บทที่1.ต่อ
“คุณเรย์จะให้ผมพาพวกเขามาเลยไหมครับ” ไมค์ แม็กเวลส์ เลขาผู้เป็นมือขวาคนสนิทดั่งเพื่อนและพี่น้องของเขาเอ่ยถามมองเจ้านายที่นั่งนิ่งเหม่อมองไปเบื้องหน้าโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำหลายนาที
“ไม่ต้อง.. ฉันจะไปหาพวกเขาเอง” ไรอัล เรย์ แคเมรอน เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่คนที่สนิทสนมอยู่ด้วยกันมานานแทบจะเรียกได้ว่าอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่จำความได้นั้นรู้ดีว่าเจ้านายของตนนั้นกำลังโกรธจัด...
“ครับ..”
“เจอตัว ไอ้เจมส์ บ้างรึยัง”
“สายของผมรายงานมาว่าเขาหนีไปบวชอยู่ที่วัดป่าแถวภาคเหนือ ตอนนี้กำลังรอยืนยันอยู่ครับว่าตัวจริงหรือเปล่า”
“ไอ้เจมส์นี่นะ หันหน้าเข้าวัด.. มันหนีไปเพื่อจะไปบวชนี่นะ..” ไรอัลหน้ายุ่งแล้วส่ายหน้าช้าๆ อย่างไม่อยากเชื่อ
“คุณเรย์รู้จักเขาดีกว่าผมนะครับ.. ถ้าหากเขาบวชจริง ผมว่ามันอาจจะเป็นเรื่องที่ดี”
“ดีเหรอ.. ก็ได้ ดีก็ดี..”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”
“พรุ่งนี้ให้ทำตามที่ฉันบอก..” ไรอัลเอ่ยขึ้นไมค์รับคำแล้วเดินออกไปจากห้องทำงานโอ่อ่าของเจ้านายแล้วถอนใจออกมาเบาๆ
เขาอยากเห็นไรอัลมีความสุข.. เพราะหากเจ้านายเป็นทุกข์ เขาเองก็พลอยรู้สึกแย่ไปด้วย ชายหนุ่มเดินลงมาที่ห้องโถงใหญ่ด้านล่างก็พบว่า เจนิสา คาร์ลตัน เฉิน กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่และมองเขาด้วยแววตาไม่เป็นมิตร
นึกว่าเธอกลับไปแล้วเสียอีก.. ไมค์ถอนใจเบาๆ แล้วตีหน้าเข้มเย็นชาใส่คนที่มองตนตาเขียวปัด...
“พี่เรย์ว่างรึยัง เจนนี่รอนานแล้วนะ”
“ผู้หญิงบางคนก็หนังหนาและความอดทนสูงนะ นั่งรอจับผู้ชายได้เป็นครึ่งค่อนวัน..”
“อ๊ายยย ไอ้บ้าแกว่าใครหนังหนาฮะ”
เจนิสาผุดลุกขึ้นมายืนเผชิญหน้ากับเขาอย่างฉุนเฉียว ดวงตาสีน้ำตาลอมเขียวนั้นวาววับ ใบหน้าสวยโดดเด่นเช่นคนที่มีสายเลือดผสมระหว่างไทย จีน กับเยอรมันนั้นแดงเรื่อเรียวปากอิ่มสั่นระริกด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ก็ทำให้เธอน่ามองไม่เปลี่ยน...
“ก็ใครล่ะ.. ที่อุตส่าห์นั่งรอผู้ชายถึงบ้านอย่างหน้าด้านหน้าทนทั้งที่รู้ว่าเขาไม่สนใจยังจะตื้ออยู่ได้ คิดบ้างสิคิดไม่ใช่มีหัวไว้กั้นหูสวยๆ นี่”
ไมค์จิ้มนิ้วลงบนหน้าผากมนอย่างมันเขี้ยวและหมั่นไส้ท่าทีหยิ่งผยองแสนพยศของหญิงสาวตรงหน้าจนใบหน้างามหงายไปด้านหลัง เจนิสาปัดมือใหญ่ของเขาออกอย่างฉุนเฉียว
“อย่ามาแตะตัวฉันนะ”
“นึกว่าอยากแตะรึไง.. ไปกลับบ้านได้แล้วจะไปส่ง”
“ไม่กลับ เจนนี่จะรอพี่เรย์”
หญิงสาววัยยี่สิบสามดื้อดึงและจะเดินขึ้นไปหาไรอัลแต่ไมค์ขัดขวางเธอด้วยการตวัดร่างระหงขึ้นพาดบ่าเสียเลย เจนิสา กรีดร้องโวยวายทั้งด้วยความตกใจและโกรธที่ถูกขัดขวางและถูกคนที่ตนไม่ชอบหน้าแบกออกไปเหมือนสิ่งของไร้น้ำหนักท่ามกลางสายตาคนในบ้านของไรอัล
“กรี๊ดดด ไอ้บ้า ไอ้ไมค์คนใจร้าย ไอ้คนเฮงซวยปล่อยนะ ปล่อยฉัน โอ๊ย.. เจ็บนะ”
เจนิสาหวีดร้องดิ้นพล่านทุบหลังของไมค์อย่างโมโหฉุนเฉียวแต่ไม่มีทีท่าว่าเขาจะสะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อยทั้งยังฟาฝ่ามือลงบนสะโพกงามงอนของเธอหนักๆ สองที และมันก็เจ็บไม่น้อยเลยทีเดียว
“ถ้าไม่หยุดโวยวายจะทำมากกว่านี้อีก”
“แก.. ไอ้คนชั้นต่ำ ฉันจะฟ้องพ่อให้จัดการแก จะฟ้องพี่เรย์ให้ไล่แกออก..”
เมื่อถูกโยนเข้าไปอยู่ในรถคันใหญ่กว้างขวางเจนิสาก็มองไมค์อย่างกินเลือดกินเนื้อ สรรพนามก็เปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด ดวงตางามวาววับแดงก่ำไปทั้งใบหน้าสวย ไมค์ไหวไหล่แล้วเบ้ปากน้อยๆ เหมือนไม่ยี่หระต่อสิ่งที่เธอเอ่ยออกมายิ่งทำให้เจนิสาแทบคลั่ง
“เขยิบไป..”
“ไม่..” เจนนิสากอดเชิดหน้ามองเขาอย่าท้าท้าย”
“ได้..”
“ว้าย.. จะทำอะไร..”
เจนิสาหวีดร้องหน้าตื่นเมื่อร่างใหญ่โตของเขาทำท่าจะนั่งทับเธอเสียอย่างนั้น
“ก็จะนั่งไง ในเมื่อไม่ขยับไปก็จะนั่งทับให้แบนไปเลย”
ไมค์ทำท่าจะนั่งทับเธอจริงๆ เจนิสาจึงลนลานขยับไปจนติดประตูอีกฝั่งแต่ก็ยังมองเขาด้วยแววตาขุ่นเคือง
“ออกรถ” ไมค์สั่งคนขับรถแล้วมองเธอด้วยแววตาของผู้ชนะ ใบหน้าหล่อเหลาไม่แพ้ไรอัลชายในฝันของเธอมีแววเย้ยหยันในที
ไอ้บ้า บังอาจมาใช้สายตาเยอะเย้ยเธอ เธอต่างหากที่ต้องเย้ยหยันเขา เพราะยังไง เธอผู้เป็นคุณหนูของนักธุรกิจใหญ่อย่าง เจ้าสัวชัยชนะ หุ้นส่วนคนสำคัญของไรอัล ต้องเหนือกว่าลูกน้องที่เป็นแค่เลขาคนสนิทของไรอัลอยู่แล้ว... แล้วไมค์กล้าดียังไงมาใช้สายตามองเธออย่างดูถูกเย้นหยันแบบนี้... ซ้ำยังทำตัวราวกับเป็นเจ้านายอีกคนในบ้านของไรอัลเสียอีก ไมค์ชักกำเริบเสิบสานมากไปแล้ว เธอจะต้องบอกให้ไรอัลได้รู้ว่าลูกน้องคนสนิทของเขามีพฤติกรรมอย่างไร...
“นายต้องขอโทษฉัน”
“เรื่อง..” ไมค์เลิกคิ้วสูงท่าทางยียวน
“นายทำร้ายร่างกายฉัน”
“งั้นคุณเจนนี่ก็ต้องขอโทษผมด้วยที่แอบตีก้นผม” ไมค์พูดหน้าตาย เจนิสาตาวาวด้วยความขัดใจ
“นาย.. แต่นายก็ตีก้นฉัน นายไม่ควรมาแตะต้องตัวฉันด้วยซ้ำ”
“หึ.. สูงส่งจริงแม่คุณ จะบอกอะไรให้นะ ทำมากกว่าตีก้นผมก็จะทำ ถ้ามันทำให้คุณอยู่ห่างๆ เจ้านายของผมได้”
“ฉันจะฟ้องคุณพ่อให้เล่นงานแก” เมื่อไม่รู้จะงัดไม้ไหนมาสู้คนหน้าด้านหน้าทนอย่างไมค์ เจนิสาจึงยกพ่อของตนมาอ้างหวังว่าเขาจะหวาดกลัวบ้างแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไร
“อย่าลืมบอกท่านด้วยล่ะว่าผมจูบคุณด้วย” เจนิสาหน้าแดงก่ำทั้งโกรธทั้งอายและแค้นใจ กายสาวร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อนกถึงจูบแรกที่ถูกชายซึ่งตนแสนจะชังน้ำหนาฉกชิงไป
“ไอ้..”
“อ๊ะๆ ถ้าพูดจากหยาบคายกับผมอีกคำเดียว ผมจะเป็นคนบอกพ่อของคุณเจนเองว่า ผมจูบลูกสาวท่านแล้ว และจะขอรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน”
“หึ.. แกคิดว่าแกเป็นใคร เสนอหน้าอยากจะรับผิดชอบฉันด้วยการแต่งงาน มีปัญญาแค่ไหนเชียว ก็แค่ขี้ข้าลูกน้องกระจอกๆ ของพี่เรย์” น้ำคำดูถูกเหยียดหยันของสาวสวยตรงหน้าไม่ได้ทำให้ไมค์รู้สึกระคายใจแต่อย่างใด แต่กลับรู้สึกขบขันมากกว่า
“เดี๋ยวก็รู้ว่าจะมีปัญญาแค่ไหน..”
เจนิสาได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันและสะบัดหน้าหนีอย่างขัดใจ ไมค์หัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วเอนกายนั่งสบายๆ วาดแขนยาวๆ ของตนไปด้านที่เจนิสานั่งอยู่เหมือนจะโอบไหล่เธอไว้ เจนิสาปัดแขนเขาออกแล้วหันมามองตาเขียว และขยับหนี แต่จะหนีไปไหนได้ล่ะในเมื่อเธอเบียดประตูรถแทบจะละลายหายไปในบานประตูรถคันหรูแล้ว
“อย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉันนะ”
“เจนนี่..” เขาเอ่ยสั้นๆ แล้วมองเธอนิ่งแววตามีแววดุดัน หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยอมจำนน
“นายมันไม่มีค่าพอที่ฉันจะเสวนาด้วยหรอก”
“อย่าท้าทายผมนะครับคุณหนูเจนนี่คนสวย.. ระวังจะได้คนกระจอกอย่างผมเป็นผัว..”
“อี๋ หยาบคาย”
“หึหึ..” ไมค์หัวเราะเบาๆ แต่แววตาเขาไม่ได้มีแววรื่นรมย์แม้แต่น้อย เจนิสารู้สึกเยียนวาบไปทั้งไขสันหลังกับแววตาและท่าทีของเขา..
