บทที่ 10
หลี่ชิงลั่วพยักหน้าอย่างหนัก “เจ้าค่ะ ท่านย่า ลั่วเอ๋อร์จะจำไว้เจ้าค่ะ”
หลี่ชิงลั่วก็ไม่เคยคิดที่จะพึ่งท่านย่าทั้งหมด นางรู้ว่าคนที่พึ่งพาได้มีเพียงตนเองเท่านั้น
ฮูหยินเฒ่าเผยถามนางว่า “เจ้าไม่ถามเลยหรือว่าย่าจะให้เจ้าทำอะไร เจ้าก็ตกลงแล้ว? ถ้าสิ่งที่ย่าให้เจ้าทำ เป็นเรื่องที่เจ้าไม่อยากและลำบากใจมากเลยล่ะ?”
หลี่ชิงลั่ว “ท่านย่าช่วยลั่วเอ๋อร์ไว้ครั้งใหญ่ ลั่วเอ๋อร์ติดค้างท่านย่า ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ลั่วเอ๋อร์ก็จะลุยน้ำลุยไฟ ถึงแม้จะต้องฆ่าคนหรือวางเพลิง ลั่วเอ๋อร์ก็จะทำทุกอย่างเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเฒ่าเผยรู้สึกซาบซึ้งใจมาก
แต่ต่อมาก็ด่านางว่า “ถุยๆๆ! ข้าจะฆ่าคนวางเพลิงทำไมกัน? ข้าเป็นคนแบบนั้นหรือ?”
แม่นมจางที่อยู่ข้างๆพวกนางก็อดไม่ได้หัวเราะออกมา
นางไม่เคยเห็นฮูหยินเฒ่าที่ตื่นเต้นเหมือนวันนี้มานานแล้ว และท่าทางที่มีชีวิตชีวาด้วย
“แต่เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลัง เจ้าไปเตรียมตัวเสียเถิด พรุ่งนี้เราจะลงจากภูเขากัน”
วันที่สอง
ถึงแม้เหล่านักพรตบนเขาจะไม่อยากให้ฮูหยินเฒ่าเผยและหลี่ชิงลั่วกลับไป อันมนุษย์มีสุขทุกข์มีพบพราก ดังจันทร์จากกลมเด่นกลับดับแสงไข
มีพบย่อมมีจากลา นี่คือสัจธรรมของมนุษย์
และฮูหยินเฒ่าเผยก็ไม่เคยเป็นสมาชิกในวัดชิงซงด้วย
ก่อนจากไป ฮูหยินเฒ่าเผยก็ให้แม่นมจางมอบเงินให้ชิงหยางจื่ออีกหนึ่งร้อยตำลึง
ชิงหยางจื่อน้ำตาคลอเบ้า ไม่อยากให้เทพแห่งโชคลาภอย่างฮูหยินเฒ่าเผยกลับไป เขาโบกมือเล็กแล้วกล่าวว่า “โยม ต้องกลับมานะ”
หลี่ชิงลั่วหันกลับไปมองแล้วหันกลับมาถามแม่นมจางว่า “เขาก็คือชิงหยางจื่อหรือ? ทำไมถึงยังหนุ่มขนาดนี้ล่ะ?”
ดูท่าทางก็อายุแค่ยี่สิบกว่า แล้วยังสวมชุดคลุมนักพรต ท่าทางสง่างามและสูงส่งราวกับเซียนกลับดูมีความหล่อเหลาเล็กน้อย
แม่นมจาง “เขาน่ะไม่ใช่ท่านนักพรตที่น่าเชื่อถือมากนัก”
เพิ่งพูดจบ ตรงทางแยกก็พบกับคนกลุ่มหนึ่ง
หลี่ชิงลั่วขึ้นรถม้านั่งกับฮูหยินเฒ่าเผย ก็ได้ยินแม่นมจางเข้ามากล่าวว่า “ฮูหยินเฒ่า ผู้สูงศักดิ์ที่พักอยู่หลังเขาชางซงเจ้าค่ะ ผู้สูงศักดิ์บอกว่าเมื่อวานได้รับของขอโทษที่พวกเราส่งให้แล้ว ถามฮูหยินเฒ่าว่าถ้าไม่ถือสา สามารถกลับเองพร้อมกับพวกเราและปกป้องพวกเราระหว่างทางได้!”
หลี่ชิงลั่วก้มหน้าลง
เมื่อวานหลี่เค่อชวนมาโวยวายในวัด คงรบกวนความสงบของผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นอีกแล้วสินะ
แม้แต่ท่านย่ายังต้องเกรงใจคนผู้นี้ ดังนั้นจึงให้แม่นมจางนำภาพวาดชิ้นเอกของตู้โหยวไปส่งเพื่อเป็นการขอโทษ
เมื่อวานหลี่ชิงลั่วออกมาก็พบกับแม่นมจาง นางถึงได้รู้เรื่องนี้
ได้ยินว่าอีกฝ่ายก็รับไว้โดยไม่ปฏิเสธใดๆ วันนี้ดูท่าแล้ว เขาพึงพอใจกับของขอโทษนั้นมาก
หลี่ชิงลั่วไม่เคยเรียนหนังสือ และไม่รู้ว่าตู้โหยวคือใคร แต่เกรงว่าจะเป็นของที่มีค่า มิเช่นนั้นเกรงว่าเรื่องนี้จะไม่จบลงง่ายๆ
ฮูหยินเฒ่าเผยรีบตอบว่า “เจ้ากลับไปตอบว่า เช่นนั้นก็ต้องรบกวนผู้สูงศักดิ์ด้วย”
ฮูหยินเฒ่าเผยก็ไม่ได้เกรงใจ รถม้าสองขบวนเดินทางพร้อมกัน
หลี่ชิงลั่วไม่ได้ถามเรื่องเกี่ยวกับผู้สูงศักดิ์ท่านนั้น ทำให้ฮูหยินเฒ่าเผยรู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง
นางตบมือของหลี่ชิงลั่วเบาๆ ทันใดนั้นก็ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ถ้าเจ้าไม่ถูกคนชั่วสลับตัว เติบโตจากในเมืองจินหลิงแล้วล่ะก็ เจ้าจะต้องเป็นคุณหนูที่โดดเด่นมากอย่างแน่นอน”
หลี่ชิงลั่วมองดูฮูหยินเฒ่าเผยและรู้สึกหวั่นไหวในใจมาก
ไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกเสียดายที่ถูกสลับตัวตน
ท่านย่า เกรงว่านางจะรู้สึกสงสารหลานสาวคนนี้จากใจจริงสินะ?
“ท่านย่า บางทีทั้งหมดนี้อาจเป็นโชคชะตาของหลานเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเฒ่าเผย “นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลและข้ออ้างที่พ่อแม่โง่เขลาของเจ้าจะปล่อยครอบครัวหลิวนั่นไป! เหลวไหลเสียจริง กล้ากระทำเรื่องที่สลับตัวคุณหนูเช่นนี้ นังคนชั่วนั่นและครอบครัวของนางสมควรถูกลงโทษถึงตาย พวกเขากลับไม่ถือสาและปล่อยเรื่องนี้ไปเพื่อเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้านั่น โง่ทั้งครอบครัวจริงๆ!”
หลี่ชิงลั่ว : ....
ท่านย่าด่าคนขึ้นมาช่างได้สาแก่ใจเสียจริง
หลี่ชิงลั่วแอบจำไว้และเรียนรู้ในหัวใจ
แต่ว่า วันนี้ได้เข้าเมืองเสียทีนะ
แต่ไม่รู้ว่าชาติก่อน แผนการที่เผาตัวตายของหลี่ชิงจูจะยังแสดงอยู่หรือไม่?
วันนั้นตนเองไม่ได้กลับจวนทันที จะต้องทำลายแผนการของหลี่ชิงจูอย่างแน่นอน
แต่ว่าการเผาตัวตายของนางจะทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนทำให้ทุกคนในตระกูลหลี่ก็ยังไม่รู้ความจริง เกรงว่าจะเป็นแผนการที่รอบคอบมาก และจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
เหอะ
ถ้านางไม่เผาตัวตายแกล้งตายอีก หลี่ชิงลั่วคงไม่รู้ว่าจะเล่นละครนี้ต่อไปอย่างไร
นางต้องตายเท่านั้น
ตายแล้วก็จะทำให้เจ้าไม่กล้ามีชีวิตกลับมาอีกต่อไป!
สายตาของนางประกายไปด้วยความดุร้าย ฮูหยินเฒ่าเผยเห็นโดยบังเอิญ นางกำลังสงสัยอยู่นั้น ทันใดนั้นรถม้าก็สะเทือนจนย่ากับหลานสองคนล้มไปกอดด้วยกัน
หลี่ชิงลั่วรีบประคองฮูหยินเฒ่าเผยแล้วถามอย่างเป็นห่วงว่า “ท่านย่า ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
แม่นมจางรีบตะโกนจากข้างนอก “ฮูหยินเฒ่าระวังด้วยเจ้าค่ะ มีโจร!”
โจรหรือ?
หลี่ชิงลั่วสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แล้วปกป้องฮูหยินเฒ่าเผยไว้ด้านหลัง
“ทะ ท่านย่า พวกเราจะต้องไม่เป็นไรเจ้าค่ะ!”
ถึงแม้ผู้สูงศักดิ์มีคนไม่กี่คน แต่แม่นมพวกเขาเหมือนจะพอมีทักษะอยู่บ้าง
แต่ว่า ทุกคนล้วนแต่เป็นคนแก่และสตรี ถ้าจำนวนของโจรมีมากกว่าจะต้องต่อกรได้ยากแน่นอน
เมื่อนึกได้เช่นนี้ หลี่ชิงลั่วก็กลัวขึ้นมา แต่ก็ยังคงปกป้องฮูหยินเฒ่าเผยไว้ข้างหลังอยู่ดี
แม้แต่นางก็ยังลืมไปแล้วว่า ฮูหยินเฒ่าเผยคือแม่ทัพหญิงที่ดุเดือดในสมรภูมิรบในตอนนั้น
ด้านนอกต่อสู้กันอยู่สักพัก จากนั้นเสียงก็เงียบลง
ฮูหยินเฒ่าเผยตบไหล่ของหลี่ชิงลั่วเบาๆ “เด็กดี เจ้าลงไปดูกับย่าหน่อยสิ”
ถึงแม้มือของหลี่ชิงลั่วจะสั่นเทา แต่ก็ยังกัดฟันประคองฮูหยินเฒ่าเผยแล้วลงจากรถม้าอย่างระมัดระวัง
นอกรถม้าเต็มไปด้วยศพ มีโจรสิบกว่าคนเลยหรือ!
แต่ว่า ตอนนี้นอกจากมีหนึ่งคนที่ถูกกระชากคอเสื้อซักไซ้อยู่ คนที่เหลือก็ตายกันหมดแล้ว
แต่ในพริบตา โจรที่เหลืออยู่นั้นก็ถูกตัดหัวทันที
ผู้ที่ฆ่าคนนั้นล้วนแต่เป็นคนของผู้สูงศักดิ์ อาวุธของแม่นมจางพวกนางไม่เปื้อนเลือดเลยด้วยซ้ำ
หลี่ชิงลั่วเบือนหน้าหนีไม่อยากดูอีก
แต่ในตอนที่เบือนหน้าหนี ทันใดนั้นก็พบกับดวงตาที่เย็นยะเยือกคู่หนึ่ง
ดวงตานั้นคล้ายกับงูพิษ
มืดมนและดำคลับ ประกายไปด้วยแสงแห่งความเยือกเย็น ซ่อนความเย็นชาและแรงพิฆาตไว้ในเบื้องลึก
หลี่ชิงลั่วอดไม่ได้รู้สึกขนหัวลุกซู่ไปทั้งตัว
“บังอาจ! ริอ่านกำเริบใบหน้าของอ๋องซู่ ข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมาซะ!”
องครักษ์คนหนึ่งตะคอก จากนั้นยกมือขึ้นเตรียมจะควักตาและพุ่งมาหาหลี่ชิงลั่ว
“ท่านย่า!”
