บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3.

รักร้อยไม่ยอมให้เขาไล่เธอไปง่ายๆ ขืนไปเธอก็โง่เต็มทีแล้ว อุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงนี่จะยอมถอยทัพกลับโดยไม่ได้ผลงานไม่ใช่นิสัยของเธอ ไอ้เหยินเอกดนูก็ช่างเลือกเวลาไปดูงาน ราวกับรู้ว่าเธอกำลังจะมา หาเหตุไม่อยู่ไร่เสียอย่างนั้น อยากรู้นักว่าเอกดนูจะหลบหน้าเธอจนครบกำหนดเส้นตายหรือเปล่า ให้มันรู้ไปว่าเขาจะทนอยู่ในกระดองได้นานขนาดนั้น

“คุณจะอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร หึ คุณผู้หญิง”

ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูแคลน ริมฝีปากแดงหนาของเขาแย้มหยันอย่างจงใจ กวาดสายตามองเธอไปทั่วร่างก่อนจะส่ายหน้า ความอดทนพร้อมกับมารยาทหมดลงไป เมื่อเห็นว่าความสุภาพและมารยาทอันดีงาม ไม่น่าจะใช้ได้กับหญิงสาวคนนี้ ผู้หญิงสวยน่ารักแต่ดูร้ายกาจจนไม่น่าวางใจ

“นี่คุณคงลำบากมากสินะ ถึงได้ยอมแต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองไม่รู้จัก เขาไม่เอายังหน้าด้านมาเสนอถึงที่ ไม่อายมั่งหรือไง”

กิริยาดูหมิ่นกับคำพูดเชือดเฉือนนั้น ไม่น่าออกมาจากปากผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาคนนี้ได้ รักร้อยตะลึงงันไปร่วมสิบวิ หน้าร้อนผ่าวด้วยความโมโห เกิดมาไม่เคยมีใครกล้ามาว่าเธอต่อหน้าแบบนี้ ความหล่อเหลาของชายหนุ่มอันตรธานหายวับไปจากสายตาของเธอเสียแล้ว เมื่ออีกฝ่ายจงใจเปิดศึกก่อน

“ผู้ชายอะไรปากจัดยิ่งกว่าตุ๊ด คุณเป็นเจ้าชีวิตคุณเอกดนูหรือไง ถึงได้รู้ใจเขานัก” เธอแหวเข้าใส่อย่างเหลืออด

“แล้วคุณคิดว่าคุณเอกดนู จะยอมรับข้อเสนอของคุณรึไง” เขาโต้กลับบ้าง

“คำตอบนี้ ฉันว่าให้คุณเอกดนูเป็นคนตอบเองจะดีกว่า คุณเป็นแค่เพื่อนของเขาไม่ใช่เหรอ จะมารู้ดีกว่าตัวเขาได้ยังไง” รักร้อยเชื่อมั่นในตัวเองเต็มที่ เธอไม่มีทางยอมให้ไอ้เหยินปฏิเสธเธอแน่

คนฟังส่ายหน้า ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปเกาะราวระเบียงหันหลังให้ กิริยานั้นช่างบาดตาเหลือทน รักร้อยลุกขึ้นไปยืนอยู่ข้างๆ จิกแขนเสื้อเขาให้หันมามองเธอ

“นี่ ทำท่าแบบนี้หมายความว่ายังไง หรือนายคิดว่าฉันจะทำให้คุณเอกดนูเปลี่ยนใจไม่ได้”

“เหอะ มาพนันกันไหมล่ะ เงินล้านหนึ่งผมเอาขี้หมากอง คุณเอกดนูไม่มีทางยอมแต่งงานกับคุณแน่ๆ”

คำพูดสบประมาทนั้น ทำเอาคนฟังรู้สึกไม่ต่างกับถูกคนเอามือเปื้อนพริกมาลูบหน้า มันแสบร้อนเข้าไปถึงทรวง ผู้ชายคนนี้ถือดียังไงมาปรามาสเธอแบบนี้ คนอย่างรักร้อยฆ่าได้แต่อย่าหยาม !

“งั้นก็มาดูกัน ว่าฉันจะได้เงินล้านหรือนายจะได้ขี้หมา กล้ามั้ย กล้าให้ฉันอยู่ที่นี่ ให้ฉันพิสูจน์ไหม !”

คนที่คิดว่าเหนือกว่ากลับเพลี้ยงพล้ำเพราะคำพูดไม่คิดของตัวเอง ชายหนุ่มอยากตบกระโหลกตัวเองแรงๆ ไม่นึกว่าจะถูกหญิงสาวย้อนศร ถือโอกาสรับคำท้าลบคำสบประมาทของเขา หากเขาไล่เธอไปตัวเขาจะกลายเป็นคนไม่แน่จริงทันที

“ก็ได้ เผื่อคุณจะได้รู้จักกับคำว่ายางอายมั่ง ผมยอมให้คุณอยู่ที่นี่ก็ได้ แต่จะมาอยู่ฟรีๆ นั่งกินนอนแผ่ ผมไม่เอานะ”

“อ๊าย! ใครจะมานอนแผ่ให้นายเอากันยะ ถึงได้บอกว่าไม่เอาน่ะ”

รักร้อยกรี๊ดลั่นราวกับถูกวิญญาณนางร้ายละครไทยเข้าสิงในบัดดล เขาพูดมาได้ยังไงนั่งกินนอนแผ่ ผมไม่เอานะ แบบนี้มันสบประมาทกันชัดๆ อยากรู้นักถ้าเธอทำอย่างที่เขาว่าจริงๆ เขาจะทำยังไง จากที่คิดว่าจะสอยนายคนนี้ รักร้อยขอเปลี่ยนเป็นเสยปลายคางนายคนนี้แทนจะดีจั๊กจี้ไหม

“ผมหมายถึง คุณต้องทำงานแลกที่อยู่แลกอาหารเหมือนคนงานคนหนึ่ง จะเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ ถ้าคิดอยากเป็นคุณนายนั่งกระดิกนิ้วเหมือนอยู่กรุงเทพ ก็กลับไปได้เลย” คนพูดยิ้มเย้ย วาดหวังว่าคนฟังจะปรี๊ดแตกอีกรอบ ดูจากหน้าตาท่าทางแล้ว คงเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ให้มาคลุกดินคลุกโคลนไม่น่าจะทนไหว

นั่นเป็นความคิดตามประสาคนมองโลกในแง่ร้าย นายหนึ่งคงไม่รู้ว่ารักร้อยเติบโตมาแบบสมบุกสมบันเพียงใด แค่ฟังเขาพูดเธอก็รู้ว่าชายหนุ่มคิดเล่นงานเธอแบบไหน หนอย... รู้จักรักร้อยลูกพ่อพันน้อยไปเสียแล้ว ไอ้มุกกระบือแบบแกล้งใช้ให้ทำงานหนักๆ แล้วนางเอกแสนสวยจะทนลำบากไม่ไหวเผ่นหนีไปน่ะ มันโบราณแท้ๆ ภายใต้หน้าตาและรูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอมนี้ รักร้อยมีทุกสิ่งครบเครื่อง ไม่ว่าจะงานบ้านงานเรือน เย็บปักถักร้อย รวมไปถึงงานกลางแจ้งแบบที่ผู้ชายทำได้เธอก็สามารถเช่นกัน ไม่ใช่มีดีที่ความสวยอย่างเดียวนะคะ ขอบอก

“ตกลงฉันจะช่วยนายทำงาน ตามความสามารถของฉัน หวังว่านายคงไม่ใช้ฉันไปดายหญ้า รดน้ำผัก ผ่าฟืน หรืออุ้มช้างไปอาบน้ำหรอกนะ” รักร้อยพูดกันตัวเองจากงานหนักเหล่านี้ไว้ก่อน เผื่อเขาจะหาทางเล่นงานเธอได้น้อยวิธี

“ผมไม่ใช้คุณทำอะไรแบบนั้นแน่ แต่จะใช้ให้ทำงานอะไรนั้น พรุ่งนี้คุณจะได้รู้เอง หวังว่าคงไม่เปลี่ยนใจหนีไปก่อนนะ”

พูดจบ เขาก็เดินหนีไป ไม่เปิดโอกาสอีกฝ่ายให้โต้กลับ เหมือนรู้ว่า ยิ่งพูดมาก ยิ่งเรื่องยาว เมื่อเจอคนช่างเถียงทางที่ดีเลี่ยงหนีไปให้ไกลจะดีกว่า

พรุ่งนี้จะได้รู้กันว่าระหว่างหนึ่งกับร้อย ใครกันจะสามารถมากกว่ากัน...

เมื่อรักร้อยได้อยู่ที่ไร่ดินเดียวสมใจอยาก หญิงสาวรีบโทรรายงานความคืบหน้าให้นายพันบุญผู้เป็นบิดาทราบทันที

“พ่อพัน หนูร้อยอยู่ที่ไร่ดินเดียวแล้วนะจ้ะ แต่ยังไม่เจอคุณเอกดนูเลย”

เสียงแจ้วๆ เหมือนนกแก้วเอื้อนเอ่ยกับบิดาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน เป็นสิ่งที่รักร้อยชอบทำเวลาอยู่กับคนในครอบครัว กับคนนอกอย่าหวังว่าใครจะได้ยินเธอพูดแบบนี้

“หนูร้อย คุณเต้กับคุณกรวรรณเขาย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านแล้วนะ” พ่อพันเอ่ยถึงเตโชทายาทลำดับที่สองของเจ้าสัวเกริก “เหลือเวลาอีกไม่มากแล้วนะลูก หนูต้องเร่งมือหน่อย หาทางเกลี้ยกล่อมคุณเอกดนูให้ได้ พ่อไม่อยากให้คุณเต้เข้ามาจัดการมรดก คุณกรวรรณก็ทำท่าเหมือนจะเข้ามาวุ่นวายในบ้าน แกเอาคนของแกมาดูแลอะไรจนวุ่นไปหมด แม่วีของหนูร้อยเขาอึดอัดใจจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”

พ่อพันรายงานเรื่องราวในบ้านให้ลูกสาวฟังด้วยน้ำเสียงหนักใจ สถานการณ์ภายในบ้าน เริ่มวุ่นวายเมื่อกรวรรณเจ้ากี้เจ้าการหนักแบบนี้ ยามที่เจ้าสัวเกริกมีชีวิตกรวรรณไม่กล้าเข้ามาวุ่นวายในบ้านเพราะเกรงบิดานักหนา อีกทั้งตัวเธอเองไม่ใช้ลูกแท้ๆ แต่เป็นเด็กที่ภรรยาเจ้าสัวขอมาเลี้ยงจึงไม่กล้ามีปากเสียงอะไร หลังจากเจ้าสัวสิ้นไปกรวรรณได้รู้ว่าลูกชายตัวเอง มีสิทธิ์ในกองมรดก ถ้าหากเอกดนูไม่ยอมทำตามเงื่อนไขของพินัยกรรมมรดกจะตกเป็นของเตโชทันที นั่นทำให้กรวรรณมั่นใจว่ามรดกทั้งหมดของเจ้าสัวจะต้องตกเป็นขอลูกชายตัวเองแน่นอน เพราะรู้ดีว่าเอกดนูไม่มีวันกลับมารับมรดกของผู้เป็นปู่

“คุณเอกดนูไปดูงานที่เมืองนอกกว่าจะกลับเป็นเดือน ตอนนี้หนูต้องอยู่รอเขากลับมาอย่างเดียว ทำอะไรไม่ได้มากค่ะพ่อ” รักร้อยหนักใจไม่แพ้พ่อพัน หากเอกดนูอยู่ที่นี่เธอคงจัดการให้เขาทำตามเงื่อนไขได้ไม่ยาก

“เอ... คุณเอกดนูเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ คนของเราที่ให้ตามไปดูแล บอกว่าคุณเอกดนูอยู่ที่ไร่ตลอดไม่ได้ไปไหนเลย”

เจ้าสัวเกริกสั่งให้นายพันบุญซึ่งเป็นหัวหน้าบอดี้การ์ด จัดคนมาเฝ้าดูแลอารักษาหลานชายของท่านอย่างลับๆมาร่วมห้าปี โดยส่งมาเป็นคนงานในไร่ รวมถึงคอยติดตามเอกดนูตลอดเวลา เพราะเกรงจะถูกศัตรูทางธุรกิจส่งคนมาลอบทำร้าย เหมือนที่ลูกชายทั้งสองของท่านโดน เรื่องนี้มีเฉพาะเจ้าสัวเกริกกับบอดี้การ์ดคนสนิทเท่านั้นที่รู้

“หมายความว่ายังไงคะพ่อ ก็นายหนึ่งเพื่อนของคุณเอกดนู บอกหนูร้อยว่าคุณเอกดนูไม่อยู่ นี่แปลว่าเขาโกหกหนูร้อยหรือคะ”

รักร้อยชักหน้าตึง สิ่งที่พ่อพันบอกทำให้เธอนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มชื่อหนึ่งอย่างโมโห เขาบอกเธอว่าทำงานเป็นผู้จัดการไร่ของเอกดนู ตกลงว่าเขากับไอ้เหยินกำลังรวมหัวหลอกเธอใช่ไหม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel