บท
ตั้งค่า

บทที่ 2.ต่อ

ไปรยาตื่นแต่เช้าเพื่อลุกมาเตรียมอาหารให้ลูกชายและทำงานบ้านตามปกติ แต่เธอก็ยังอดคิดถึงไรอัลไม่ได้ และเมื่อคืนเธอก็ฝันถึงเขา เธอฝันว่าไรอัลมาที่นี่และมาเอาลูกไปจากเธอโดยไม่สนใจว่าเธอจะอ้อนวอนร้องขอแค่ไหน เขาอุ้มหนูเรียวของเธอจากไปอย่างเลือดเย็น.. เพียงแค่คิดถึงความฝันเธอก็อดคิดถึงเรื่องราวในอดีตไม่ได้...

เมื่อสี่ปีก่อนเธอกำลังตกที่นั่งลำบากและกำลังต้องการใช้เงินจำนวนมากและด่วนที่สุด เนื่องจากเธอต้องการรักษาหลานสาวเพียงคนเดียวที่กำลังป่วยหนัก

น้องปันปัน คือหลานสาววัยห้าขวบของเธอ และเด็กน้อยก็มีโรคประจำตัวมาตั้งแต่แรกเกิด แม่ของน้องปันปัน หนีตามผู้ชายไปและทิ้งลูกที่บกพร่องให้พี่ชายของเธอเลี้ยง ปาณัส ผู้นั้นทั้งเสียใจและทั้งรักลูกมาก เขาพยายามจะเลี้ยงดูลูกน้อยของตนอย่างดีและพยายามพาน้องปันปันไปรักษาให้มีอาการเป็นปกติเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่เพราะน้องปันปันเป็นโรคหัวใจมาตั้งแต่แรกเกิดทำให้ร่างกายอ่อนแอและแคระเกร็น อีกทั้งมีโรคแทรกซ้อนจึงทำให้เด็กหญิงตัวน้อยมีพัฒนาการทางร่างกายที่ช้ากว่าคนอื่นและต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ ทำให้รายได้ที่มีต้องมาใช้จ่ายในการรักษาน้องปันปัน ตัวเธอเองก็ยังต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของพี่ชายและพยายามหาเงินช่วยค่ารักษาน้องปันปันด้วย แต่โชคร้ายเมื่อสองปีก่อนปาณัสเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทำให้เธอต้องรับภาระการเลี้ยงดูน้องปันปันเพียงลำพัง เมื่อยามลำบากเธอหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากญาติคนไหนก็ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ จากที่เคยอยู่บ้านของตัวเองจำต้องย้ายออกไปอยู่ห้องเช่าเล็กๆ เพราะพี่ชายของเธอเอาบ้านไปจำนองไว้กับเถ้าแก่คนหนึ่งและไม่มีเงินจ่ายไถ่ถอนบ้าน เธอจึงต้องพาหลานน้อยที่ร่างกายอ่อนแอไปอยู่ห้องเช่า

น้องปันปันในวัยห้าขวบนั้นแม้จะร่างกายอ่อนแอแต่จิตใจนั้นแข็งแกร่งมาก หนูน้อยไม่งอแงไม่เคยทำตัวให้เป็นภาระ น้องปันปันสามารถดูแลตัวเองได้โดยไม่ต้องให้เธอต้องมาวุ่นวายในการอาบน้ำแต่งตัวให้ เด็กหญิงสามารถอาบน้ำแปรงฟันและสวมใส่เสื้อผ้าเองได้ และกินอาการเองได้โดยที่เธอไม่ต้องป้อน บางครั้งเด็กหญิงตัวน้อยตัวนิดราวกับเด็กสามขวบนี้ก็ช่วยล้างจานและทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่ร่างกายจะอำนวยได้ ชีวิตเธอกับหลานสาวดำเนินไปด้วยดีแม้จะมีบ้างที่ต้องลำบากตอนไปหาหมอ แต่แล้วก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อจู่ๆ น้องปันปันก็เกิดอาการทรุดหนัก โรคหัวใจกำเริบ จะต้องทำการรักษาด่วนและนั่นคือจุดเริ่มต้นและเป็นเหตุที่ทำให้เธอได้มาพบกับไรอัล...

สาเหตุที่ทำให้เธอได้มาพับกับไรอัลก็เนื่องมากจากชายหนุ่มที่ชื่อ.. เจมส์ หรือ เจสัน คาร์เตอร์...

เธอได้พบเจสันในวันที่ต้องการใช้เงินจำนวนมากในการรักษาน้องปันปัน และเขาก็เสนอเงินจำนวนนี้ให้เธอแลกกับการทำงานให้เขา ไปรยาคิดว่าชายหนุ่มหน้าตาดีดูน่าเชื่อถือซึ่งเธอได้มารู้ภายหลังว่าเขาคือนักธุรกิจหนุ่มที่มีชื่อเสียงและร่ำรวย เธอคิดอยู่แล้วว่าเขาไม่ได้จะช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทน แต่เธอเป็นเพียงแค่เด็กสาวธรรมดาที่เป็นเพียงพนักงานในร้านอาหารแห่งหนึ่งเท่านั้นเขาคงไม่ได้จะต้องการอะไรจากเธอมากนัก แต่เพราะต้องการเงินอย่างเร่งด่วนและเจสันบอกว่าไม่ใช่งานที่ยุ่งยากอะไรและเขาก็ไม่ได้คิดจะอยากให้เธอใช้หนี้เขาด้วยร่างกายความสาวของเธออย่างที่หวั่นระแวง ทำให้เธอโล่งใจไปได้บ้างว่าไม่ต้องขายศักดิ์ศรีตัวเองหรือขายตัว และคิดว่าเขาคงไม่ได้ให้เธอทำงานที่เสี่ยงมากและด้วยความรีบร้อน ทั้งร้อนใจเธอจึงตัดสินใจรับทำงานให้เจสัน แลกกับการได้ส่งน้องปันปันเข้ารับการผ่าตัดรักษาอย่างเร่งด่วน เมื่อเธอแน่ใจแล้วว่าน้องปันปันได้รับการรักษาอย่างดี เจสันก็ให้เธอเริ่มงานทันที...

เสียงร้องเรียกหาของลูกชายทำให้ไปรยาดึงความคิดของตนกลับมาสู่ปัจจุบัน หญิงสาวปิดเตาแก๊สแล้วล้างมือรีบเดินเขาไปหาลูกชายที่กำลังนั่งงัวเงียอยู่บนเตียง

“คนเก่งตื่นแล้วไปห้องน้ำกันค่ะ”

ไปรยาอุ้มลูกไปล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำแต่งตัวจนหล่อเหลาจึงพาน้องเรียวมานั่งกินข้าวหน้าบ้านกันอย่างเช่นทุกวัน หน้าบ้านหลังน้อยมีต้นมะม่วงเขียวเสวยให้ร่มเงาและยามมันออกผลก็ได้เก็บกินเสมอ

“แม่ปายจ๋า เรียวมีพ่อมั้ย” ไปรยาชะงักมองหน้าลูกชายแล้วยิ้มบางๆ

“หนูเรียว.. ทำไมถามแบบนี้ล่ะคะ”

“หนูเรียวอยากมีพ่อจ๋า เหมือง.. เหมือนหนูทราย” เด็กชายพูดช้าๆ พยายามพูดให้ชัดที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถทำได้ หนูน้อยมองสบตาผู้เป็นแม่ ไปรยาถอนใจเบาๆ แล้วอุ้มลูกน้อยมานั่งตักและโอบกอดเขา

“หนูเรียวก็มีแม่ปายจ๋าไงครับ มียายนอมด้วย”

“แต่ ทรายมีพ่อจ๋า มีแม่จ๋าด้วย” ไปรยารู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆ วิ่งมาจุกที่ลำคอทั้งขอบตาของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียไม่ได้

“หนูเรียวก็มีพ่อจ๋า แต่พ่อจ๋าอยู่ไกล”

“หนูเรียวไปหาพ่อจ๋าได้ม้ายย หนูเรียวอยากปาย”

ไปรยาอึ้งไปเล็กน้อย พยายามนึกคำพูดที่จะตอบลูกชายแต่ก็นึกไม่ออกและไม่ทันตั้งตัว น้องเรียวเคยถามเธอหลายครั้งกับการมีพ่อเหมือนคนอื่นไหม แต่เพราะเธอคิดว่าน้องยังเด็กเล็กเกินไปกว่าจะถามถึงพ่อ และเธอก็เตรียมตัวจะบอกเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อของแกอยู่ในใจ แต่ไม่คิดว่าน้องเรียวจะถามถึงพ่อเร็วแบบนี้ เธอคิดว่าเมื่อวานแม่ของน้องทราย เด็กหญิงวัยสามขวบที่บ้านอยู่ในละแวกเดียวกันมาเล่นกับน้องเรียวแน่ๆ เธอจำได้ว่าแม่น้องทรายนั้นก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเหมือนกันกับเธอ

“ปาย..” แล้วคนที่กำลังนึกถึงก็ร้องทักทายอยู่หน้าบ้าน เมื่อแม่ของน้องทรายปรากฏตัวขึ้นเหมือนฝันไป แต่แม่น้องทรายยืนอยู่หน้าบ้านของเธอจริงๆ ไปรยารีบบอกให้แม่น้องทรายเข้ามาในบ้าน แม่น้องทรายเปิดประตูรั้วเตี้ยๆ เดินเข้ามาอย่างคุ้นเคยพร้อมด้วยชายหนุ่มหน้าตาดีเหมือนจะเป็นหนุ่มลูกครึ่งอีกคนที่อุ้มน้องทรายเดินเคียงข้างกันมา

“หวัดดีจ้ะผึ้ง น้องทราย” ไปรยายิ้มให้สองแม่ลูกแล้วมองหน้าชายหนุ่มที่ส่งยิ้มเป็นมิตรให้เธอ

“นี่คุณแทน สามีของผึ้งเอง..” ผึ้ง หรือแม่ของน้องทรายเอ่ยแนะนำด้วยท่าทางเขินๆ

“พ่อแทนจ๋า เป็นพ่อของน้องทรายค่า..” น้องทรายเอ่ยแนะนำอย่างภาคภูมิใจ แล้วหอมแก้มพ่อแทนจ๋าของตนอวดทุกคนเสียฟอดฟอดใหญ่

“น้าปายดีใจด้วยนะคะ” ไปรยายิ้มให้อย่างจริงใจแล้วแอบปรายตามองลูกชายของตนที่เงยหน้ามองน้องทรายกับพ่อตาแป๋ว

“ผึ้งจะย้ายบ้านไปอยู่บ้านคุณแทนน่ะ”

“ไปเมื่อไหร่ล่ะผึ้ง”

“เย็นนี้ล่ะ เลยแวะมาลาปายก่อน แต่ว่างๆ ผึ้งจะกลับมาเยี่ยมปายกับน้องเรียวนะ”

“พี่ทรายจ๋าไปบ้านพ่อแทนจ๋าแย้วนะหนูเรียว หนูเรียวไม่เหงาน้า”

เด็กหญิงลงจากอ้อมแขนผู้เป็นพ่อมาโอบกอดน้องเรียวเหมือนตัวเป็นพี่ใหญ่ที่กำลังปลอบน้องน้อย แม้จะอายุห่างกันรอบปี แต่น้องเรียวนั้นตัวโตกว่าน้องทรายมาก

“เรียวม่ายเหงา เดี๋ยวเรียวก็มีพ่อจ๋า เหมืองทราย” เด็กชายบอกอย่างไร้เดียงสาแต่ทำให้คนเป็นแม่ถึงกับขอบตาร้อนผ่าว

“เด็กๆ ไปเล่นทรายตรงนู้นกันดีกว่านะคะ ที่รักคะพาเด็กๆ ไปเล่นเถอะ” ผึ้งหันไปบอกสามี เขาจึงพาเด็กๆ ไปเล่นกองทรายใต้ต้นมะม่วง

“วันนี้อยู่กินข้าวด้วยกันนะผึ้ง ถือซะว่าวันนี้ปายเลี้ยงส่งละกัน”

“ผึ้งก็กะว่าจะมากินข้าวกับปายนี่ล่ะ คิดว่าอีกนานกว่าจะได้กลับมาเยี่ยมปายกับหนูเรียว มาเลี้ยงส่งกันเสียหน่อยเนอะ”

“ยินดีจ้า ว่าแต่เราจะต้องออกไปซื้อของก่อนไหม”

“ผึ้งซื้อมาแล้วอยู่ในรถ” ผึ้งชี้ไปที่รถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกล ไปรยาพยักหน้ารับรู้เธอลืมสังเกตไปว่าทั้งคู่มารถยนต์ เพราะเห็นแค่ตอนที่ผึ้งมายืนอยู่หน้าบ้านแล้ว

“เราไปเอาของกันเถอะ” แล้วทั้งสองก็เดินไปหยิบข้าวของในรถมาเพื่อทำอาหาร ตลอดบ่ายวันนั้นไปรยา ผึ้งกับสามีของเธอ และเด็กๆ ได้ทำอาหารรับประทานกันอย่างสนุกสนาน ก่อนที่ผึ้งกับสามีและลูกจะกลับไป ไปรยามองพวกเขาเคลื่อนไปผ่านหน้าไปช้าๆ น้องทรายโบกมือให้น้องเรียวหย็อยๆ จนเมื่อสามพ่อแม่ลูกนั้นจากไปแล้วเธอจึงจูงมือน้องเรียวเข้าบ้าน...

“แม่ปายจ๋า”

“จ๋าลูกรัก”

“พ่อจ๋าของหนูเรียว เหมืองพ่อน้องทรายม้าย” เด็กชายเดินไปหยุดหน้ากระจกเงาบานยาวที่อยู่ในห้องแต่งตัวเมื่อเธอพาน้องเรียวมาอาบน้ำก่อนจะกินนมนอนตอนบ่าย

หญิงสาวมองลูกชายที่ยืนเอียงซ้ายเอียงขวาอยู่หน้ากระจก เด็กชายนั้นฉลาดเกินวัยคงรู้สึกได้ว่าตัวเองหน้าตาไม่เหมือนเด็กที่เป็นไทยแท้ในละแวกบ้านเช่นเดียวกับน้องทรายที่มีผมสีอ่อนและตาสีน้ำตาลอมเขียวเหมือนพ่อของแก น้องเรียวเองก็เช่นกัน วันนี้ทั้งวันน้องเรียวเอาแต่มองหน้าพ่อของน้องทรายด้วยความสงสัยและเขาก็ถามอย่างที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด

“ก็.. คล้ายๆ กัน พ่อของน้องเรียวมีตาสีเทาๆ และสวยมาก หล่อมากเหมือนหนูเรียวของแม่เลย” เธอเดินมาหยุดข้างลูกชายแล้วหมุนร่างกลมป้อมมาหาพลางลูบเรือนผมสีอ่อนนั้นเบาๆ อย่างแสนรัก

“จิงเหยอ”

“จริงสิครับ”

“แล้วหนูเรียวจาได้เจอพ่อจ๋ามะไหร่อ่า” ไปรยาโอบกอดลูกชายแล้วลูบเรือนผมนุ่มเบาๆ พยายามกลืนก้อนสะอื้นและกลั้นน้ำเอาไว้

“ไม่นานหรอกลูก..” เธอบอกไปแบบนั้นเพราะไม่อยากให้ลูกถาม และคิดว่าเมื่อเขาโตขึ้นเธอจะค่อยๆ อธิบายว่าพ่อจ๋าของเขาไปไหน ทำไมถึงยังไม่ได้เจอกันเสียที

“ไปอาบน้ำดีกว่านะครับ หนูเรียวมอมแมมและมีกลิ่นตุๆ แล้ว” เธอเย้าลูกชายแล้วพาน้องเรียวไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel