บทที่ 7 ลูกเมียน้อย
“มันสะดวกดีครับตา ผมเบื่อรถติดน่ะ” ทัพพ์บอกเหตุผลถ้าเขาขับรถไปเรียนคงเข้าสายทุกวันแน่ ขนาดใช้มอเตอร์ไซค์บางวันก็ยังสายเลยเพราะทุกคนทำงานไปเรียนเวลาเดียวกันจึงเป็นชั่วโมงเร่งด่วนที่ทุกคนต้องไปให้ทันจึงทำให้รถติดยิ่งวันไหนมีอุบัติเหตุก็แย่เข้าไปใหญ่
“ทัพพ์ก็ใช้ขับกลับบ้านเราก็ได้นี่ ส่วนในกรุงเทพก็ใช้มอเตอร์ไซค์” กำนันเสนอหลานชายด้วยความเป็นห่วง
“ผมรู้ว่าตาเป็นห่วง แต่ผมจะระวังตัวครับ เหลืออีกแค่เทอมเดียวผมก็จบแล้ว คราวหน้าผมขับรถมาก็ได้ครับ” หลานชายพูดให้ตาสบายใจ หากถามว่าระหว่างปู่กับตาเขารักและเป็นห่วงใครมากกว่ากัน เขาตอบได้เลยว่าตา เพราะท่านเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเขาเขามาตั้งแต่พ่อแม่แยกทางกันส่วนปู่ก็มีเมียคอยดูแลอยู่เขาก็ไม่ห่วงอะไรและตาก็เหลือเขาที่เป็นตัวแทนของแม่ ฉะนั้นเขาทิ้งท่านไม่ได้
“ดีๆ แล้วเรื่องเรียนต่อล่ะไปถึงไหนแล้ว”
“เรียบร้อยครับตา พอจบแล้วผมก็เตรียมตัวเดินทางได้เลยผมก็คิดว่าผมชอบที่นั่นด้วย” ชายหนุ่มได้ทำเรื่องไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกาหรือทั่วโลกรู้จักกันดีและเข้ายากที่สุดไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะเข้าเรียนได้ต้องเก่งจริงและผ่านการสอบที่ยากด้วยและเขากับดิษย์ได้รับการตอบรับจากมหาลัยแล้ว หลังจากที่เขาได้ไปเรียน Pre-MBA โปรแกรมสั้นระยะหนึ่งเดือนช่วงซัมเมอร์เมื่อเทอมสองตอนอยู่ปีสาม
“ตาภูมิใจในตัวทัพพ์มากนะลูก.” กำนันเทิดยิ้มให้หลานชายใครจะไม่ปลื้มล่ะที่หลานชายได้เรียนที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับต้นๆของโลกที่มีแต่คนเก่งๆทั้งนั้นและท่านก็ไม่อยากเชื่อว่าหลานชายที่เกเรของท่านจะเข้าเรียนได้
“ขอบคุณครับตา ผมไม่อยู่ตาดูแลตัวเองด้วยนะครับ ถ้าตาเหงาก็หาเมียมาอยู่ด้วยผมไม่ว่าครับ หึๆๆ.” ทวิภาคบอกตาแล้วหัวเราะ
“ตาแก่แล้วนะเจ้าทัพพ์เก็บแรงไว้รอเลี้ยงลูกของแกดีกว่า”
“ตาแก่ที่ไหนกันเล่า ปู่แก่กว่าตาอีกยังมีเมียใหม่เลยครับ” ขนาดปู่ของเขายังมีเมียใหม่ตอนอายุหกสิบหลังจากย่าเสียไปไม่นาน
“ช่างเขาเถอะ ใครอยากมีก็มีไปตาก็อยู่ของตาแบบนี้แหละ แล้วแกล่ะเจ้าทัพพ์เมื่อกี้ไปส่งใบพลูมาคิดอะไรกับน้องหรือเปล่า” กำนันมองหลานชายอย่างจับผิดเพราะคนหวงรถอย่างหลานชายยอมให้อัยยานั่งบนบังโคลนรถแทนที่จะขับกระบะไปส่งน้อง
“เปล่าครับตา ผมแค่ไปส่งใบพลูเห็นว่ามาช่วยงานตาเท่านั้นครับ” เขาคิดอย่างนั้นจริงเพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กถึงแม้เขาจะไปเรียนที่กรุงเทพไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนเมื่อก่อนก็ตาม
“จริงเหรอ แต่ตาว่าใบพลูน่ารักนะ ทำงานก็เก่งทั้งที่ยังเรียนไม่จบ..”
“ตาครับ ผมยังเด็กอยู่นะครับยังไม่คิดเรื่องนี้อีกอย่างใบพลูกก็เป็นน้องผมคิดไม่ลงหรอกครับ” ใช่เขาคิดไม่ลงแต่ร่างกายของเขามันกลับทรยศ
“แกน่ะเหรอเด็ก ถ้าไม่ใช้ถุงป่านนี้มีลูกเป็นโหลแล้วมั้ง..” กำนันว่าให้หลานชายถึงท่านจะอยู่ที่กลางดงแต่ก็รู้เรื่องของหลานชายจากลูกเขยโทรมารายงานตลอด
“แล้วมีมั้ยล่ะครับ ผมยังอยู่ในวัยอยากลองอยากรู้ครับตา รับรองว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนอุ้มเด็กมาเรียกร้องให้รับผิดชอบหรอกครับ..” ทุกคนที่เขามีความสัมพันธ์ด้วยก็แค่สนุกกันเท่านั้นและเขาก็ไม่ได้ติดเซ็กส์ถึงขนาดต้องมีผู้หญิงแนบกายตลอดเวลาสำหรับเขาถ้าไม่ถูกใจจริงก็ไม่สนใจแต่ถ้าถูกใจก็อาจจะคบนานหน่อยแต่เป็นได้แค่เพื่อนกินเพื่อเที่ยวเพื่อนอนเท่านั้น
“แล้วตาจะคอยดู ไปกินข้าวกันเถอะ..” สองตาหลานคุยกันและกินอาหารเย็นด้วยกันก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน
เช้าวันนี้ทัพพ์ได้รับโทรศัพท์จากพ่อที่โทรมาสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นที่รีสอร์ทของชนาทิปว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงเพราะพ่อแม่ของกิติภพมาเอาเรื่องถึงบ้าน
“ก็ไม่มีอะไรครับพ่อ ไอ้บิ้กมันกวนโอ้ยผมก็เลยหมั่นไส้ต่อยไปสองสามหมัดเองครับ” เสียงลูกชายพูดมาตามสายอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเขารู้ว่าพ่อเคลียได้ทั้งที่เขาไม่ได้อยากทำแบบนี้แต่มันสุดจะทนกับปากของกิติภพ
“นี่ขนาดสองสามหมัดนะ ถ้าทัพพ์ทำจริงนายบิ๊กมินอนห้องไอซียูเลยเหรอไอ้ลูกบ้า” มาร์ตินว่าลูกชายและเขาก็รู้ว่าถ้าไม่ถึงที่สุดจริงทวิภาคไม่ลงมือลงไม้แน่นอนตั้งแต่มาเรียนมหาลัยลูกชายของเขาก็ไม่ได้ไปมีเรื่องกับใคร
“แต่มันไม่ได้เป็นอะไรมากไม่ใช่เหรอครับพ่อ”
“ก็คงนอนโรงบาลหลายวันเหมือนกัน ทางพ่อแม่ของนายบิ๊กจะเอาเรื่องทัพพ์ด้วยนะลูก แต่พ่อขอเจรจาก่อนก็เลยตกลงกันได้ ทางโน้นเขาขอให้รับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายและค่าทำขวัญ ก็จบเรื่อง.” มาร์ตินบอกลูกชายไม่ว่าทวิภาคจะทำอะไรเขาก็ไม่กล้าดุด่าเพราะเขาทำผิดกับภรรยาและลูกชายจึงยอมรับผลกรรมนั้นและทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกชายกลับมาเชื่อใจและศรัทธาในตัวเขาอีกครั้งว่ารักลูกจริง
“เท่าไหร่ครับพ่อ.”
“ล้านหนึ่ง..”
“ผมน่าจะซัดมันหนักกว่านี้นะ เสียดายตังค์จริงๆ” ทวิภาคพูดแล้วหงุดหงิดและเสียดายเงินค่าทำขวัญกิติภพ
“ตาทัพพ์ ยังจะมาพูดเล่นอีก” มาร์ตินอดคิดถึงภรรยาไม่ได้หากพริตาอยู่จะกำหราบลูกชายได้ดีกว่าเขา
“ผมพูดจริงนะครับพ่อ แต่ก็ดีแล้วมีเพื่อนแบบนี้สู้ไม่มีซะดีกว่า ขอบคุณครับพ่อที่จัดการให้ผม” ทวิภาคขอบคุณพ่อ หลังจากแม่เสียเขาเข้ามาอยู่กรุงเทพแต่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับพ่อและปู่ พ่อก็ให้เขาเลือกว่าจะอยู่คอนโดไหนเพราะทุกอย่างเป็นของลูกชายทั้งหมดหลังจากที่พ่อหย่ากับแม่ท่านก็ยกทุกอย่างให้เขาและท่านก็ทำงานกินเงินเดือนผู้บริหารระดับสูงและมีเงินปันผลจากหุ้นที่เหลือแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์เรื่องนี้แม่กับปู่ของเขาก็รู้ดีเพราะปู่เป็นคนจัดการให้เขา และให้พ่อดูแลผลประโยชน์ให้นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เตชินีไม่พอใจที่ลูกสาวไม่ได้อะไรเลย นอกจากบ้านหลังใหญ่ราคายี่สิบล้านและเงินในบัญชีอีกยี่สิบล้านส่วนของลูกสาวอีกยี่สิบล้านที่ฝากประจำจนกว่าลูกสาวจะอายุครบยี่สิบถึงจะเบิกมาใช้ได้และทุกวันนี้เธอกับลูกสาวก็มีก็มีเงินเดือนกินทุกเดือน
“ก็แกเป็นลูกชายพ่อนี่” มาร์ตินตอบลูกชายแล้วเขาก็วางสายและทำงานต่อ
“เจ้านายครับคุณหนูติ๊น่ามาขอพบครับ” ยิ่งคุณเลขาหนุ่มใหญ่แจ้งเจ้านาย
“ให้เข้ามา..” มาร์ตินกดอินเตอร์คอมตอบเลขา
“ผลัวะ...”
“คุณพ่อขา..” ติยาพร หรือติ๊น่า วัย19ปี ลูกสาวของมาร์ตินกับเตชินีอดีตเลขาหน้าห้องและยังเป็นลูกสาวของคุณเกษราเพื่อนของคุณพรพิศแม่ของเขาอีกจึงทำให้มาร์ตินจำต้องรับผิดชอบหลังจากเขาหย่ากับพริตา มาร์ตินก็ไม่ได้แต่งงานจดทะเบียนกับเตชินี เขาจดทะเบียนรับรองบุตรและซื้อบ้านให้อยู่ต่างหากและส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูกสาวมาตลอดจนทำให้คุณเกษราไม่พอใจเขามาจนถึงทุกวันนี้ หากแม่เขายังอยู่คุณเกษราคงจะกดดันท่านให้เขาแต่งงานกับเตชินีแน่และเขาก็ไม่พลาดที่จะแอบตรวจดีเอ็นเอเพราะไม่อยากเลี้ยงลูกของคนอื่นเมื่อผลตรวจออกมาว่าติยาพรเป็นลูกสาวของเขามาร์ติน ก็ส่งเสียและดูแลมาจนทุกวันนี้
“มีอะไรลูกถึงมาหาพ่อได้..” ถึงแม้เขาจะเกลียดเตชินีแต่เขาก็รักลูกสาว
“ก็คุณพ่อไม่ไปหาติ๊น่านี่คะ ติ๊น่าคิดถึงก็เลยมาหาคุณพ่อสิค่ะ.” ติยาพรกอดพ่อและหอมแก้มท่าน
“อ้อนพ่อแบบนี้จะขออะไรอีกล่ะ.” มาร์ตินรู้ทันลูกสาวที่ถูกแม่สอนให้ขอโน่นขอนี่ตลอดและเขาก็จะตักเตือนอันไหนให้ได้ก็จะให้เพราะเขาไม่อยากให้ลูกสาวใช้เงินมือเติบทั้งที่อายุยังน้อยไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ให้อะไรติยาพรแต่เขารู้ว่าถ้าให้ตอนนี้ก็มีแต่หมดเพราะพักหลังมานี้เขาได้ข่าวว่าเตชินีเข้าบ่อนบ่อยๆ
“ก็ ติ๊น่าอยากได้รถคันใหม่ค่ะ” ติยาพรบอกพ่อเพราะแม่ขอรถของเธอส่วนรถของแม่ท่านขายไปแล้วจึงไม่มีรถใช้
“รถหนูเพิ่งใช้ยังไม่ถึงปีเลยนะลูก..”
