ศพคืนชีพ 1
"ฮวาฮวา?"
"คะ?"
ทำไมคนพวกนี้รู้จักชื่อเล่นฉันล่ะ
"ฮวาฮวาฟื้นแล้วจริง ๆ ฮวาฮวา พวกเจ้ายืนนิ่งอยู่ทำไม ไปตามหมอมาเร็วสิ!" ชายผู้ดูอาวุโสที่สุดตะโกนเสียงดัง อารมณ์ดีใจตกใจปนกันมั่วไปหมด
สตรีวัยไล่เลี่ยกับเขาอีกคนเดินมาจับแขนนางก่อนจะไปจับที่อื่นเหมือนไม่แน่ใจว่านี่เป็นความจริงหรือไม่ ที่พื้นข้างประตูนั้นยังมีสาวน้อยอีกคนที่ใส่เสื้อผ้าสีสันจืดชืดร้องห่มร้องไห้ยกใหญ่
ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เว่ยหย่งฮวาถูกพาออกมาจากโลงโดยที่ยังไม่สามารถประติดประต่ออะไรได้ ทุกคนดูวุ่นวายและแตกตื่นกันมาก จากที่ฟังพวกเขาคุยกันเหมือนว่าเธอจะพลัดตกน้ำแล้วถูกกระแสน้ำพัดไป กระทั่งหญิงสาวผู้นี้เสียชีวิต
เว่ยหย่งฮวาสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแต่เธอมั่นใจได้อย่างหนึ่งว่าร่างที่เธอใช้อยู่ในปัจจุบันมีชื่อเหมือนกับตัวเธอเอง หลังจากนั่งมึนเบลออยู่ครู่ใหญ่คนที่น่าจะเป็นหมอก็มาตรวจอาการ
เพราะเธอไม่ใช่เจ้าของร่าง และไม่มีความทรงจำใดหลงเหลือให้ใช้อ้าง เว่ยหย่งฮวาหวั่นใจมากว่าเธอจะโดนไล่ออกไป อาการหวาดผวาของเธอแสดงออกมาผ่านทางร่างกาย
"คุณหนูเว่ยอย่าได้พะวงไป ข้าต้องการเพียงตรวจอาการเท่านั้น" หมอชราเอ่ยปลอบอย่างใจเย็น แต่ก็ไม่ช่วยให้เธอหายหวาดระแวง
นักแสดงสาวไม่แน่ใจว่าเธอจะสามารถกลับไปโลกเดิมได้ไหม สุดท้ายเธอแน่ใจว่าตัวเองตายไปแล้ว ร่างของเธอถูกอัดกระแทกอย่างแรง ต่อให้รอดไปเธอก็อาจจะพิการ เป็นภาระให้กับคนที่ยังอยู่อีก เช่นนั้นการไม่กลับไปหรือกลับไปไม่ได้เป็นการดีกว่า
ป้าไม่ได้สนใจเธอขนาดนั้นและไม่ได้มีความปรารถนาดีหรือรักเธอมากพอจะสละเวลามาดูแลเธอได้ นอกจากอิงอิงเธอก็คิดไม่ออกเลยว่าใครจะมาดูแลเธออีก หากเป็นเช่นนั้นไม่กลับไปเป็นภาระให้น้องสาวผู้นั้นคงจะดีกับเธอมากกว่า
แต่ว่าการอยู่ที่นี่นั้นจำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่น สถานะของเธอที่นี่ยิ่งกว่าตัวเปล่า หากพวกเขาจับได้ว่าเธอเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ ทั้งพ่อและแม่หนูจะรักและเป็นห่วงลูกสาวคนนี้มาก เหมือนเธอจะมีพี่น้องแต่พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ในเวลานี้
เช่นนั้นเว่ยหย่งฮวาก็ขอเสี่ยงดวง
"คะ คือข้า ข้าจำไม่ได้ พวกท่านเป็นใคร"
คำถามของนางทำให้ทั้งห้องเงียบลงสงัด ผู้เป็นพ่อถามท่านหมอเสียงวิตกกังวล
"ท่านหมอ อย่าบอกนะว่าลูกข้า…"
หมอชราถอนหายใจเฮือก "เกรงว่านางจะความจำเสื่อมนะท่านเสนาบดี"
"มีโอกาสจะกลับมาจำได้หรือไม่"
"เคยมีทั้งได้และไม่ได้เกิดขึ้นทั้ง สองกรณี พวกท่านก็ทำใจเผื่อเอาไว้หน่อย คนความจำเสื่อมยิ่งหวาดกลัวมากเพราะอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จักและคนที่ไม่รู้จัก แม้พวกท่านจะจำนางได้ รู้ว่านางเป็นใคร แต่นางไม่รู้อะไรเลยมีความหวาดกลัวและพะวงย่อมไม่แปลก"
"เข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านหมอมาก" ฮูหยินให้คนไปส่งเขาก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างบุตรสาว ซึ่งเธอก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่ายังระแวงอยู่
"เอาล่ะฮวาฮวา ถ้าจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรพวกเรายังเป็นบ้านของเจ้าเสมอ ยังเป็นครอบครัวของเจ้า เพราะงั้นทำใจให้สบายเถอะนะ"
ฮูหยินผู้มีสติกว่าสามีเอ่ยแนะนำคนใกล้ตัวของเธอให้ฟังทีละคนว่าใครเป็นใครบ้าง สาวน้อยที่ร้องห่มร้องไห้อยู่ข้างประตูตอนนั้นคือหนิงชิงชิง เป็นสาวรับใช้คนสนิทของร่างเดิม นางค่อยๆ คลานมาแนบใบหน้ากับขา ร้องไห้ไม่หยุดจนฮูหยินต้องปรามให้นางใจเย็นขึ้นหน่อย
"คนที่สมควรต้องปลอบตอนนี้คือคุณหนูของเจ้า ทำไมมาร้องไห้แข่งกับนางเสียได้เล่า"
"ขออภัยเจ้าค่ะฮูหยิน ข้าดีใจมากนี่เจ้าคะ คุณหมอฟื้นแล้วแบบนี้ เหมือนฝันไปเลยเจ้าค่ะ"
เว่ยหย่งฮวาพูดไม่ออก ถึงพูดออกก็บอกไม่ได้ เรื่องบางเรื่องให้เป็นความเข้าใจผิดตลอดไปอาจจะเป็นการดีกว่าให้รู้ความจริง แต่อีกใจก็นึกย้อนแย้งในตัวเองเธอโกหกเช่นนี้ดีแล้วหรือ ไม่สิต่อไปนี้ต้องเป็นนางแล้ว ตัวตนนี้นางขอรับไว้เองก็แล้วกัน
"ท่านแม่! ท่านพี่ฟื้นหรือ!?"
ประตูถูกผลักออกอย่างแรงโดยเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ดูจะอายุอ่อนกว่า เขาตะโกนโวยวายเข้ามา
"เพ่ย เจ้านี่ยังไงเสียงดังโวยวายเกินไปแล้ว พี่เจ้าพึ่งฟื้น ตอนนี้ความจำเสื่อมอีก อย่าทำให้นางกลัวสิ"
"ความจำเสื่อม ท่านพี่น่ะหรือ?" เว่ยอวี่หยุนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ท่าทีราวกับกระต่ายตื่นตูมก่อนหน้านี้กลายเป็นหงอยลง
