องฝน หากวันใดฝนจะตก เธอมักจะจามติดกันหลายครั้งจนจมูกชื้นและมีน้ำมูกใสๆ นั่นทำให้มั่นใจได้ว่าฝนจะตกแน่นอน ให้เตรียมร่มติดตัวไปด้วยทั้งๆ ที่กรมอุตุนิยมวิทยาบอกว่าท้องฟ้าโปร่ง
แพรรุ้งพยายามพิสูจน์ความสามารถอันลึกลับของตัวเองมาหลายต่อหลายครั้ง ว่านี่คือเรื่องจริงหรือแค่ความบังเอิญกันแน่ แต่ผลของการพิสูจน์ก็เป็นจริงอย่างที่คิด แต่บอกใครไปก็ไม่มีคนเชื่อ ในเมื่อไม่มีคนเชื่อแพรรุ้งจึงขี้เกียจที่จะอธิบายขยายความ
“เฮ้อ! ฝนตกเป็นอะไรที่น่าเบื่อที่สุด” เสียงบ่นเล็กๆ เอ่ยมาจากริมฝีปากอิ่ม ก่อนจะสะดุ้งโหยงแบบสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้องสลับกับฟ้าผ่าอย่างดัง แล้วรีบเดินจ้ำอ้าวให้เร็วขึ้นจะได้หาที่หลบฝนที่ปลอดภัยกว่าใต้ร่มคันเล็กๆ ในมือ
เพราะรู้ว่าวันนี้ฝนจะตก ตามมาด้วยการจราจรที่ติดขัดขยับไม่ได้ ทำให้แพรรุ้งเลือกที่จะใช้บริการรถไฟฟ้าที่ห่างจากคอนโดมิเนียมไม่ถึงร้อยเมตรแทนที่จะขับรถไปทำงานอย่างเช่นทุกวัน ขาเรียวได้รูปเดินท่ามกลางสายฝนที่กระเซ็นใส่ยามตกลงสู่พื้นถนน เพราะแม้จะมีร่มก็ใช่ว่าจะไม่เปียก ก่อนจะหยุดกึกเมื่อได้ยินเสียงอะไรแว่วมา
เหมียว เหมียว
เสียงร้องเหมียวๆ ที่ได้ยินทำให้แพรรุ้งหันซ้าย หันขวามองหาที่มาของเสียง ก่อนที่สายตาจะมองเห็นลังที่ชุ่มไปด้วยฝนจนพังไปเกินครึ่งวางอยู่ริมกำแพงจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ จึงพบว่าภายในลังที่พังไม่พังแหล่มีลูกแมวตัวน้อยสีขาวนอนขดตัวสั่นงันงกอย่างน่าสงสาร ตัวมันเปียกและเปรอะเปื้อนดิน แววตาก็ดูวิงวอนขอความช่วยเหลือ แพรรุ้งนั่งยองๆ มองหน้าเจ้าลูกแมวก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวมันเบาๆ อย่างเอ็นดู
“ใครกันใจร้าย เอาแกมาทิ้งไว้ตรงนี้ หืม” แพรรุ้งเอ่ยถามกับเจ้าแมวตรงหน้า อารมณ์ที่เคยหม่นหมองเพราะฝน ตอนนี้ดูจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย ซึ่งขณะที่เธอกำลังคุยกับเจ้าลูกแมวอยู่นั้น รถยุโรปราคาแพงคันหนึ่งที่เคลื่อนตัวช้าๆ เนื่องจากการจราจรที่ติดขัดมากก็มาหยุดอยู่ข้างๆ เธอพอดี
บุรุษผู้ซึ้งนั่งอยู่เบาะหลังจึงมีโอกาสได้เห็นภาพที่ทำให้เขาสนใจไม่น้อย สายตาคมกริบมองไปยังหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งกางร่มสีม่วงลายจุดขาวท่ามกลางสายฝนที่ค่อยๆ แรงขึ้น ถึงจะมีร่มแต่ด้านหลังเธอกลับเปียกปอน บุสสธิติ์สนใจว่าหญิงสาวคนนี้กำลังทำอะไรอยู่ ชายหนุ่มจึงขยับร่างกายที่วันนี้แต่งสูทผูกไทเต็มยศเพื่อชะเง้อมอง จึงได้เห็นว่าตรงหน้าเธอมีแมวตัวน้อยที่ขนเปียกลู่นอนขดตัวสั่นเทาอยู่ตัวหนึ่ง
“สาวน้อยกับแมวอย่างนั้นเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้ม การจราจรที่ติดขัดแม้จะทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดใจไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็มีภาพความน่ารักของหญิงสาวคนนี้ที่ทำให้เขายิ้มได้ ความที่เป็นคนรักสัตว์ทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะสงสารเจ้าลูกแมวที่เห็น
ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ต่างเหลียวมองแต่กลับไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วยเหลือหรือสอบถามใดๆ นั่นทำให้บุสสธิติ์คิ้วขมวดกับคำว่าน้ำใจที่หาได้ยากในสังคมปัจจุบันนี้ แถมซ้ำร้ายไปกว่านั้น มอเตอร์ไซน์บางคันที่ขึ้นไปขับบนฟุตบาทยังทำให้น้ำบนพื้นกระเซ็นไปเปราะเปื้อนตัวหญิงสาวอีกแต่ดูเธอจะไม่สนใจนัก บุสสธิติ์จึงตัดสินใจเปิดประตูลงไปจากรถพร้อมร่มคันใหญ่ การกระทำของชายหนุ่มทำเอาคนขับรถงง
“คุณเพชรครับ นั่นคุณเพชรจะไปไหนครับ” เมื่อถามแล้วไม่ได้คำตอบ จึงรีบเปิดไฟกระพริบหักพวงมาลัยรถชิดริมฟุตบาทรอผู้เป็นเจ้านายทันที
