ตอนที่4.
ไอ้เหยินส่งเพื่อนรูปหล่อมาหลอกเธอให้หัวปั่นส่วนตัวเองแอบซ่อนตัวไม่ยอมมาพบ แบบนี้มันน่าซัดให้ฟันหักเสียจริง มือบางกำโทรศัพท์แน่นตามอารมณ์ที่คุกรุ่น
“คนของเราไม่เคยรายงานผิดพลาด ยังไงหนูก็ลองติดต่อคนของเราที่อยู่ในไร่ดูก่อนนะ บางทีเขาอาจจะรู้เรื่องนี้ก็ได้”
คำแนะนำของพ่อพันทำให้รักร้อยต้องวางแผนใหม่ สิ่งแรกที่เธอต้องทำคือการติดต่อกับคนของพ่อ เพื่อให้ช่วยตามหาเอกดนู อย่างน้อยพวกนั้นก็เคยเห็นหน้าเอกดนูมาก่อน
“พ่อขา หนูร้อยอยากได้รูปถ่ายของนายเอกดนู พ่อพันมีไหมจ้ะ”
“พ่อไม่มีรูปคุณเอกดนูหรอกลูก แต่คนของเราคงมี ไว้หนูเจอเขาก่อน ค่อยบอกให้เขาเอาให้ดูนะลูก”
“อย่างนั้น พ่อโทรไปบอกคนของเราให้มาพบหนูด้วย หนูอยากคุยอะไรด้วยสักหน่อย”
“ได้สิลูก พ่อจะโทรเดี๋ยวนี้เลย หนูก็ระวังตัวไว้หน่อยนะลูก อยู่ต่างถิ่นไม่ใช่บ้านเรา” คนเป็นพ่อเอ่ยเตือนลูกสาวด้วยความห่วงใย ก่อนจะวางสายไปเพื่อจัดการตามที่ลูกสาวต้องการ
“เต้ เราจะปล่อยให้ยายร้อย แต่งงานกับลูกชายอาเกียรติชัยไม่ได้นะ สมบัติของคุณตาจะตกเป็นของมันหมด” กรวรรณเอ่ยกับลูกชายหลังจากแอบได้ยินนายพันคุยโทรศัพท์กับรักร้อย
เตโชขยับลุกจากโซฟา ร่างสูงเพรียวของชายหนุ่มเดินไปยืนพิงไหล่กับขอบหน้าต่าง ทอดสายตามองไปยังสนามหญ้าสีเขียวสดนอกหน้าต่าง ดวงตายาวเรียวตามชาติพันธุ์ฝ่ายบิดาวาบไหว เจ้าตัวใช้ปลายนิ้วชี้ลูบจมูกโด่งเป็นสันคมของตัวเองไปมาอย่างครุ่นคิด ริมฝีปากบางได้รูปเหมือนผู้หญิงเม้มเล็กน้อย เมื่อคิดถึงหญิงสาวที่มารดาเอ่ยถึง ‘รักร้อย’ เจ้าหล่อนคือผู้หญิงที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว เขาพยายามทำทุกวิธีให้เธอสนใจเขา แต่ยิ่งเขาเข้าใกล้เธอยิ่งถอยห่างทำท่ารังเกียจรำคาญเหมือนเขาเป็นมดปลวก ต่างจากผู้หญิงหลายคนที่เขาเคยเจอ แค่โปรยยิ้มนิดเดียวก็พร้อมจะวิ่งมาซบแทบเท้าแล้ว แต่รักร้อยกลับเมินเฉยต่อเขา เตโชนึกถึงใบหน้าหวานๆ ของเธอแล้วใจเต้นรัว หากเธอตกเป็นของเอกดนูเขาจะทนได้หรือ
“ผมไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด”
เตโชหันกลับมามองหน้ามารดา แววตาของชายหนุ่มวาวกล้า ยืนยันสิ่งที่พูด คนเป็นแม่ยิ้มออกคลายใจไปอีกเปลาะ อย่างน้อยลูกชายของเธอก็ได้ดั่งใจ
“ตอนนี้ยายร้อย เดินทางไปพบไอ้เอกดนูที่เชียงใหม่แล้ว ถ้าไอ้เอกดนูมันเจอยายร้อย มันอาจเปลี่ยนใจยอมทำตามพินัยกรรมก็ได้” กรวรรณใส่เชื้อไฟในใจลูกชายต่อ เธอรู้ดีว่าเตโชชอบรักร้อย “ลูกต้องขัดขวางไม่ให้สองคนนั่นแต่งงานกัน”
“ไอ้เอกดนูไม่มีวันได้รักร้อยหรือมรดกของคุณตา ธุรกิจทุกอย่างของคุณตามันไม่เคยช่วยดูแล ผมไม่ยอมให้มันมาชุบมือเปิบ เอาสิ่งที่ผมควรได้ไป”
กรวรรณยิ้มกว้างลุกจากโซฟามาโอบเอวลูกชายไว้แน่น “ให้มันได้อย่างนี้สิลูก อย่าไปยอมมัน เต้ทำงานเหนื่อยแค่ไหนกว่าธุรกิจพิเศษของคุณตาจะยืนหยัดได้”
คนเป็นแม่มองเห็นความเหนื่อยยากของลูกชายมาตลอดจึงอดชื่นชมไม่ได้ หากเจ้าสัวเกริกไม่ได้เตโชช่วยจัดการเสี้ยนหนามทางธุรกิจ วันนี้คงไม่เหลืออะไรนอกจากบ้านหลังเดียว เธอไม่ยอมให้ทุกสิ่งที่ลูกชายร่วมสร้างมา ต้องตกเป็นของคนอื่นเด็ดขาด
“ไม่ต้องห่วงนะครับแม่ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย” เตโชยิ้มบางๆ ให้มารดานิดหนึ่ง ดวงตาคมวาวกล้าขณะเอ่ย“ผมต้องเอาตัวรักร้อยกลับมาให้ได้ ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับไอ้เอกดนู”
รักร้อยเดินสำรวจไร่ดินเดียวของเอกดนูเพื่อเตรียมรับมือ พรุ่งนี้นายหนึ่งจะใช้เธอทำงานอะไรก็สุดรู้ ต้องดูลาดเลาไว้ก่อนจะได้หาวิธีรับมือนายหน้าหล่อปากปีจอนั่น หญิงสาวเดินออกจากบ้านพักตรงไปยังแปลงผัก เมียงมองดูคนงานที่กำลังลำเลียงผลผลิตใส่รถกระบะอย่างสนใจ
“ผักที่นี่น่ากินจังเลย” หญิงสาวขยับเข้าไปยืนข้างรถขนผัก เริ่มต้นพูดคุยกับคนงานหญิงคนหนึ่ง พร้อมส่งยิ้มหวาน
คนงานหญิงคนนั้นยิ้มตอบ “ผักของเราเป็นผักปลอดสารพิษค่ะ เราปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ ปลอดภัยต่อผู้บริโภค” เจ้าหล่อนอธิบายตามที่ได้รับการอบรมมา
“ที่นี่ปลูกผักอย่างเดียวหรือจ้ะ” รักร้อยค่อยๆ หาข้อมูลทีละน้อย
“ด้านหลังเราเลี้ยงวัวนมกับวัวเนื้อ แล้วก็ยังมีแปลงดอกกุหลาบกับเรือนกล้วยไม้ สวนลิ้นจี่ สวนลำไยด้วยค่ะ”
อาณาจักรของไร่ดินเดียวถูกใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า เจ้าของไร่จัดสรรที่ดินแบ่งใช้พื้นที่ทำการเกษตรและเลี้ยงสัตว์ คนงานที่เห็นมีร่วมร้อยคน นับว่าไม่น้อย เมื่อเทียบกับความกว้างใหญ่ของไร่ รักร้อยประเมินสถานะของเอกดนูอย่างใช้ความคิด เขาไม่สนใจมรดกของท่านเจ้าสัวเพราะมีฐานะความเป็นอยู่สุขสบาย ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเรื่องเงินจากทางนั้น หากจะทำให้เขากลับไปรับมรดก เธอต้องใช้วิธีไหนถึงจะสำเร็จ รักร้อยครุ่นคิดอย่างหนักใจ
“ถ้าคุณสนใจ เดี๋ยวฉันพาคุณเดินดูรอบๆ นะคะ” คนงานหญิงคนนั้น อาสาพาผู้มาเยือนชมไร่ ตรงตามเป้าประสงค์
“ไปสิคะ อ้อ... พี่ชื่อรักร้อยนะคะ แล้วน้องชื่ออะไรจ้ะ” รักร้อยแนะนำตัวเองขณะเดินเคียงเจ้าถิ่นไปตามทางเดิน
“ฉันชื่อหนูนาค่ะ เป็นน้องสาวพี่หนึ่งเดียว” นวิยาหรือหนูนาแนะนำตัว
ทำเอาคนที่ได้ยินทำหน้าเหวอ เมื่อหลงเข้าใจว่าเด็กสาวร่างเล็กในชุดกางเกงผ้าฝ้ายตัวโคร่งกับเสื้อผ้าฝ้ายสีตุ่นเป็นคนงานในไร่ ที่แท้เจ้าหล่อนเป็นน้องสาวของเอกดนู แต่ชายหนุ่มเป็นลูกชายคนเดียวของคุณเกียรติชัยนี่นา แล้วน้องสาวโผล่มาจากไหน
“หนูนาเป็นลูกของแม่จันทร์ฟองน้องสาวป้าเอื้องผึ้งแม่ของพี่หนึ่งเดียวค่ะ เราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน” นวิยาลำดับญาติให้รักร้อยฟังเมื่อเห็นความสงสัยปรากฏในดวงตาคู่สวยนั้น
“ค่ะ เข้าใจแล้ว พี่แค่แปลกใจเฉยๆ” รักร้อยยิ้มกว้าง นึกดีใจที่หาแหล่งข่าววงในเจอ ใครจะรู้เรื่องนายเหยินดีเท่าน้องสาวของเขา หญิงสาวไม่รอช้ารีบล้วงข้อมูลทันที “พี่มาจากกรุงเทพนะคะ มาตามคุณเอกดนูไปรับมรดก น้องหนูนารู้เรื่องที่เจ้าสัวเกริกคุณปู่ของคุณเอกดนูทำพินัยกรรมยกมรดกให้เขาไหมคะ”
นวิยาพยักหน้าน้อยๆ “ค่ะ พี่หนึ่งเดียวเขาเอาจดหมายให้หนูนาอ่านด้วย พี่รักร้อยเป็นคนที่พี่หนึ่งต้องแต่งงานด้วยใช่ไหมคะ หนูนาเห็นรูปที่ส่งมาให้” สาวน้อยมองหน้าพี่สาวคนใหม่ด้วยแววตาชื่นชม รักร้อยตัวจริงสวยน่ารักกว่าในรูปเยอะ ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่หนึ่งเดียวของเธอต้องปฏิเสธเธอด้วย
นวิยานึกถึงวันที่พี่ชายเปิดจดหมายฉบับที่สองจากกรุงเทพ เอกดนูนั่งพินิจรูปถ่ายของคู่หมายอยู่นานสองนาน สีหน้าและแววตาของเขาในตอนนั้นดูเคร่งขรึมจนไม่กล้าเข้าใกล้ เมื่อเห็นรูปที่พี่ชายนั่งดูอยู่คนเป็นน้องถึงกับตาโตอุทานลั่น
“สวยจังค่ะพี่หนึ่งเดียว รูปใครเหรอคะ”
เอกดนูถอนหายใจแรง สีหน้าเคร่งจัด “ผู้หญิงที่พี่ต้องแต่งงานด้วย” เขาตอบคำถามนั้น พร้อมกับจ้องมองรูปถายในมือด้วยแววตายากจะเข้าใจ
นวิยาได้แต่เก็บความสงสัยไว้เงียบๆ เอกดนูหรือพี่หนึ่งเดียวเป็นพี่ชายที่เธอรักมาก หากเขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงสักคน นวิยาอยากให้เขาแต่งงานกับคนที่เขารักและรักเขา สาวน้อยพินิจพิเคราะห์คู่หมายของพี่ชายอย่างสนใจ
“พี่รักร้อยคิดยังไงถึงยอมแต่งงานกับพี่ชายของหนูนาคะ”
คำถามนี้เล่นเอาคนถูกถามนิ่งงันไปหลายวิ รักร้อยมองดวงตาใสแป๋วของนวิยาอย่างอึดอัด เธอจะตอบเจ้าหล่อนว่ายังไงดีหนอ เอาความจริงหรือความเท็จดีล่ะ
“หนูนาเคยได้ยินคำว่าบุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระไหมคะ”
“เคยค่ะ แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ตรงไหนคะ” คนฟังทำหน้างง
รักร้อยยิ้มเศร้าๆ ขณะแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าดวงตาคู่สวยมองปุยขาวๆ ของก้อนเมฆบนท้องฟ้านิ่งนาน ก่อนจะเล่าเรื่องราวในอดีดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
”เมื่อสิบกว่าปีก่อน มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ขโมยจูบแรกของพี่ไป เขาทำให้พี่มีมลทิน แล้วหนูนาคิดว่าผู้หญิงที่รักศักดิ์ศรียิ่งกว่าชีวิตอย่างพี่ จะยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ หรือคะ” ดวงตาคู่สวยปรากฏแววโศกเกินจริง ริมฝีปากบางสั่นระริกขณะเอื้อนเอ่ยเรื่องราวอัปยศออกมา สาวเจ้ามารยาปรายตาลอบมองคนฟังแล้วแอบยิ้มขำในใจ ขอบคุณวิชาการแสดงที่ถูกเพื่อนลากไปเรียนตอนเล่นละครของคณะ ทำให้เธอตีบทหญิงสาวผู้ถูกรังแกได้แตกกระจาย
