บทที่ 6
ความเด็ดเดี่ยวและผ่าเผยของนาง ทำเอาแม่นมจางรู้สึกแปลกใจมาก
คุณหนูคนนี้ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย
ตอนที่เพิ่งไปพบนางที่หุบเขานั้น อาจเป็นเพราะทำงานหนักและถูกทรมานมาหลายปี นางดูท่าทางเชื่องช้าอย่างมาก
ตอนนี้ดูท่าทางเหมือนยิ่งอยู่ยิ่งฉลาดเสียอย่างนั้นล่ะ?
แม่นมจางหัวเราะเหอะๆ “ในนี้อาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดก็ได้นะเจ้าคะ? ให้บ่าวไปสอบสวนทาสชั่วเหล่านั้นก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ!”
แม่นมจางกลับไปอีกครั้ง
เมื่อกลับมา เหล่าคนที่ถูกโบยแล้วถูกลงโทษอีกครั้งต่างก็รับสารภาพทั้งหมด
ที่แท้พวกเขาได้รับคำสั่งของผู้นำตระกูลจวนแม่ทัพจริงๆ ให้พวกเขามาวัดชิงซงเพื่อเชิญคุณหนูรองที่ยังไม่กลับไปสักทีกลับบ้านไปพบหน้าครอบครัวก่อน
เพียงแต่ว่า พวกเขาได้รับคำสั่งของคุณชายใหญ่อีกทีว่า คุณหนูรองทำให้ครอบครัวต้องรอถือเป็นความผิดของนาง ดังนั้นจึงจะสั่งสอนนางหน่อย และไม่จำเป็นต้องเชิญด้วยความเป็นมิตร แล้วมัดตัวกลับมาได้เลย
ดังนั้น พวกเขาถึงกล้ากระทำเช่นนี้
หลี่ชิงลั่วฟังคำพูดเหล่านี้อย่างน้อยใจและสับสน ต่อมาก็น้ำตาไหลลงมาทันที
“เป็นพี่ชายแท้ๆของข้าจริงหรือ เขาพูดเช่นนี้ออกมาจริงหรือ?”
ท่าทางของนางน้อยใจและสับสน แล้วยังยากที่จะยอมรับได้อีกด้วย
แม่นมจางเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารนางจับใจ
ในใจก็โกรธอย่างมาก คุณชายใหญ่ทำเกินไปแล้วจริงๆ! ช่างไม่เหมาะสมอะไรเยี่ยงนี้ ใต้หล้านี้มีพี่ชายที่ทำกับน้องสาวแท้ๆเช่นนี้ด้วยหรือ!?
และในตอนนี้เอง ทันใดนั้นด้านนอกก็มีเสียงดังขึ้น
แม่นมจางเรียกคนไปดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ข้ารับใช้ก็รีบเข้ามาตอบว่า “แม่นม ผู้สูงศักดิ์ที่อยู่หลังเขาชางซงมาบอกว่า พวกเราเสียงดังมากเกินไป ให้พวกเรารีบจัดการเรื่องนี้โดยเร็ว มิเช่นนั้นเขาจะไม่ปล่อยเราไปง่ายๆเจ้าค่ะ”
สีหน้าของข้ารับใช้มีความตกตะลึง หลี่ชิงลั่วที่อยู่ข้างๆก็รู้สึกสงสัย หลังเขาชางซง มีผู้สูงศักดิ์พักอยู่ด้วยหรือ?
ใครกันนะ?
ถึงทำให้คนของท่านย่าต้องเกรงกลัว!
หลี่ชิงลั่วมาวัดชิงซงหลายวันแล้ว แต่นางเชื่อฟังมากและไม่ได้เดินเล่นไปทั่ว
แต่ตอนนี้นางอยากรู้สถานการณ์หลังเขาชางซงนั้นมาก
แม่นมจางตบขา “ไอหยา หาเรื่องท่านผู้นี้ไม่ได้เชียว เจ้ารีบกลับไปตอบว่า พวกเราจะรีบจัดการให้เรียบร้อย จะไม่รบกวนความสงบและการบำเพ็ญเพียรของผู้สูงศักดิ์เด็ดขาด”
เมื่อข้ารับใช้รีบกลับไปตอบแล้ว แม่นมจางก็หันกลับมาพูดเสียงเบา แล้วกล่าวกับข้ารับใช้จวนแม่ทัพอย่างโมโหว่า “พวกเจ้าพล่ามไร้สาระอะไรกัน ใส่ร้ายป้ายสีผู้บริสุทธิ์! คุณชายใหญ่จะพูดและกระทำเช่นนี้ได้อย่างไร!? ในเมื่อวันนี้พวกเจ้าไม่มีป้ายจวนแม่ทัพ แล้วยังเข้ามาจับตัวคนมัดไว้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็คือโจร!”
“มานี่สิ จับตัวทาสชั่วเหล่านี้ไปส่งที่ศาล และไม่ต้องรอแล้ว ตอนนี้รีบส่งไปทันที!”
“เจ้าค่ะ?!”
เหล่าข้ารับใช้เข้าไปจับตัวเหล่าคนที่ร้องขอชีวิต แล้วปิดปากไว้และรีบนำตัวออกไปทันที
ภายในเรือนกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
หลี่ชิงลั่วยังคงถามแม่นมจางด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “แม่นม พวกเขาอาจจะปลอมตัวเป็นคนของจวนแม่ทัพก็ไม่แน่นะ?”
แม่นมจางตบไหล่ของหลี่ชิงลั่วเบาๆอย่างสงสาร “คุณหนู ในใจของท่านรู้ว่าถ้าพวกเขาใช่ล่ะ? คุณชายใหญ่ขัดใจท่านก่อน วันนี้ท่านเลือกที่จะแจ้งความ ก็ถือว่าขัดใจเขาเช่นกัน ท่านกลัวหรือไม่?”
ขัดใจเขาหลี่เค่อชวนหรือ?
หลี่ชิงลั่วแสยะยิ้มเย็นชาในใจ
ชาติก่อนนางยังไม่ได้ขัดใจอะไรเขาเลย เขาก็รังเกียจตนเองอย่างมาก แล้วยังคิดหาทางทรมานน้องสาวแท้ๆอย่างนางอีก
ภายนอกหลี่ชิงลั่วก็ฝืนยิ้มแล้วส่ายหน้า “กลัวหรือ? ข้าโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอก”
แม่นมจางยิ้ม “ใครบอกว่าคุณหนูโดดเดี่ยวกัน? ไปกันเถอะ ฮูหยินเฒ่าอยากพบท่านเจ้าค่ะ”
หลี่ชิงลั่วเงนหน้าขึ้นแล้วสีหน้ามีความตกตะลึง
“ท่านย่า ยอมพบข้าจริงๆแล้วหรือ?”
แม่นมจางยิ้มแล้วพยักหน้า “หรือว่าบ่าวจะหลอกท่านได้หรือ? คุณหนูเชิญตามมากับบ่าวได้เลยเจ้าค่ะ”
หลี่ชิงลั่วรีบแต่งตัวและจัดแจงหน้าผม
เนื้อผ้าของเสื้อผ้านางไม่ค่อยดีมาก แต่ก็ถือว่าสะอาดอยู่
บนหัวก็ไม่มีปิ่นปักผมเครื่องประดับใดๆ นางเพียงแค่ถักเปียผมและสภาพเส้นผมก็ไม่ถือว่าดีมากนัก
ผิวสีข้าวสาลีและดูหยาบแห้งมาก
นางเผชิญกับลม แสงแดด และการทำงานหนักมาหลายปี ถึงแม้นางจะดูแข็งแรงแต่ก็ไม่ได้เป็นคุณหนูที่งดงามมากนัก แต่ดวงตานั้นเป็นประกายและดูมีชีวิตชีวาผิดปกติ
หากจะบอกว่านางเป็นคุณหนูที่หยาบที่สุดในจวนแม่ทัพก็คงไม่มีใครเชื่อ
คุณหนูที่แท้จริงของจวนแม่ทัพหรือ?
ฮูหยินเฒ่าเผยมองดูคุณหนูที่คุกเข่าอยู่บนพื้นแล้วส่ายหน้าถอนหายใจเบาๆ
แม่นมจางเห็นแล้วก็รีบโบกมือและสั่งให้อิงเอ๋อร์พวกเขาถอยออกไป
ภายในห้องไม่มีผู้คนอยู่ด้วยแล้ว ฮูหยินเฒ่าเผยก็ถึงถามหลี่ชิงลั่วว่า “ว่ามาเถอะ เหตุใดเจ้าถึงต้องการพบข้าด้วย?”
หลี่ชิงลั่วมองดูฮูหยินเฒ่าเผย นางก็รู้สึกตะลึงในใจเหมือนกัน
นางไม่คิดเลยว่า ท่านย่าจะอ่อนวัยขนาดนี้?
แตกต่างกับภาพที่นางคิดเอาไว้มากจริงๆ!
ถึงแม้ท่านย่าจะอายุห้าสิบกว่าแล้ว แต่ตีนกาบนใบหน้าของนางมีน้อยจนแทบนับนิ้วได้ เส้นผมก็ขาวแค่ไม่กกี่เส้น และถึงแม้จะอายุมากแล้วก็มองไม่ออก เมื่อก่อนนางจะต้องเป็นวีรสตรีที่สง่าผ่าเผยมากอย่างแน่นอน!
ใบหน้ายังคงสง่าไม่เปลี่ยนและท่าทางนั้นดูมีราศีมาก!
ท่านย่าเป็นเช่นนี้เองหรือ
ทำเอาหลี่ชิงลั่วรู้สึกรักและนับถือท่านย่าในแบบที่แตกต่างออกไป
เมื่อก่อนนางก็คงเป็นแม่ทัพหญิงที่โด่งดังแห่งราชวงศ์ต้าเหลียงสินะ?
น่าเสียดายจริงๆที่แต่งเข้าตระกูลหลี่
“เจ้ามองข้าทำไมกัน?”
ฮูหยินเฒ่าเผยไม่ได้ยินคำตอบของหลี่ชิงลั่ว และเห็นว่าสายตาของนางกำลังมองมาที่ตนเอง ถึงแม้จะไม่มีความคิดร้าย แต่ก็ทำให้ฮูหยินเฒ่าเผยรู้สึกอึดอัด
นางจับใบหน้าของตนเองและเดาว่าตนเองนั้นแก่เกินไปหรือเปล่า?
แต่กลับได้ยินหลี่ชิงลั่วกล่าวว่า “ท่านย่ามีสง่าราศีนัก หลานรู้สึกชื่นชมก็ถึงได้เผลอมองเพลินไปหน่อย ได้โปรดท่านย่าอย่ากล่าวโทษเลย”
ฮูหยินเฒ่าเผยได้ยินแล้วก็อึ้ง ต่อมาก็หัวเราะ ‘ฮ่าๆๆ’ เสียงดังขึ้นมา
“เจ้า ชื่นชมข้าหรือ? ฮ่าๆๆๆๆ! ฮ่าๆๆๆ”
ฮูหยินเฒ่าเผยหัวเราะแล้วก็รู้สึกปวดใจ
เวรกรรมของนางกับลูกชาย รุ่นหลานมีความผิดอะไรล่ะ?
ดังนั้น ตอนที่หลี่เค่อชวนกับหลี่ชิงจูยังเล็กก็ถูกหลี่เฉาจิ้งสองสามีภรรยาพาขึ้นเขามาแล้วบอกว่ามาเคารพท่านย่า ถึงแม้ฮูหยินเฒ่าเผยไม่ได้เจอลูกชายกับลูกสะใภ้ แต่กลับได้พบกับหลี่เค่อชวนสองพี่น้อง
หลี่เค่อชวนค่อนข้างสุภาพและมีมารยาท แต่หลี่ชิงจูกลับไม่ค่อยชอบฮูหยินเฒ่าเผยมากนัก
นางยังอายุน้อย เมื่อเข้ามาในห้องโถง นางก็มองและสังเกตไปทั่ว เจอผู้ใหญ่แล้วก็ไม่ยืนนิ่งและบิดตัวไปมา
สายตาเต็มไปด้วยแผนชั่วและยังมีความดัดจริตอีกด้วย
ต่อหน้านางก็เสแสร้งเหมือนเป็นกระต่ายน้อยอ่อนแอต่อหน้าหลี่เค่อชวน แต่เมื่อข้ารับใช้กลับมาบอกว่า นางออกไปก็เตะแมวที่ตนเองเลี้ยงไว้หลายครั้ง
เหอะ ช่างเป็นดอกไม้อ่อนแอเสียจริงนะ
เหมือนกับการกระทำของเติ้งซื่อไม่มีผิด
และผู้ชายตระกูลหลี่ก็ชอบแบบนี้ด้วยสิ
ดังนั้น ต่อมาฮูหยินเฒ่าเผยก็ไม่ได้พบหลี่ชิงจูอีกเลย
ตนเองไม่พบหลี่ชิงจู หลี่เค่อชวนก็ไม่ค่อยอยากมาแล้วเช่นกัน
เขาเพียงแค่รับมือและหมดความอดทนกับตนเอง แล้วยังรู้สึกไม่พอใจที่ท่านย่าอย่างตนเองไม่ยอมพบน้องสาวของเขา
การกระทำที่ฝืนใจเช่นนี้ เผยซื่อจะมองไม่ออกได้อย่างไร?
ไม่อยากมา เช่นนั้นต่อไปก็ไม่ต้องมาอีกเลย!
คิดว่านางเผยซิ่วเจินให้ความสำคัญหรืออย่างไร?
ไสหัวออกไปให้หมด!
เป็นไปตามที่คาดไว้ ดอกไม้ขาวนั่นไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลหลี่จริงๆด้วย
ไม่แปลกใจที่ตอนนั้นตนเองจะไม่ชอบใจเมื่อเห็นนางครั้งแรก
แต่ยัยหนูคนนี้ ถึงแม้จะถูกคนชั่วทรมานจนหมดสภาพ แต่ภายในก็มีความแตกต่างกันออกไป
นางสามารถอดทนได้หลายวันขนาดนี้ ความจริงจังที่จะได้พบกับตนเองจริงๆ
เมื่อเผชิญหน้ากับทาสชั่วในจวนแม่ทัพก็ไม่ตื่นตูมเลย แล้วยังกล้าที่จะแจ้งความอีกด้วย เหมือนต้องการต่อสู้กับพี่ชายตนเองอย่างขาดใจ
เหอะ ไม่ว่านางจะโง่จริง หรือมีแผนการในใจแล้ว ก็ทำให้ฮูหยินเฒ่าเผยรู้สึกสนใจมาก
หลี่ชิงลั่วจะรู้ได้อย่างไรว่าฮูหยินเฒ่าเผยคิดอะไรอยู่?
ในขณะนี้ นางรู้สึกเพียงว่าดวงตาอันแหลมคมดุจนกอินทรีจ้องมองมาที่นาง และความคิดทั้งหมดของนางก็ถูกเปิดเผย
ดังนั้น ในตอนที่ฮูหยินเฒ่าเผยถามนางว่าคิดอย่างไร นางก็เลยตอบไปตามความจริง “หลานอยากขอให้ท่านย่าลงจากเขาไปพร้อมกับหลาน กลับเมืองจินหลิงและกลับจวนแม่ทัพเจ้าค่ะ!”
