บท
ตั้งค่า

ตอนที่6. รู้แล้วน่า

“ผมกลับไปนอนที่บ้านดีกว่า” ชายหนุ่มถอนหายใจเบื่อๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ขอบคุณสำหรับคืนนี้”

แซนดี้เม้มริมฝีปากเน้นจนเป็นเส้นตรง เธอรู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์หึงหวงชายหนุ่มตรงหน้า แต่อารมณ์ที่เกิดขึ้นมันห้ามใจไม่อยู่แต่เธอก็ฝืนยิ้มออกมา อคินเดินออกมาแล้วหันไปส่งยิ้มให้นักร้องสาวบนเวทีอีกครั้งแล้วเดินจากไปเงียบๆ

ดาหลายิ้มตอบอย่างเป็นมิตรแต่เมื่อเห็นแผ่นหลังของเขาลับตาไปแล้ว รอยยิ้มของเธอก็ก็เปลี่ยนไปทันที

‘เวลาแห่งการแก้แค้นมาถึงเสียที’

ทันทีที่ลวิตรก้าวลงจากบันได เขาก็ได้กลิ่นหอมของขนมอบอวลไปทั่วบ้าน แต่ถ้าจะพูดให้ถูกเขาได้กลิ่นตั้งแต่เปิดประตูห้องนอนออกมาแล้ว ชายหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเห็นน้องสาวต่างสายเลือดกำลังยุ่งกับการเตรียมขนมเพื่อนำออกไปจัดวางที่หน้าร้าน

เป็นผลงานการออกแบบของเขาเอง ไม่รู้ว่ากาสะลองจะจำได้ไหม? แต่สำหรับเขาแล้ว ทุกถ้อยคำระหว่างเขากับเธอมีความหมายทุกอย่าง แม่ของเขาไม่ใช่คนชอบทำขนมตั้งแต่แรกหรอก แต่แม่ชอบให้ลูกสาวใส่ผ้ากันเปื้อนน่ารักๆ เหมือนตุ๊กตามากกว่า แต่เพราะกาสะลองชอบทำขนมจริงๆ ช่วงปิดเทอมเธอเรียนทำขนมจนฝีมือดีขนาด ขายเป็นรายได้พิเศษระหว่างเรียนมาแล้ว เมื่อเขาเรียนจบวิศวะ ทำตามสัญญาที่ให้กับกาสะลอง เขาออกแบบร้านเบเกอรี่เล็กๆ ให้ ‘ร้านหวานใจ’ จึงเกิดขึ้นจากเงินก้นกระปุกของกาสะลองและแม่ช่วยในการกู้เงินธนาคารมาทำร้านในฝันนี้ หลังจากกาสะลองเรียนจบปริญญาตรีมาดูแลร้านเต็มตัว แถมด้วยความยินดีจนหน้าบานของแม่ ทำให้กาสะลองไม่ต้องไปลำบากหางานทำข้างนอก

ถ้าบ้านหลังนี้ไม่มีกาสะลองสักคน...แม่เขาคงไม่สามารถยิ้มได้

“ทำไมตื่นเช้าจังคะ วันนี้ไม่ได้ไปทำงานไม่ใช่เหรอ” กาสะลองส่งเสียงทักทายเมื่อเห็นพี่ชายยืนมองอยู่ใกล้ๆ “กาแฟไหมหรือจะข้าวต้มหมูคะ”

“ไม่ต้องบริการดีขนาดนั้นก็ได้มั้ง” เสียงคุณเพลินตาดังมาจากข้างหลังลูกชายตัวโต “นี่บ้านไม่ใช่โรงแรม อยากกินอะไรก็บริการตัวเองซิ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ นิดๆ หน่อยๆ เอง” กาสะลองหัวเราะน้อยๆ แล้วขยับแว่นสายตา “ตกลงกินข้าวต้มพร้อมกันทั้งสามคนเลยนะ”

“ไปช่วยน้องซิ” คุณเพลินตาดุลูกชาย “เป็นผู้ชายต้องหัดเทคแคร์ผู้หญิงซิ”

“รู้แล้วน่า”

ลวิตรทำหน้าเบื่อแต่ก็เดินไปหยิบชามมาให้กาสะลองเพื่อตักข้าวต้ม ความสูงที่ต่างกันมาก ทำให้เขาก้มมองหญิงสาวรู้สึกว่าเธอตัวเล็กนิดเดียว ทำให้เขาเห็นแววอิดโรยของน้องสาวด้วย

“นอนดึกเหรอ” ลวิตรอดถามไม่ได้

กาสะลองส่ายหน้าไปมาจนผมเปียที่ถักไว้หลวมๆ แกว่งไปมา “เตรียมของแล้วก็นอน ความจริงน่าจะนอนเร็วกว่าปกติด้วยซ้ำแต่ทำไมตื่นมาเพลียๆ ก็ไม่รู้”

ลวิตรเผลอขมวดคิ้วและทำหน้าเครียด แต่เมื่อกาสะลองหันมาเห็นเขาก็แสร้งหัวเราะออกมา

“ปีปไม่เป็นอะไรหรอก ตื่นเช้าก็เลยยังเพลียอยู่ สายๆ หน่อยก็ดีขึ้นเองแหละค่ะ”

“วันนี้พี่จะช่วยที่ร้านด้วยก็แล้วกัน”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่ลวิตรพักผ่อนเถอะ”

“ไม่เป็นไรหรอก”

“ปีปเขากลัวลูกค้าเห็นหน้าแกแล้ววิ่งหนีนะซิ” เพลินตาแขวะลูกชายขณะกินมื้อเช้าพร้อมกันสามคน

“โธ่แม่! พูดซะผมขายไม่ออกเลยนะเนี้ย”ลวิตรทำหน้าเบ้แต่แม่กับน้องสาวกลับหัวเราะกันคิกคัก คุณเพลินตาก็ทำท่าเหมือนเพิ่งนึกได้ รีบพูดขึ้น

“ตายจริง!แม่นัดกับคุณลำยองจะไปดูหมอกัน”

“ดูหมอ! อีกแล้วเหรอแม่” ลวิตรทำหน้าเซ็ง “เมื่อไหร่แม่จะเลิกดูหมอ-หมอดูอะไรสักที เอาเงินไปทำบุญไม่ดีกว่าเหรอฮะ”

“นิดๆ หน่อยๆ แกก็อย่ามาเป็นบ่นเลยนะ” เพลินตาพูดลอยหน้าลอยตาไม่สนใจสีหน้าของลูกชาย “ไหนๆ แกก็อยู่บ้านแล้วช่วยน้องก็แล้วกัน”

ลวิตรส่ายหน้าไปมา ตั้งแต่เด็กจนโตขนาดนี้แล้ว เขาไม่เคยเถียงแม่ชนะสักครั้ง กาสะลองแอบหัวเราะสองแม่ลูกที่ทำตัวเหมือนเป็นเพื่อนกันมากกว่า หลังจากเสร็จอาหารเช้าแล้ว ลวิตรก็ช่วยจัดเก็บโต๊ะอาหาร คุณเพลินตาลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกจากบ้านไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel