โชคชะตา 2
เช้าวันรุ่งขึ้น เว่ยหย่งฮวาก็ตื่นขึ้นมาในตอนสาย เธองัวเงียเปิดเข้าอีเมลว่าทางโรงงานติดต่อมาหรือยัง ซึ่งก็ตอบกลับมาจริงแล้วให้เธอถ่ายรูปส่งหลักฐานไป เว่ยหย่งฮวาไม่ลังเลที่จะส่งรูปที่ถ่ายตั้งแต่เมื่อคืนไป
เธอพบว่าอิงอิงตื่นนานแล้วและกำลังทำมื้อเช้าอยู่ในครัวเล็กๆ ของร้านที่มีประตูอีกบานปิดไว้กันกลิ่น
ป้าของเธอหรือก็คือแม่แท้ ๆ ของอิงอิง รับเธอไปดูแลตั้งแต่ยังเด็กหลังพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ เว่ยหย่งฮวาไม่ค่อยมีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อแม่หลงเหลือมากนัก แล้วก็ไม่ค่อยสนิทสนมกับครอบครัวของป้านอกจากอิงอิง
ป้าเลี้ยงดูเธอด้วยมรดกที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ ไม่ได้เลี้ยงทิ้งขว้างแต่ก็ไม่ใส่ใจเท่าลูก ๆ ของตัวเอง ทำให้หญิงสาวค่อนข้างด้านชาทางความรู้สึกอยู่พอสมควร
อาจเป็นเหตุผลนี้ด้วยเช่นกันที่ทำให้ทีมงานในกองถ่ายไม่ชอบเท่าไร นอกจากตอนสวมบทเป็นตัวละครแล้ว เว่ยหย่งฮวาแสดงอารมณ์ค่อนข้างน่าเบื่อเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ รอบตัว
"อิงอิง พี่จะไปที่โรงงาน ฝากร้านให้เธอดูนะ"
"พี่เชื่อมือฉันได้เลย แต่ไม่ทานข้าวก่อนไปสักหน่อยล่ะ"
"พี่จะไปกินข้างนอกน่ะ อยากแก้งานให้เสร็จเร็วๆ"
"งั้นฉันใส่ตู้เย็นไว้ให้แล้วกัน"
เธอพยักหน้าให้อิงอิงผู้มีรอยยิ้มสดใสตลอดเวลา น้องสาวคนนี้เป็นความสดใสรอบตัวเธอที่ไม่มีใครเหมือน หญิงสาวยิ้มตอบผู้เป็นนอกก่อนออกไป
เว่ยหย่งฮวาเรียกแท็กซี่ไปส่งที่คอนโดแล้วจึงค่อยนำรถของตัวเองขับออกไป
ทั้งที่เป็นตอนกลางวันที่ไม่น่าจะมีอะไรบดบังทัศนวิสัยของคนขับได้มากเท่าตอนกลางคืน หรืออาจเป็นเพราะการอดหลับอดนอนเพื่อทำงานก็ไม่อาจรู้แน่ชัดในตอนนี้
แต่การที่รถบรรทุกจากเลนตรงข้ามพุ่งออกมาหลังสัญญาณไฟจราจรของฝั่งนั้นหมดลง เป็นอะไรที่เว่ยหย่งฮวาไม่ได้คาดคิดไว้
เธอไม่มีแม้เวลาจะกรีดร้องด้วยซ้ำ พาหนะหุ้มเหล็กถูกกระแทกจนตัวโครงสร้างยุบอย่างยับเยิน ทิวทัศน์เบื้องหน้าถูกย้อมไปด้วยเลือดของตัวเองที่ไหลลงมาจากศีรษะ ความเจ็บปวดเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่าในที่สุด
เรือนไม้แห่งหนึ่งเงียบสงัด แสงจากตะเกียงริบหรี่ลง ทุกคนล้วนมีสีหน้าโศกเศร้า ผู้เป็นพ่อแม่ยังไม่อยากเชื่อว่านี่จะเป็นความจริง สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเย็นเมื่อวานกระทันหันเกินกว่าจะตั้งตัวได้ทัน
เสียงร้องไห้ของผู้เป็นแม่กรีดหัวใจคนฟังแทนไปแล้วว่านางเจ็บปวดเพียงใด คุณหนูสามบุตรสาวแท้ๆ เพียงคนเดียวของเสนาบดีเว่ยพลัดตกน้ำจนเสียชีวิต
สร้างความตกตะลึงให้คนทั้งจวนก่อนจะกลายเป็นความเศร้าในเวลาต่อมา ใบหน้าของนางถูกผ้าสีขาวปักลายละเมียดละไมคลุมไว้
หนิงชิงชิงน้ำตานองหน้า ปาดแล้วปาดอีกก็ยังไหลอยู่ นางสะอึกสะอื้นแทบไม่เป็นอันทำงาน จัดดอกไม้ขาวประดับรอบโลงแต่ละครั้งมือก็สั่น แต่นางก็ไม่ยอมให้คนอื่นทำแทน
"คุณหนูเจ้าขา เป็นเพราะชิงชิงดูแลคุณหนูไม่ดีเอง ขอให้คุณหนูไปอยู่ที่ชอบๆ นะเจ้าคะ"
เสียงรบกวนที่ดังแว่วเข้าหูนางมาได้ระหนึ่งรบกวนการนอนเป็นอย่างมากจนอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา ทว่าตัวนางกลับไม่มีเรี่ยวแรงจะขยับเลย ถ้ารู้ว่าจะหมดแรงง่ายขนาดนี้ กินข้าวฝีมืออิงอิงก่อนออกมาก็คงดี
ผ้าคลุมหน้าสีขาวถูกลมหายใจเป่ารดจนกระพือขึ้นน้อยๆ คนกำลังเอ่ยลาส่งผู้ตายชะงักมือที่กำลังวางดอกไม้รอบโลงด้านใน
"คุณหนู…"
ความเศร้าแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดผวาในทันที น้ำตานางเหือดแห้ง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ตอนนี้หนิงชิงชิงตัวสั่นเทิ้มยิ่งกว่าเดิม เอ่ยเสียงวิงวอน
"คะ คุณหนู หากข้าเคยทำอะไรให้ไม่พอใจก็ให้อภัยกันเถอะนะเจ้าคะ อย่ามาหลอกมาหลอนเลย บ่าว…บ่าวไม่ตั้งใจเจ้าค่ะ"
แล้วผ้าคลุมหน้าก็ถูกมือเล็กๆ นั่นกระชากออกเพราะหายใจไม่ถนัด เป็นหนิงชิงชิงที่กรีดร้องลั่นจวน คนพึ่งยันตัวเองขึ้นจากโลงมีอันต้องวิงเวียนซ้ำ
เสียงกรี๊ดของสาวน้อยตรงหน้านี้เรียกคนอื่นมามุงเธอกันหมด เว่ยหย่งฮวาอดรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้
นี่มันเรื่องอะไรกัน
