บทที่ 2
เพราะอดีตของบุสสธิติ์นั้นเจ็บปวดไม่น้อย หลังจากเกิดเรื่องร้ายกับครอบครัว เพื่อนเขาคนนี้พร้อมกับน้องสาวก็กลายเป็นเด็กกำพร้า ต้องไปอาศัยที่สถานรับเลี้ยงเด็ก โดยที่เขาเองก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย ผ่านไปสามเดือนก็มีครอบครัวบุญธรรมรับบุสสธิติ์และพลอยณภัสไปอุปการะเลี้ยงดูยังต่างประเทศ และนั่นทำให้ทั้งคู่ขาดการติดต่อกัน
กระทั่งเมื่อสองปีก่อนได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง บุสสธิติ์กลับกลายมาเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ซึ่งเป็นที่จับตามองมากในขณะนี้ ส่วนพลอยลภัสนั้นสิงหาได้ข่าวว่ายังคงเรียนต่อที่ต่างประเทศ
“มะรืน กรุณาทำตัวให้ว่างด้วย เรามีนัดที่ห้องเด็กอ่อนที่โรงพยาบาล...กัน”
“ห้องเด็กอ่อน” บุสสธิติ์คิ้วขมวดเล็กๆ เพราะยังไม่เข้าใจความหมายที่แอบซ่อนอยู่ในประโยคของสิงหา
“เออ เมียข้าจะผ่าคลอด เอ็งต้องมารับขวัญลูกข้าด้วย พ่อทูนหัว”
“นี่เมียเอ็งจะคลอดลูกคนที่สองแล้วเหรอเนี่ย” คนฟังเอ่ยถามค่อนข้างจะแปลกใจ ครั้งล่าสุดที่รู้ข่าวคือภรรยาของสิงหากำลังตั้งท้องลูกคนที่สอง แต่พอมาวันนี้บุสสธิติ์รู้ข่าวอีกทีก็จะคลอดแล้ว สงสัยเขามัวแต่ทำงานมากไปจนลืมวันเวลา
“เออน่ะสิ คนโตข้าเรียนอนุบาล คนเล็กก็กำลังจะลืมตาดูโลก บรรดาเพื่อนๆ ก็มีลูกกันหมด ก็มีเหลือแต่เอ็งคนเดียวนี่แหละ สรุปเมื่อไหร่จะผลิตทายาท เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้ แล้วจะหาว่าไม่เตือน” สิงหาได้ทีเกทับคนที่ยังไม่มีครอบครัวเสียยืดยาว
“ถ้าการหาผู้หญิงดีๆ สักคนมาเป็นแม่ของลูก มันหากันได้ง่ายๆ เดินเข้าร้านสะดวกซื้อแล้วมีขายเหมือนขนมจีบ ซาลาเปา ป่านนี้ข้ามีลูกเป็นโหลไปแล้ว เอ็งก็รู้ว่าข้าอยากมีลูกมากแค่ไหน” คำเปรียบเทียบของบุสสธิติ์เล่นเอาคนฟังหัวเราะมองเห็นภาพตามแบบไม่ต้องจินตนาการ ก่อนจะใส่กลับมาเป็นชุด
“ผู้หญิงดีๆ น่ะมี แต่อยู่ที่ว่าเอ็งจะเลือกเขามาเป็นเมียหรือเปล่าเถอะ แนะนำใครมาให้รู้จักกี่คนต่อกี่คนก็บอกไม่ถูกใจ ไม่ใช่ ไม่ชอบ พ่อคนดี พ่อคนรวย พ่อหล่อเลือกได้”
“เฮ้ยๆ ไอ้คำว่าที่ไม่ถูกใจ ไม่ใช่ ไม่ชอบ นี่ข้าไม่เคยพูดนะเอ็ง ข้าเปิดใจกับทุกคนที่เข้ามา แต่พอกำลังจะศึกษาดูใจแบบจริงๆ จังๆ พวกหล่อนก็หนีหายกันไปหมด แบบนี้จะให้ข้าทำไง” คนพูดยักไหล่ออกแนวไม่แคร์เสียด้วยซ้ำไป
“แล้วใครเขาไปเดทกันในกรงสิงโตบ้างวะ ไหนจะพาไปเดินกลางซาฟารีตอนแดดเปรี้ยงๆ พาไปเก็บขี้ยีราฟ ใครอยู่ได้ก็บ้าแล้ว”
“นั่นก็เพราะข้าต้องการหาผู้หญิงที่อยู่กับชีวิตแบบนี้ของข้าได้ เอ็งก็รู้ว่าข้าเติบโตมากับสัตว์พวกนี้”
“ผู้หญิงทุกคนก็อยากใช้ชีวิตแบบคุณนายนักธุรกิจใหญ่ไฟแรงกันทั้งนั้นแหละ”
“แต่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ข้าต้องการ” น้ำเสียงหนักแน่นของบุสสธิติ์เอ่ยบอก เพราะผู้หญิงแบบที่สิงหาพูดมานั้น หาได้เกลื่อนไปหมด ผู้หญิงประเภทที่เห็นแก่เงิน และรักสบาย
“เออๆ ข้าขี้เกียจเถียงกับเอ็งแล้วไอ้เพชร เอาเป็นว่าข้าจะหมั่นสวดมนต์ให้เอ็งได้เจอเนื้อคู่ก่อนที่ลูกข้าจะบวชนะ ไม่งั้น เอ็งได้แก่ตายคนเดียวแน่ไอ้เพชรเอ้ย แค่คิดก็น่าสงสาร” สิงหาเปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที แต่น้ำเสียงของเขาก็ชวนให้คนฟังโมโหนิดๆ
“ถ้าสงสารข้ามากนัก เอ็งก็ยกลูกเอ็งให้ข้าคนนึงก็ได้ รับรองว่าข้าจะเลี้ยงให้ดี” พอได้ยินคำขอของบุสสธิติ์แบบนี้เข้าให้ สิงหาก็แทบไม่ต้องคิดหาคำตอบ แถมยังใช้น้ำเสียงแข็งๆ ตอบกลับไปเสียด้วย
“ไม่ให้โว้ย ลูกใครลูกมัน ผลิตเอาเองสิ”
“เออๆ รู้แล้ว ขอลูกมาเลี้ยงแค่คนเดียว ทำเป็นงกไปได้” บุสสธิติ์ส่ายหน้าให้เพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาหลายสิบปี สำหรับเขาการอยู่คนเดียว ชีวิตมีแต่งานก็ใช่ว่าจะไม่เหงา ถ้าเจอคนที่ใช่แล้ว เขาก็พร้อมจะสร้างครอบครัวเช่นกัน แต่ก่อนจะถึงขั้นนั้น ชายหนุ่มต้องจัดการธุระบางอย่างให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเขาคงนอนตายตาไม่หลับอย่างแน่นอน
“ลูกคนนะเอ็ง ไม่ใช่ลูกหมา ถึงจะยกให้กันได้ง่ายๆ” ถ้าบุสสธิติ์อยู่ใกล้ ป่านนี้สิงหาคงส่งลูกเตะให้สักเปรี้ยง ข้อหาพูดจาไม่เข้าหู ทั้งคู่สนทนากันครู่ใหญ่ๆ ก่อนที่จะวางสาย
ครู่เดียวเสียงโทรศัพท์ภายในก็ดังขึ้น เป็นสายจากเลขานุการเรื่องการประชุมบอร์ดผู้บริหารที่บุสสธิติ์ต้องเข้าประชุมด้วย ชายหนุ่มเตรียมตัวไม่ถึงนาทีก็เดินก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องทำงาน บรรดาพนักงานสาวๆ ในบริษัทที่ปลื้มปริ่มกับมาดหล่อๆ ของผู้บริหารหนุ่มต่างละลายไปตามๆ กัน บางคนถึงกับเปรยออกมา ว่ามาทำงานที่นี่ไม่ได้ต้องการเงินเดือน แต่ต้องการมองหน้าหล่อๆ พร้อมทั้งมาดเท่ๆ ของบุสสธิติ์เสียมากกว่า
บริษัท บี.พี. อินเตอร์ กรุ๊ป คือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังมาแรง เนื่องจากแนวความคิดที่แหวกตลาดของผู้บริหารอย่างบุสสธิติ์ ชายหนุ่มเน้นสร้างอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ และตึกสูงเสียดฟ้า ให้สอดคล้องกับโลกยุคสองพันที่โหยหาธรรมชาติ ทุกโครงการของบุสสธิติ์จึงมุ่งเน้นธรรมชาติเป็นหลัก เน้นพื้นที่สีเขียวที่เปรียบเสมือนปอดผลิตออกซิเจน แต่ก็ไม่ทิ้งความสะดวกสบายสำหรับผู้อยู่อาศัย อย่างเช่นโครงการใหม่ล่าสุดที่กำลังได้รับกระแสตอบรับดีเกินความคาดหมาย ใครจะกล้าคิดเอาสวนสัตว์เล็กๆ มาอยู่ในโครงการหมู่บ้านจัดสรรกัน ถ้าไม่ใช่ บี.พี. อินเตอร์ กรุ๊ป ของบุสสธิติ์
“เจ้านายเราทั้งเก่ง ทั้งหล่อ” น้ำเสียงออกแนวรำพึงรำพันของบรรดาพนักงานสาวๆ ดังขึ้นเมื่อเห็นบุสสธิติ์เดินมาแต่ไกล วันนี้เจ้านายพวกเขามาในชุดสูทที่คุ้นตา แต่หากวันไหนบุสสธิติ์สวมกางเกงยีนส์ ใส่เสื้อเชิ้ตพอดีตัว รองเท้าหนังเท่ๆ ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำเอาบรรดาสาวๆ ในบริษัทแทบจะละลายยามที่ได้สบตาเจ้านายคนนี้ ส่วนคนที่ถูกชมออกจะเฉยๆ เสียด้วยซ้ำไป
จะว่าไปปีนี้บุสสธิติ์อายุย่างเข้าสามสิบสองปี เป็นหนุ่มวัยกลางคนที่ภูมิฐานด้วยรูปลักษณ์ภายนอกและฐานะที่เรียกได้ว่าระดับเศรษฐี ชายหนุ่มติดโผรายชื่อนักธุรกิจหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงของเมืองไทยปีล่าสุดเสียด้วย หนุ่มมาดเท่ผู้มีคิ้วหนาได้รูปรับกับดวงตายาวรีที่นัยน์ตานั้นเป็นสีสนิม รูปร่างสูงใหญ่สมชายชาตรี ผมดกดำและดูหยักศกเล็กน้อยถูกจัดแต่งอย่างทันสมัย แต่งตัวดีมีสไตล์ถึงแม้ยามที่ไม่ได้ใส่สูทผูกไทก็ตาม แต่งานรุ่งรักร่วงนี่สิคืออะไร หรือเพราะเนื้อคู่เขายังไม่เกิดกัน?
