ตอนที่ 2
แต่พรพรตที่กำลังจะตักยำเนื้อเข้าปากไม่ขำด้วย เขาหันมาทุบตีเพื่อนไม่ยั้ง
"ไอ้ตัั้ว...ไอ้ฉิบหาย กูกำลังกินอยู่ มึงเห็นไหมเนี่ย พูดซะกูกินไม่ลงเลย"
ปวเดชหัวเราะเสียงดัง
"ไอ้กั้ง...มึงอย่าตอแหล คนอย่างมึง...แดกได้ทุกสถานการณ์อยู่แล้ว มึงอย่ามาโทษกู...ไอ้ดัดจริต"
พรพรตค้อนเพื่อน ทุกคนหัวเราะขำกัน เขาตักยำเนื้อเข้าปากอีก
"มึงอยู่ที่โน่น..ได้เงินเยอะหรือวะ"
"เงินดีเลยล่ะ...ที่โน่นมาตรฐานสูงมาก ต้องเก่งจริง...ถึงจะได้ทำ"
"มึงจะบอกว่ามึงเก่ง...งั้นซี"
ปวเดชทำหน้ากวน ๆ ใส่
"มันแน่อยู่แล้ว มึงจะมาลองให้กูชันสูตรดูไหมล่ะ...ไอ้ตัั้ว"
ปวเดชทำคอย่น
"กูยังหม่ายตาย...ไอ้เวร"
เพื่อน ๆ หัวเราะกันใหญ่ โสภณเป็นแพทย์นิติเวช เขาเรียนจบสาขานี้จากอเมริกา พอเรียนจบ...ก็ทำงานอยู่ที่อเมริกา เขากลับมาแต่งงานกับแฟนสาวที่คบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย และเทียวไปเทียวมากรุงเทพ-อเมริกาอยู่หลายปี
พรพรตเป็นทนายความฝีปากกล้า ที่ว่าความไม่เคยแพ้ใคร เขาจึงเป็นทนายที่มีงานล้นมือ เขาก็แต่งงานแล้ว และมีลูกชายอายุ 3 ขวบหนึ่งคน
ปวเดช หนุ่มหน้าตาดีที่ขี้เล่น อารมณ์ดี และยังโสด เป็นลูกชายเจ้าของร้านขายยา ตัวเขาเองจบเภสัช จึงเป็นเภสัชประจำร้านให้พ่อด้วย แต่งานประจำของเขาคือ เป็นนักวิจัยยาให้บริษัทยักษ์ใหญ่จากอเมริกา ที่มาเปิดโรงงานในไทย
เพื่อน ๆ ของกันตภัทรล้วนไม่ธรรมดา รวมทั้งตัวกันตภัทรเอง ที่เรียนจบโทจากอเมริกา พวกเขาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก แม้โตเป็นหนุ่มแล้วก็ยังไม่เคยเปลี่ยนแปลง มิตรภาพของพวกเขาหยั่งรากลึกยากที่ใครจะสั่นคลอนได้
พรพรตมองกันตภัทรที่นั่งฟังนั่งกินเงียบ ๆ ไม่ค่อยจะเปิดปากพูดกับใคร
"ไอ้ภัทร...มึงก็คุยบ้างสิวะ ไม่ใช่นั่งแดกอย่างเดียว พวกกูคุยกันแป๊บเดียว มึงล่อปลาแป๊ะซะกูไปครึ่งตัวละ หิวมาจากไหนวะเนี่ย"
"เห็นใจกูเถอะ ทุกวันนี้กูเหมือนตุ๊กตาไขลาน มีแต่งานกับงาน กูเบื่อจะตายละ"
กันตภัทรตักลาบหมูเข้าปาก ตามด้วยข้าวเหนียวคำโต เคี้ยวแก้มตุ่ยไม่สนใจใคร
"ตั้งแต่มึงเลิกกับเมีย กูก็แทบจะไม่ได้เจอมึงเลย มึงคงเสียใจมากสินะ ถึงต้องทำงานหนักเพื่อให้ลืมเธอ"
พรพรตจับไหล่กันตภัทรทำหน้าเห็นใจ โสภณกับปวเดชก็ส่ายหัว
"พวกมึงจะเศร้าหาหอกอะไรวะ ต้องดีใจกับกูถึงจะถูก ที่กูเฉดหัวแม่นั่นไปได้ ดีนะ...ที่ตอนนั้นกูไม่บ้าจี้จดทะเบียนด้วย ไม่งั้น...ป่านนี้กระดูกกูก็คงไม่เหลือ"
เพื่อน ๆ มองหน้ากันอย่างงง ๆ
"ยังไงวะ...ขยายให้ฟังหน่อยดิ๊"
กันตภัทรดื่มน้ำ แล้วเล่าให้เพื่อนฟังว่า
"แม่นั่นน่ะ ตัวกินเงินชัด ๆ เลยว่ะ ที่ยอมแต่งเพราะบ้านกูรวย กูก็แค่แต่งตามใจพ่อกู แต่มันไม่แค่ผลาญเงินพ่อกูสนุกเท่านั้นนะ มันยังคบชู้ด้วย พ่อกูช็อคเพราะเห็นมันเอาชู้มากกในบ้าน ...ตอนที่กูไปภูเก็ต กูเลยหาเรื่องขอเลิก แม่ง...ก็ยังเป็นปลิงมาเกาะกูอีก กูให้ใช้เดือนละสามหมื่น มันก็ยังแอบมาเบิกกับฝ่ายบัญชีกูที่บริษัท กูว่าจะเลิกให้เงินละ ไม่รู้จักทำมาหากิน...ก็ปล่อยให้อดตายไปเถอะ"
กันตภัทรเล่าระบายความอัดอั้นตันใจของเขาที่เก็บมานาน เขามองเพื่อน ๆ ที่นั่งฟังอ้าปากหวอ
"อะไรของพวกมึ๊ง ทำไมทำหน้ากันอย่างนั้นวะ"
"ก็แหม...เรื่องมึงนี่โคตรน้ำเน่าเลยว่ะ อย่างกับนิยายเล่มล่ะบาท"
ปวเดชส่ายหัว กันตภัทรแค่นหัวเราะ
"ยังมีน้ำเน่ากว่านี้อีก แม่นั่นท้องกับใครไม่รู้...แต่บอกว่าท้องกับกู"
"เฮ้ย!...อาจเป็นลูกมึงจริง ๆ ก็ได้นี่หว่า ก็เขาเป็นเมียมึงอ่ะ"
พรพรตติงเบา ๆ
"ไม่ใช่ของกูแน่นอน เพราะกูไปทำหมันก่อนที่จะมาแต่งงานกับเขา กูจะมีลูกกับผู้หญิงที่กูรักเท่านั้น เรื่องนี้แม้แต่พ่อกูก็ยังไม่รู้เลย ตั้งแต่แต่งงานกันมา กูมีอะไรกับเขานับครั้งได้ ที่ได้ก็เพราะเมาล้วน ๆ ทีนี้เข้าใจกันหรือยัง"
ทุกคนถอนใจมองกันตภัทร ต่างก็ไม่คิดว่า...ชีวิตเขาจะต้องเจอกับอะไรแบบนี้ กันตภัทรเพอร์เฟคที่สุดในกลุ่ม ทั้งหล่อ รวยและเก่ง แต่กลับมีชีวิตครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ เขามีดีทุกอย่าง ยกเว้น... ความสุขในครอบครัว
ณ.โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง...
เหล่านักเรียนอนุบาลตัวน้อย ที่กินข้าวกลางวันเสร็จ ก็มาเล่นสนุกกันอยู่ในสนาม มีครูสาวหน้าหวานยืนดูความเรียบร้อย
"ครูพริมคะ...เป่านกหวัดเรียกเด็ก ๆ ได้แล้วค่ะ"
ครูสาวที่อาวุโสกว่าบอกเธอ เธอยิ้มหวานแล้วยกนกหวีดที่ห้อยคอขึ้นเป่าเสียงดัง
"ปรี๊ดดดด"
หนูน้อยทั้งหลาย...พอได้ยินเสียงนกหวีด ก็มายืนเข้าแถวกันอย่างมีระเบียบ
"ตามครูมาจ้ะ.."
ครูพริมหรือพริมา* ครูสาวคนสวยวัย 24 ปี เดินพาเด็กไปเปลี่ยนชุดเพื่อนอนกลางวัน พริมาดูแลจนเด็ก ๆ เข้านอนเรียบร้อยแล้ว ก็จะเป็นเวลาพักทานอาหารเที่ยงของเธอ
"เสร็จแล้วเหรอพริม..."
"เสร็จแล้วจ้ะ...หิวมากเลยล่ะ"
พริมาเอาจานไปตักอาหารที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ มานั่งกินกับเพื่อน ๆ
"เฮ้อ!...กว่าจะจับให้นอนได้ ห้องฉันซนอย่างกับลิง"
จี๊ดหรือจิตติมา เพื่อนครูสาววัยเดียวกัน ส่ายหัวเมื่อพูดถึงลูกศิษย์ตัวน้อยของเธอ
"เด็ก ๆ ก็แบบนี้แหละ"
"เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เฉพาะเด็กผู้ชายนะที่ซน เด็กผู้หญิงก็ใช่ย่อย ฉันล่ะปวดหัวจริง ๆ เลย"
เอ๋หรืออารยา พูดเสริมขึ้น พริมาฟังไปด้วยกินไปด้วย เธอต้องทำเวลา เพราะต้องเตรียมการสอนรอบบ่ายก่อนที่เด็กจะตื่น
