ตอนที่2. สองคนนั้นไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ
“มีลูกชายก็เหมือนไม่มี วันๆ ทำแต่งานแทบไม่เจอหน้ากัน ดีที่ยังมีหนูปีปคอยดูแลให้อุ่นใจ”
“ไม่ได้เห็นหน้าเห็นตาพ่อลวิตรนานแล้วนี่ไปไหนเหรอ หรือว่าแต่งงานมีลูกเต้าไปแล้ว” ลูกค้าคนเดิมพูดคุยอย่างสนิทสนม
“ก็ผมไปทำงานนี่” ชายหนุ่มที่ถูกนินทาก้าวเข้ามาในร้าน ทำเอาคนลูกค้าที่กำลังจะเริ่มนินทาต่อ ต้องหยุดปากแล้วยิ้มแหย
“แหม!อายุยืนจริงนะพ่อคุณ พูดปุ๊ปก็มาปั๊ปเลย”
“ผมมันพวกมีเรด้าฮะ ใครพูดถึงแล้วหูผึ่งทันที” ลวิตรพูดด้วยความสนิทสนม “ผมช่วยถือไปที่รถไหมฮะ”
“ร้านนี้เอาใจลูกค้าจริงๆ ลูกสาวก็สวย ลูกชายก็หล่อนะคุณเพลินตา” ลูกค้าอดแซวไม่ได้ “ไม่ต้องหรอกจ๊ะ พี่เอาไปได้”
ลูกค้าประจำจ่ายเงินเดินออกไปโดยมีลวิตรเดินไปเปิดประตูให้ เมื่อร้านไม่มีลูกค้าแล้ว เขาหันมามองมารดาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“นินทาลูกตัวเองก็ได้นะฮะ”
“อ้าว! แกยังจำได้เหรอว่ามีแม่อยู่ที่นี่” คุณเพลินตาทำลอยหน้าลอยตา
“พี่ลวิตรกลับมาเมื่อไหร่คะ”
หญิงสาวเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม เดินไปรินน้ำหวานใส่แก้วส่งให้ชายหนุ่ม “ไม่กลับบ้านครบเดือนพอดีเลยนะคะ”
“แม่ละนึกว่าจะเข้าบ้านไม่ถูกซะแล้ว” เพลินตาแขวะลูกชายตัวเอง เดินมานั่งที่โต๊ะชุดในร้านเบเกอรี่เล็กๆ ของเธอเอง
“ก็เห็นว่ามีปีปอยู่เป็นเพื่อนแม่แล้วนี่” ลวิตรพูดแล้วเลื่อนปมเนคไทลงต่ำ ท่าทางเขาดูอิดโรยไม่น้อย
“แต่บ้านเราไม่มีผู้ชายอยู่เลยนะ” เพลินตาพูดแบบงอนๆ ลูกชายวัยยี่สิบ29ของตน
“โธ่! แม่ฮะ! จริงๆ แม่ก็อยากได้ลูกสาวมากกว่าลูกชายอยู่แล้ว แล้วทีแบบนี้จะมาบ่นอะไรละฮะ”
“ก็เพราะมีลูกชายแล้วเป็นแบบนี้นะซิ แม่ถึงไม่อยากมีลูกผู้ชาย!”
“พอเถอะค่ะ” หญิงสาวรีบยกมือห้ามทัพ “พี่ลวิตรเพิ่งกลับมาคงยังเหนื่อยๆ อยู่ จริงซิ! วันนี้เราปิดร้านเร็วแล้วทำกับข้าวกินกันเถอะค่ะ ทำชุดใหญ่เลยดีไหมคะ ของคุณแม่ต้องเป็นต้มยำกุ้งรสจัดส่วนของพี่ลวิตรก็ปลาดุกผัดพริกดีไหม”
คุณเพลินตาอ้าปากค้างจะเถียง ต่อแต่พอเห็นลูกชายยักไหล่น้อยๆ เธอก็ถอนหายใจ
“เดี๋ยวแม่เก็บร้านเอง ลูกปีปไปจัดการเรื่องอาหารดีกว่านะ”
“ก็เพราะแม่ทำกับข้าวสู้ปีปไม่ได้นะซิ” ลวิตรอดแขวะแม่ตัวเองไม่ได้
“นี่!เจ้าลูกปากเสีย!”
“พี่ลวิตรมาช่วยปีปดีกว่าคะ” หญิงสาวฉุดแขนพี่ชายไว้ก่อน“ขับรถไปตลาดให้ปีปนะคะ “
สองแม่ลูกแยกเขี้ยวใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร หญิงสาวตัดสินใจลากชายหนุ่มออกมาจากร้านเบเกอรี่ได้สำเร็จ เธอวานให้เขาขับรถไปให้ที่ตลาดสดไม่ไกลนัก
“ไงพ่อลวิตรวันนี้มาช่วยหนูปีปถือของหรือจ๊ะ”แม่ค้าคนหนึ่งเอ่ยทักทายทั้งคู่อย่างสนิทสนม ขณะที่หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากแล้วเลือกปลาดุกตัวขนาดพอเหมาะสำหรับมื้อค่ำ
“ฮะ” ลวิตรพยักหน้ารับ “อย่างผมจะเป็นอะไรได้นอกจากคนถือของ”
“ต๊าย! ดูพูดเข้าซิ แล้วนี่เมื่อไหร่จะแต่งงาน หลานป้ามันมีลูกแล้วนะ”
“ก็ผมไม่รีบนี่ฮะ” ลวิตรหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวลาเมื่อน้องสาวต้องเดินไปซื้อของที่แผงอื่น
“นั้นพี่น้องกันเหรอ” แม่ค้าอีกแผงเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “หน้าตาไม่เห็นเหมือนกันเลย”
“จะเหมือนได้ยังไง” แม่ค้าขายปลาเอ่ยตอบ
“สองคนนั้นไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ คนน้องเป็นเด็กกำพร้าที่คุณเพลินตารับมาเลี้ยงนะซิ...แต่นับวันก็ยิ่งหล่อยิ่งสวยทั้งคู่เลยนะ”
“สนิทสนมกันมากไปก็ไม่ดีหรอกกลัวว่า...อุ๊ย!” แม่ค้าหยุดปากทันที่เห็นสายตาดุๆ ของชายหนุ่มหันกลับมามอง
“พี่ลวิตร” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ แล้วคล้องแขนพี่ชาย “คิดอะไรมากไปหรือเปล่าคะ”
“ปีปก็ได้ยินที่เขานินทานี่” ลวิตรทำหน้าหงุดหงิด
“ก็รู้ว่านินทาไงคะแล้วพี่ลวิตรจะไปใส่ใจทำไมละ” หญิงสาวหัวเราะคิกคัก ดึงแขนพี่ชายไปเลือกซื้อผักและผลไม้อีกสองสามอย่างตบท้ายด้วยกุ้งตัวโตๆ ได้ของครบแล้วจึงกลับมาที่รถ เพื่อเข้าบ้านอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับลวิตรแล้ว ‘กาสะลอง’ เป็นมากกว่าน้องสาวที่เขาทั้งรักและหวง
