ตอนที่2.
รักร้อยผุดลุกขึ้นนั่งทันที เมื่อเห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องที่ไม่คุ้นเคย แถมยังมีผู้ชายตัวโตหน้าตาหล่อเหลา นั่งอยู่ใกล้ๆ หญิงสาวรีบก้มลงสำรวจร่างกายตัวเองอย่างหวาดระแวง จากนิยายที่เคยอ่าน หรือละครหลังข่าวที่เคยผ่านตา สถานการณ์แบบนี้ มันล่อแหลมเสี่ยงต่อการถูกกระทำชำเราทางเพศจากคนแปลกหน้า ผู้หญิงสวยๆ อย่างเธอจึงต้องระมัดระวังตัวเองมากกว่าผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ หลายเท่า
“คิดว่าผมเป็นไอ้โรคจิตหรือไง” เสียงทุ้มๆ เอ่ยขึ้นเหมือนรู้ว่าหญิงสาวคิดอะไร
รักร้อยหันไปมองคนพูด หัวใจดวงน้อยหล่นไปกองแทบเท้าเจ้าของเสียงนุ่มละมุนหูในทันทีที่สบตา ใบหน้าคมคายประดับด้วยเครื่องหน้าสมบูรณ์ยากจะหาที่ติ ดวงตาสีนิลจ้องมองเธอด้วยแววตาเรียบเฉย คิ้วดกหนาขมวดน้อยๆ เมื่อเห็นสายตาที่เธอจ้องเขา จมูกโด่งงามของเขารับกับริมฝีปากสีแดงเรื่อราวกับชะโลมด้วยน้ำยาอุทัยทิพย์เชิดขึ้นเล็กน้อย ขณะทอดสายตามองเธออย่างหยิ่งทระนง
โอ้แม่เจ้า... หยิ่งได้ใจ เย็นชา จนขนลุกซู่ ...
รักร้อยใจเต้นรัว จนต้องเอามือแตะหน้าอกข้างซ้ายไว้ เกิดมาเพิ่งเจอคนหล่อเข้าตาก็วันนี้
“ที่นี่คือ... ”
“ไร่ดินเดียว” เขาตอบคำถามห้วนๆ
ร่างหนาขยับลุกจากเก้าอี้ข้างเตียงเมื่อเห็นว่า อาการของเธอไม่น่าเป็นห่วงแล้ว รักร้อยได้โอกาสสำรวจเรือนกายกำยำล่ำบึกนั้นทันที ริมฝีปากอิ่มเต็มสั่นระริก คอแห้งผากกลืนน้ำลายแทบไม่ลง เมื่อเห็นไรขนอ่อนๆ บนแผงอกที่โผล่พ้นกระดุมเม็ดที่สามออกมา
“ฉันชื่อรักร้อยค่ะ ฉันมาพบคุณเอกดนู ” รักร้อยรวบรวมสติที่แตกกระจายราวกับพลุของตัวเองอย่างยากเย็น พยายามบอกเป้าประสงค์ในการมาเยือนครั้งนี้กับชายหนุ่ม
ริมฝีปากหยักหนาแย้มหยันเล็กน้อย ขณะกราดสายตามองใบหน้างามของหญิงสาวที่ทำตาลอยๆ อย่างสมเพช สงสัยหัวคงกระแทกตอนเกิดอุบัติเหตุ เจ้าหล่อนถึงทำท่าเหมือนกำลังเมายากันยุง
“มาทำไม” เขาถามเสียงเรียบจ้องหน้าหญิงสาวนิ่ง ทำเอาคนถูกจ้องแก้มร้อนวูบวาบ สติจะกระจายอีกหน
“ฉันมาตามคุณเอกดนูไปรับมรดกค่ะ”
ตอบแบบนี้คงเข้าท่า กว่าตอบว่ามาตามล่านายเหยินให้กลับไปรับมรดก รักร้อยโปรยยิ้มหวานๆให้ชายหนุ่มที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อ นึกเสียดายหากผู้ชายคนนี้เป็นหลานชายเจ้าสัวเกริก เธอคงเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก ได้สามีหล่อแถมด้วยมรดกมหาศาล แต่มองยังไงไอ้เหยินคงไม่โตขึ้นแล้วกลายมาเป็นหนุ่มหล่อคนนี้ได้ รักร้อยลอบถอนหายใจไว้อาลัยให้กับตัวเองอย่างปลงๆ
“คุณเอกดนูไม่อยู่ เขาไปดูงานที่ต่างประเทศครับ”
คำตอบนั้นทำให้รักร้อยนิ่งงันไปหลายวิ แผนการที่วางไว้ล่มตั้งแต่ยังไม่ได้ใช้ สมองน้อยๆครุ่นคิดหาทางออกให้ตัวเอง เธอมีเวลาเหลืออีกแค่ห้าเดือนกว่าๆ พินัยกรรมได้ระบุว่าหากเอกดนูไม่แต่งงานกับเธอภายในหกเดือนนับตั้งแต่วันเปิดพินัยกรรม มรดกทั้งหมดจะตกเป็นของเตโชทันที
แค่คิดถึงหน้าหลานชายอีกคนของเจ้าสัวเกริก รักร้อยก็รู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมา เตโช หรือเต้ เป็นลูกชายของกรวรรณลูกสาวคนรองของเจ้าสัว เป็นทายาทลำดับที่สองของเจ้าสัว เตโชตามจีบรักร้อยตั้งแต่วันแรกที่พบหน้าเมื่อห้าปีก่อน จนถึงตอนนี้เขายังไม่เลิกรา เขาคอยหาโอกาสใกล้ชิดรักร้อยทุกครั้งที่มีโอกาส และดูแลเอาใจใส่เธอราวกับเจ้าหญิง แต่รักร้อยกลับไม่มีความรู้สึกพิเศษให้เตโชเลย
ชายหนุ่มดูแลกิจการนอกกฏหมายของมหทรัพย์ไพศาลทั้งหมด กิจการที่รักร้อยปฏิเสธไม่ได้ว่ามันสร้างรายได้มหาศาลแต่ก็สร้างปัญหาให้มากมายพอกัน การตายของก้องเกียรติลูกชายคนโตของเจ้าสัวมาจากความขัดแย้งในธุรกิจมืดนี้ รวมถึงการตายของเกียรติชัยและเอื้องผึ้งพ่อแม่ของเอกดนูด้วย นั่นทำให้เอกดนูไม่ยอมกลับไปรับมรดก ตอนนั้นรักร้อยไปเข้าค่ายอาสาที่ต่างจังหวัด กลับมาไม่ทันงานศพจึงพลาดโอกาสพบหน้าคู่แค้น
“เขาจะกลับเมื่อไหร่คะ”
“เดือนหน้าถึงจะกลับครับ บางทีอาจจะเลยไปดูงานต่อ ก็คงจะสองเดือน”
ชายหนุ่มตอบคำถามนั้นพลางลอบสังเกตสีหน้าของคนถาม ก่อนจะยิ้มขำเมื่อหญิงสาวทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เดาได้ว่าเจ้าหล่อนคงผิดหวังอย่างแรง
เหอะ ใครใช้ให้ลากสังขารมาถึงนี่กันล่ะ เจ้าหล่อนน่าจะรู้ว่าเจ้าของไร่ไม่เต็มใจรับมรดก ยังจะมาให้เสียเวลาอีก
“ฉันขออยู่ที่นี่ จนกว่าจะพบเขา” รักร้อยตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ว่าจะรอพบเอกดนูให้ได้
“ผมว่าคุณกลับไปเถอะครับ รอไปคำตอบก็เหมือนเดิม คุณเอกดนูเขาไม่อยากได้มรดก อย่าพยายามยัดเยียดให้เขาเลย เสียเวลาเปล่าๆ ”
คำว่ายัดเหยียดถูกเน้นเสียงจนคนฟังร้อนวูบไปทั้งหน้า ไม่นึกว่าคนหล่อจะชอบจิกกัด รักร้อยเริ่มหวั่นใจ ผู้ชายแมนๆไม่ชอบพูดมาก ยิ่งจิกกัดยิ่งไม่น่าจะชอบทำ
ตายละหวา ... หรือว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นเก้ง!
โอ... ไม่... ไม่นะ พระเจ้าคงไม่โหดร้ายกับหนูร้อยจนเกินไป... ผู้ชายหล่อๆ คนนี้ตรงสเป็คผู้ชายในฝันทุกอย่าง ถึงจำเป็นต้องแต่งงานกับไอ้เหยิน แต่รักร้อยยังวาดฝันว่าจะมีผู้ชายสักคน มาเซ๊งเธอต่อหลังจากหย่ากับเขาแล้ว เธอจะรักษาตัวและหัวใจให้รอดปลอดภัยจากไอ้เหยิน เพื่อกลับมาหาเขาคนนั้น
และผู้ชายที่เธอวาดฝันก็ปรากฏกายอยู่ตรงหน้าแล้ว ไหนๆ ไอ้เหยินก็ไม่กลับมาง่ายๆ ขอใช้เวลาระหว่างรอให้เป็นประโยชน์ด้วยการสอยหัวใจหนุ่มหล่อมาเป็นของกำนัลให้ชีวิตสักหน่อย...
เมื่อเห็นว่าอาการของหญิงสาวไม่หนักหนา เจ้าถิ่นจึงเชิญเธอออกมานั่งที่ระเบียงนอกห้อง ทำให้รักร้อยมีโอกาสได้สำรวจบ้านพักที่เธอถูกนำตัวมารักษา บ้านพักสร้างจากไม้ทั้งหลังตกแต่งคล้ายวิลล่าในรีสอร์ท รอบๆปลูกต้นไม้ดอกไม้ไว้อย่างร่มรื่น สวยและน่าอยู่ ไม่ไกลจากบ้านหลังนี้ มองเห็นบ้านหลังใหญ่สร้างจากไม้สักตกแต่งแบบล้านนา
“คุยกันตั้งนานฉันยังไม่ทราบชื่อคุณเลย” รักร้อยถือโอกาสถามชื่อเสียงเรียงนามชายหนุ่ม
“ที่นี่ใครๆ เรียกผมว่าหนึ่ง” เขาไม่ยอมบอกชื่อจริง
“งั้นฉันขอเรียกว่าคุณหนึ่งนะคะ คุณก็เรียกฉันว่าคุณร้อย หนูร้อย หรือจะน้องร้อยก็ได้ค่ะ เอาตามสะดวก”
รักร้อยนำเสนอชื่อแทนตัวให้เขารับรู้บ้าง แม้อีกฝ่ายจะไม่ถาม แต่เธออยากให้เขาเรียกเธอแบบสนิทสนม เผื่อเขาอยากจะเดินข้ามสะพานเสริมคอนกรีตของเธอ
“ครับคุณร้อย”
เขาเลือกสรรพนามแทนตัวเธออย่างแรก รักร้อยยิ้มหวานรับคำเรียกขานนั้น ทั้งๆที่ใจอยากให้เขาเรียกเธอว่าน้องร้อยมากกว่า น้องร้อยกะพี่หนึ่ง ห่างกันเก้าสิบเก้า แหม... น่าเสียดายเขาน่าจะชื่อสามสิบหนึ่ง จะได้ห่างกันสักหกสิบเก้า รักร้อยแอบขำกับความคิดทะลึ่งๆ ของตัวเองที่ผุดออกมา
“บ้านหลังใหญ่นั้น เป็นบ้านพักของคุณเอกดนู” ชายหนุ่มชวนคุย เมื่อเห็นหญิงสาวเอาแต่จ้องหน้าทำตาวาวๆ เหมือนจะกลืนกินเขา
“แล้วคุณหนึ่งพักที่ไหนคะ”
เขาชะงักกับคำถามนั้น มองคนนั่งตรงข้ามเหวอๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มหวานๆ ตาวิบวาวส่งมาให้ ก็รีบหันหน้าหนีทันที สายตาของเธอทำเอาหนาวๆ ร้อนๆ
“ผมพักที่บ้านใหญ่ คุณเอกดนูกับผมเราเป็นเพื่อนกัน ผมมาช่วยเขาทำงานเลยพักด้วยกัน” ชายหนุ่มร่ายยาวราวกับกลัวรักร้อยจะซักถาม
“แล้วเรือนหลังเล็กนี่ล่ะคะ”
“ปกติ จะใช้เป็นบ้านรับรองแขกครับ” เขาตอบโดยไม่มองหน้า
“แปลว่าปกติก็ไม่มีคนอยู่สิคะ”
“ครับ” เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะหันขวับไปมองคนถามที่ยิ้มกริ่ม รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง
“ถ้างั้น ฉันก็พักที่นี่ได้สิ ฉันก็เป็นแขกนะ” รักร้อยถือโอกาสโมเม หญิงสาวถือคติด้านได้อายอด มัวแต่หน้าบางออมปาก อดแน่ๆ ยังไงเธอต้องอยู่ที่นี่เพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญให้ลุล่วง
“ผมคงให้คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกครับ คุณไปหาที่พักที่โรงแรมในเมืองน่าจะดีกว่านะครับ”
ชายหนุ่มรูปหล่อเอ่ยปากไล่ด้วยถ้อยคำสุภาพ ถึงจะใช้คำพูดฟังดูดียังไงความหมายมันก็ไม่ต่างจากเดิม ใบหน้าของเขาเริ่มมีรอยหงุดหงิดปรากฏขึ้น ขณะมองหน้าหญิงสาวด้วยสายตารำคาญปิดไม่มิด
“ฉันไม่ไป ฉันจะอยู่รอพบคุณเอกดนู”
