บทที่ 9
หลี่เค่อชวนโบกมือแล้วตะโกนอย่างเข้มงวด
ข้ารับใช้ข้างหลังต่างก็ตัวใหญ่ ร่างกำยำจนน่ากลัว พวกเขาถือเชือกแล้วเดินมาตรงหน้าหลี่ชิงลั่ว
ชุ่ยเอ๋อร์ตกใจอย่างมาก
หลี่ชิงลั่วจับมือชุ่ยเอ๋อร์แล้วรีบถอยไปข้างหลัง “คุณชายใหญ่ ท่านย่ายังอยู่ในวัดชิงซง ข้าขอเตือนท่านว่า ทางที่ดีอย่าทำเช่นนี้อีกจะดีกว่า!”
หลี่เค่อชวนสีหน้าไร้อารมณ์และมองหลี่ชิงลั่วจากด้านบนราวกับกำลังมองมดต่ำต้อย “ท่านย่าหรือ? ท่านย่าไม่สนใจเรื่องในบ้านตั้งนานแล้ว”
“ข้าได้ยินเรื่องในวันนั้นแล้ว เจ้าหลอกล่อแม่นมที่รับใช้ท่านย่า ให้นางออกหน้าแทนเจ้า วันนี้ข้ามาเอง ท่านย่าจะถูกเจ้าหลอกอีกได้อย่างไร?”
มองดูข้ารับใช้ที่ขยับเข้ามาเรื่อยๆ และยังเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย หลี่ชิงลั่วนึกถึงชาติก่อน ตนเองก็เคยถูกคนเหล่านี้จับมัดครั้งแล้วครั้งเล่า ทะเลสาบที่หนาวเหน็บ ห้องเก็บฟืนที่อับชื้น และไม้ที่ทำให้นางตัวสั่นและเจ็บระบมไปทั้งตัว
และสุดท้ายนางก็ตายอยู่ท่ามกลางหิมะอย่างสิ้นหวัง และพวกเขาก็มัดตัวนางไว้แล้วโยนนางเข้าไปในห้องไม้โทรมๆ
ถึงแม้หัวใจจะเต้นรัวและแรง หลี่ชิงลั่วกลับกำหมัดไว้แน่น และไม่ได้ถอยหลังอีกต่อไป
นางจ้องมองใบหน้าเหล่านี้ด้วยความเกลียดชัง ความเกลียดชังในดวงตาของนางเปรียบเสมือนคลื่นขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้คนเหล่านี้ตกตะลึงไปชั่วขณะ
แต่ทว่าตอนนี้เอง เหล่านักพรตที่นำขบวนโดยหลิงเฟิงจื่อก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง แล้วปกป้องหลี่ชิงลั่วไว้ข้างหลังไว้ได้ทันเวลาพอดี
“โยม วัดชิงซงของเราไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะมาก่อเรื่องได้นะ”
หลี่เค่อชวนก็ไม่เกรงใจ “ไสหัวออกไปซะ! นี่คือเรื่องในครอบครัวของตระกูลหลี่ข้า! พวกเจ้าวัดชิงซงบังอาจนัก ริอ่านปกป้องนางอย่างนั้นหรือ?”
นางหลิวเฉาเอ๋อร์ก็แค่ต้นหญ้าต้นหนึ่ง มีอะไรดีกัน?
นางทั้งหยาบคายและอัปลักษณ์เช่นนี้ หากบอกออกไปว่าเป็นสายเลือดของตระกูลหลี่ หลี่เค่อชวนคงรู้สึกอับอายอย่างมาก
นักพรตที่ไม่เคยยุ่งเรื่องคนอื่นกลับปกป้องนางอย่างนั้นหรือ?
นางใช้วิธีการใดกัน?
หลิงเฟิงจื่อกลับกล่าวว่า “ในเมื่อโยมหญิงท่านนี้พักอยู่ในวัดชิงซงของเรา เช่นนั้นก็ต้องได้รับการปกป้องจากพวกเราเช่นกัน ได้โปรดแม่ทัพน้อยหลี่อย่าทำให้เรื่องนี้ยุ่งยากลำบากใจเลย ถ้าท่านยังคงก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้อีก รบกวนถึงผู้สูงศักดิ์เข้า อย่าหาว่าพวกเราไม่ได้เตือนท่านล่ะ”
คำเตือนของหลิงเฟิงจื่อ หลี่เค่อชวนจะฟังเข้าหูได้อย่างไร?
เขาหยิ่งผยองและคิดว่าตนเองนั้นดีเลิศอยู่แล้ว
ตอนนี้ก็นำคนมาถึงยี่สิบกว่าคน โบกมือแล้วจะทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงตะคอกดังมาจากนอกลาน “หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ผู้คนแยกตัวออก คนที่พูดนั้นคือฮูหยินเฒ่าเผยที่ไม่ออกมาเจอใครง่ายๆ เหล่าข้ารับใช้ติดตามมาด้วยแล้วเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า
หลี่ชิงลั่วยังเห็นอีกว่า แม่นมจางถือมีดไว้ในมือด้วย!
แม่นม ข้ารับใช้และสาวรับใช้ที่เหลือต่างก็ถืออาวุธไว้ในมือทั้งหมด
หลี่ชิงลั่วคาดเดาในใจว่า นอกเรือนไม้ไผ่ของท่านย่าแทบจะไม่เคยเห็นองครักษ์ชายหรือข้ารับใช้ชายมาก่อน หรือว่าความปลอดภัยตลอดหลายปีมานี้ของท่านย่า ล้วนแต่เป็นสตรีอย่างพวกนางปกป้องอยู่หรือ?
เหล่าแม่นมเมื่อก่อนก็ติดตามท่านย่าอยู่แล้ว หรือว่าเมื่อก่อนยังเคยเป็นทหารหญิงที่เคยไปสนามรบมาก่อน?
หลี่ชิงลั่วคาดเดาในใจและตื่นเต้นขึ้นมา จิตใจที่นับถือชื่นชมท่านย่าอยู่แล้วก็ทวีพูลเพิ่มมากขึ้น
ฮูหยินเฒ่าเผยมองหลี่ชิงลั่วก่อน และหลังจากที่สังเกตเห็นสายตาที่ตื่นเต้นชื่นชมโดยไม่ปกปิดของนางเลย ใบหน้าของนางก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
ยัยหนูคนนี้ชื่นชมตนเองถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
ฮูหยินเฒ่าเผยอดไม่ได้ยื่นมือหาหลี่ชิงลั่ว “เจ้ามานี่”
หลี่ชิงลั่วไม่เกรงกลัวใดๆอีก นางเดินไปหาฮูหยินเฒ่าเผยทันที “ท่านย่า”
นางเชื่อฟังและอ่อนโยนอย่างกับแมวน้อยตัวหนึ่ง ไม่มีท่าทีที่เผยกรงเล็บเหมือนเมื่อครู่อีก
สีหน้าของหลี่เค่อชวนเปลี่ยนไป เขารีบลงมาจากหลังม้าทันที
“หลานขอคารวะท่านย่าขอรับ ท่านย่าสบายดีหรือไม่ขอรับ!”
ฮูหยินเฒ่าเผยหึในลำคออย่างแรง “หุบปาก! ท่านย่าหรือ? ข้าจะกล้าเป็นย่าของเจ้าได้อย่างไรกัน!?”
“หลี่เค่อชวน เจ้านี่มันน่าเกรงขามเสียจริงนะ! ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปี เจ้าเป็นแม่ทัพน้อยแต่ข้ากลับไม่เคยได้ยินผลงานการทหารของเจ้าบ้างเลย แต่วันนี้เจ้ากลับบังคับขู่เข็ญกับน้องสาวที่หายสาบสูญไปนาน ช่างเปิดหูเปิดตาเสียจริง!”
แม่นมจางและคนอื่นๆก็ยกเก้าอี้ในห้องออกมา
ฮูหยินเฒ่าเผยก็นั่งลงบนเก้าอี้นั้น
สายตาที่เข้มงวดและรังสีที่แผ่ซ่านออกมานั้นไม่น้อยไปกว่าตอนนั้นเลย นางยังคงมีความน่าเกรงขามที่ข่มขู่ทุกคนในที่นี้ได้
ข้ารับใช้ตระกูลหลี่ต่างก็ถอยลงไปกันหมด ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดังด้วยซ้ำ
สีหน้าของหลี่เค่อชวนแย่มาก เขารีบก้มหน้าลง “หลานมิบังอาจขอรับ หลานไม่ได้ไปทำความเคารพท่านย่าก่อน เพราะไม่อยากรบกวนท่านย่า แต่ไม่คิดว่าจะรบกวนท่านย่าจนได้”
“ท่านย่า ครั้งนี้ที่หลานมาก็เพื่อจะนำตัวหลิวเฉาเอ๋อร์กลับบ้าน เพื่อที่นางจะได้ไม่รบกวนความสงบของท่านย่าขอรับ”
ฮูหยินเฒ่าเผยตัดจบข้อแก้ต่างของหลี่เค่อชวน “หลิวเฉาเอ๋อร์อะไรกัน!? นางมีสกุลหลี่ และถูกตระกูลหลิวนั่นลักพาตัวไป! เจ้าจำชื่อนี้ได้ดีเชียวนะ ไม่รู้สึกอับอายบ้างเลยหรืออย่างไร?”
“ตั้งแต่นี้ต่อไป นางชื่อว่าหลี่ชิงลั่ว! ลั่วเอ๋อร์ จำเอาไว้หรือยัง? นี่คือนามสกุลที่แท้จริงของเจ้า!”
หลี่ชิงลั่วย่อตัวเคารพช้าๆ “เจ้าค่ะ ท่านย่า ลั่วเอ๋อร์จำไว้แล้วเจ้าค่ะ”
หลี่ชิงลั่วก้มหน้าลงและน้ำตาคลอเบ้า
ที่แท้ท่านย่าเป็นคนตั้งชื่อให้นางนี่เอง
ชาติที่แล้วนางปรารถนาที่จะได้รับความรักจากครอบครัวที่ไม่สมควรจะได้รับครอบงำปิดตาไว้ และไม่เคยแม้แต่จะคิดมาเยี่ยมท่านย่าที่ไม่เคยพบเจอเลย
ตอนนี้นางรู้สึกผิดในใจอย่างมาก
ฮูหยินเฒ่าเผยตบมือของหลี่ชิงลั่วเบาๆ “ลั่วเอ๋อร์ไม่ได้รบกวนข้าเลย แต่เจ้าน่ะสิ วันนี้ก็เหมือนกับพ่อแม่ที่ไร้จิตสำนึกของเจ้า ไม่เอาข้าไว้ในสายตาแล้วหรืออย่างไร”
“ตระกูลหลี่สั่งสอนลูกหลานได้ดีจริงๆเลยนะ!”
คำพูดนี้ทำเอาหลี่เค่อชวนสีหน้าถอดสีทันที
เขารีบคุกเข่าแล้วขออภัยฮูหยินเฒ่าเผย “ท่านย่าขออภัยด้วย เป็นความผิดของหลานเอง หลานไม่ได้คิดรอบคอบกว่านี้ขอรับ”
“ห้าปีก่อนหลานมาเยี่ยมท่านย่า ท่านย่าก็ไม่ให้หลานเข้าพบ หลานคิดว่าท่านย่าไม่อยากเจอหลานแล้วเสียอีก มิเช่นนั้นวันนี้หลานคงไม่กล้ากระทำเช่นนี้หรอกขอรับ”
ฮูหยินเฒ่าเผยไม่อยากฟังคำแก้ต่างของเขา แล้วยกมือขึ้นตัดจบเขา “พอได้แล้วล่ะ! พาสุนัขเหล่านี้ของเจ้ากลับไปเสีย รีบไสหัวออกไปไกลๆเลย! ไม่เช่นนั้น เจ้าได้เจอดีแน่”
หลี่เค่อชวนเงยหน้าขึ้นมองหลี่ชิงลั่วอย่างไม่พอใจ “แต่หลานมารับนางกลับบ้านตามคำสั่งนะขอรับ ถ้านางไม่อยากกลับไป พวกเราก็ไม่ยอมรับนางก็ได้ แต่ตอนนี้นางยื้อไว้เช่นนี้”
ฮูหยินเฒ่าเผยโกรธจนขว้างแก้วน้ำชาที่อยู่ข้างๆอย่างแรง
น้ำชาทำให้ชุดคลุมยาวของหลี่เค่อชวนเปียกและสภาพดูไม่ได้เลย
“นางก็แค่มาทำความเคารพข้าและอยากอยู่กับข้านานๆ นี่เรียกว่าไม่อยากกลับไปอย่างนั้นหรือ!?”
“ตอนนี้พวกเจ้านับวันยิ่งไม่เอาข้าไว้ในสายตาแล้วนะ จำเอาไว้นะว่า ข้ายังไม่ตาย!”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ากับลั่วเอ๋อร์ก็จะลงเขาและเข้าเมืองไปพร้อมกัน พวกเจ้าสบายใจได้หรือยัง?”
หลี่เค่อชวนเงยหน้ามองฮูหยินเฒ่าเผยอย่างตกตะลึง
“ทะ ท่านย่า ท่านย่าจะลงภูเขาหรือขอรับ?”
ฮูหยินเฒ่าเผยพิงไปข้างหลังแล้วแสยะยิ้ม “ใช่ ข้าคือคนในตระกูลหลี่ ยังไม่เคยบวชเลย แล้วจะกลับบ้านไม่ได้หรือ?”
แม่นมจาง “พรุ่งนี้ ฮูหยินเฒ่าจะลงภูเขาเข้าเมืองไปพร้อมกับคุณหนู โปรดคุณชายใหญ่กลับไปรายงานและจัดการให้ดี ทำความสะอาดห้องก่อนหน้านั้นของฮูหยินเฒ่าให้ดีด้วยเจ้าค่ะ”
หลี่เค่อชวนไม่กล้าถามอะไรมาก เขารีบลุกขึ้น จากนั้นก็กลับไปกับทุกคนด้วยความอับอายอย่างรวดเร็ว
หลี่เค่อชวนกลับไปแล้ว หลี่ชิงลั่วก็รีบคุกเข่าต่อหน้าฮูหยินเฒ่าเผย
“ลั่วเอ๋อร์ขอบคุณที่ท่านย่าตั้งชื่อให้เจ้าค่ะ ขอบคุณที่ช่วยลั่วเอ๋อร์ ขอบคุณที่ท่านย่าตอบรับคำขอไร้มารยาทของลั่วเอ๋อร์เจ้าค่ะ”
ฮูหยินเฒ่าเผยยกมือขึ้น “รีบลุกขึ้นเถิด แต่ว่าลั่วเอ๋อร์ เจ้าจำเอาไว้นะว่า ข้าสามารถลงภูเขากลับตระกูลหลี่ได้ แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ เจ้าก็ต้องพึ่งพาตนเองอยู่ดี”
“อีกอย่าง เจ้าต้องตกลงกับว่าจะทำเรื่องหนึ่งให้ย่า”
