บทที่ 2 ดอกฟ้ากับหมาวัด
ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ!
เอ่ยเสียงเศร้าทุบอกซ้ายตัวเองด้วยความเจ็บปวด จากผู้หญิงเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งก่อนหน้านี้กำลังจะเป็นผู้หญิงเจ้าน้ำตา
“ผมเคยบอกแม่เลี้ยงเอวาแล้วว่าเขาไม่ได้รักแม่เลี้ยงจริงๆ”
ก้องฟ้ายังคงใช้คำห่างเหิน เพราะมันเป็นกำแพงเดียวที่จะทำให้เขาไม่ถลำลึกรักคนที่ไม่ควรรักอย่างมนปรียา ตลอดเวลาที่เฝ้ามองคนที่แอบรักเจ็บปวดใจเพราะชายอื่นเขานั้นเจ็บมากกว่า อยากเดินเข้าไปโอบกอดปลอบประโลม แต่ก็ทำไม่ได้ เมื่อรู้ตัวเองดีว่าเป็นหมาวัด ไม่ควรจะเอื้อมเด็ดดอกฟ้าอย่างมนปรียา
“ก้องเมื่อไหร่ก้องจะเลิกทำตัวแบบนี้กับพี่สักที”
เธอลุกขึ้นเดินมาจับไหล่กว้างของชายหนุ่มให้ลุกขึ้นยืนประจันหน้าตน พร้อมกับเขย่าร่างใหญ่แรงๆ ด้วยความเจ็บปวด อยากให้เขากลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน ไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช่ความหมางเมินแบบนี้
“ปล่อยผมเถอะแม่เลี้ยงเอวา” แกะมือเล็กที่กุมไหล่ตัวเองออก
“ทำไมก้อง หรือว่าเราไม่ใช่คนกันเองแล้ว ลืมแล้วเหรอว่าตอนเด็กเราสนิทกันมากแค่ไหน เวลานี้พี่ต้องการกำลังใจจากคนในครอบครัว ก้องเป็นคนเดียวและคนสุดท้ายที่เหลือในชีวิตพี่ แล้วจะให้พี่ทำยังไงเมื่อน้องชายที่พี่รักและเอ็นดูมาตั้งแต่เด็กตีตัวออกห่างพี่แบบนี้”
หญิงสาวพูดพร้อมกับเอามือทุบอกตัวเองไปมา เรื่องของเมฆาก็จริงอยู่ที่เธอเสียใจ แต่ก็ไม่เท่าเรื่องคนกันเองอย่างก้องฟ้าหรอก สำหรับความรักที่จบลงแล้วมันก็คือจบ แม้จะเคยรักแฟนหนุ่มมากแค่ไหน แต่เมื่อเขาฉีกหัวใจของเธอเองมันก็ควรจะพอสำหรับความรู้สึกนั้น
แต่ที่ไม่เข้าใจในตอนนี้คืออะไรกันทำให้น้องชายอย่างก้องฟ้าเปลี่ยนไป จากคนเคยยิ้มให้ตอนนี้มีเพียงใบหน้าเรียบขรึมส่งมาให้
“ผมขอตัวก่อนนะครับแม่เลี้ยงเอวา”
ไม่อยากอยู่ใกล้ชิดนานกว่านี้ เขากลัวห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ไหว แค่เพียงยืนประจันหน้ากันแค่นี้ก็หายใจไม่ทั่วท้องแล้ว
“พี่ยังไม่คุยงานกับก้องเลยนะ จะรีบไปไหนกัน”
ดึงรั้งแขนคนตัวโตกว่าไว้ ก่อนจะเดินไปดักทางออกไว้
“ผมว่าวันนี้แม่เลี้ยงเอวาไม่พร้อมหรอก”
พยายามจะเดินอ้อมไปอีกทาง แต่ถูกมือเล็กดึงรั้งไว้อีก
“อะไรกันก้อง พี่บอกแล้วว่าไม่ให้เรียกแบบนี้ ทำไมไม่ฟังพี่บ้าง ก้องยังเห็นพี่เป็นครอบครัว เป็นพี่สาวอยู่ไหม”
ตอนนี้เธอหงุดหงิด เธอโมโหคนตรงหน้ายิ่งนัก ไม่ไหวแล้วตลอดเวลามันตึงเครียดมาตลอด แม้จะเป็นผู้ชายที่สามารถร้องไห้ด้วยได้ แต่ตอนนี้ก้องฟ้าเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่ใช่น้องชายที่แสนดีอีกแล้ว
“ผมไม่เคยเห็นแม่เลี้ยงเอวาเป็นพี่สาว”
พร้อมกับจับไหล่มนเขย่าแรงๆ ตะคอกใส่หน้าอีกฝ่าย ไม่ใช่แค่หญิงสาวที่หมดความอดทน ตัวเขาเองก็เช่นกัน ตอนนี้มันระเบิดออกมาแล้ว เป็นไงก็เป็นกัน
“หมายความว่ายังไง?”
ถามกลับเสียงดังเช่นกัน จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่คมของชายหนุ่มอย่างค้นหาคำตอบ แต่มันก็มีเพียงแววตาเศร้าสร้อยที่ฉายชัดออกมาให้เห็น
“ก็หมายความแบบนี้ไงครับ”
ไม่ปล่อยให้สาวเจ้าสงสัยได้นาน มือใหญ่เชยคางเล็กให้แหงนเงยขึ้น ก่อนปากหนาทาบทับบดขยี้เรียวปากอิ่มน้อยนั้น
“อะ! อื้อ!”
มนปรียาดิ้นรนผลักดันใบหน้าหล่อออกจากตน แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อมือใหญ่นั้นบังคับให้เธอรับความหยาบโลนของเขา
“อะ! อืม!”
เสียงอู้อี้เล็ดลอดในลำคอ เมื่อเรียวลิ้นร้ายของเขาซอกซอนเข้าไปในโพรงปากเล็กเพื่อควานหาความหวานจากปากน้อยนี้ ก่อนจะดูดคลึงเรียวลิ้นของอีกฝ่ายเล่น ก่อนจะผละออกมายิ้มที่มุมปากเมื่อสาวเจ้าจูบตอบกลับด้วยความไร้เดียงสา
“อา! แม่เลี้ยงเอวาเข้าใจผมรึยังล่ะ”
ถอนปากออกมาเอ่ย พร้อมกับเอามือเช็ดคราบลิปสติกของหญิงสาวที่คาดว่าคงติดปากตนเช่นกัน เพราะตอนนี้ที่ปากของมนปรียาก็มีคราบลิปสติกเปรอะเปื้อนไปหมด
แม่เลี้ยงสาวเม้มปากตัวเองแน่น เมื่อจูบแรกของเธอถูกชายที่คิดว่าเป็นน้องชายพรากมันไป แม้จะคบกับเมฆามานานหลายปี แต่ก็ไม่เคยทำมากกว่าการจับมือควงแขนเลย แต่ก้องฟ้ากล้าดียังไงถึงมาพรากจูบแรกของเธอไป
ใบหน้าสวยจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความเดือดดาล แล้วมือเล็กก็ยกขึ้นตวัดใส่ใบหน้าหล่อที่ยืนจ้องมองเธอเช่นกัน
เผียะ!
“ฉันเป็นพี่นายนะก้อง”
ตวาดใส่หน้าอีกฝ่าย พร้อมกับตวัดมือใส่หน้าชายหนุ่มซ้ำทับรอยเดิม
ใบหน้าหนุ่มหันไปตามแรงตบทุกครั้ง ก่อนจะเอามือเช็ดเลือดที่ปากของตัวเองออก ตอนนี้เขาปากแตกจนเลือดซึมออกมานอกปากแล้ว
“ผมไม่มีพี่ ผมไม่ได้อยากมีพี่สาว ผมอยากได้พี่เป็นเมีย เข้าใจไหม”
ตะโกนใส่หน้าคนตัวเล็ก ก่อนจะผลักร่างเล็กออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องออกไปด้วยความโกรธ โกรธในที่นี้คือโกรธตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้
ปัง!
เสียงประตูห้องทำงานถูกปิดเสียงดัง จนทำให้แม่เลี้ยงสาวสะดุ้งดึงสติกลับมา แล้วเรื่องราวก่อนหน้านี้ก็ไหลย้อนเข้ามาในหัว
“นายก้อง....”
มือเล็กแตะริมฝีปากตัวเอง พร้อมกับเอ่ยชื่อคนขโมยจูบแรกของเธอไป
ตอนนี้มนปรียาสับสนไปหมดแล้ว ไม่รู้เธอเป็นอะไร ทำไมหัวใจของเธอเต้นแรงผิดจังหวะแบบนี้ หรือเป็นเพราะอะไรกันแน่ เธอโกรธก้องฟ้า หรือเธอเริ่มหวั่นไหวกันแน่หนา
