บทนำ /5
หอกบันเดริยัสแกว่งไกวไปมา เขาหมุนตัวไปรอบๆ ให้ผู้ชมเห็นก่อนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้ววิ่งเข้าใส่วัวกระทิงหนักครึ่งตันเพื่อปักคมหอกสั้นบนหลังวัวกระทิง เจ้าวัวกระทิงบาดเจ็บเลือดของมันสีแดงข้นรินออกมาตามบาดแผล มาธาดอร์เอนริเก้เดินกลับไปรับอาวุธและอุปกรณ์การล่อวัวจากโมโซ่เดเอสปาด้า4 ด้วยท่วงท่าสง่างามไร้ความกริ่งเกรงใดๆ ใบหน้าคมคายยังคงเชิดขึ้นอย่างถือดีเมื่อตวัดดาบยาวแหลมคมวาววับไว้ข้างหลัง มืออีกข้างคลี่ผ้าสีแดงจนกว้างล่อสายตาวัวกระทิงตัวเขื่อง
เจ้าวัวบาดเจ็บเห็นสีแดงสะดุดตาก็สะบัดข้อเท้าตะกุยดินทำจมูกฟืดฟาดแล้ววิ่งเข้าใส่ผ้าสีแดง มาธาดอร์เอนริเก้เอียงตัวหลบหลีกไม่ให้เขาแหลมคมเกี่ยวแทงลำตัวของเขา ในขณะล่อวัวด้วยผ้าให้มันพุ่งใส่วกไปวนมา เขากลับวาดลวดลายพลิ้วไหวอย่างเชื่องช้าราวกับไม่กริ่งเกรง ไม่กลัวว่าความเชื่องช้าอาจทำให้พลาดท่าเสียทีเจ้าวัวกระทิงที่กำลังโกรธและรู้ชะตากรรมของมัน แม้มันจะพยายามเอาตัวรอดด้วยการพุ่งเข้าใส่ผ้าสีแดงตามสัญชาตญาณ หากแต่สัตว์ไร้สมองอย่างมันก็ต้องจมอยู่กับการถูกล่อลวง เลือดสีข้นรินไหลไม่ขาดสายหยดแล้วหยดเล่าลงสู่พื้นดิน นานเข้ามันก็เริ่มอิดโรย ในขณะที่มาธาดอร์รูปงามหาได้เหนื่อยกายไม่
4 โมโซ่เดเอสปาด้า คือผู้ที่ถืออุปกรณ์ของมาธาดอร์ทุกอย่าง
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มประสานสายตาลุกเรืองรองของเจ้ากระทิงดุ ร่างของเขาเอนโค้งหมุนตัวพลิ้วไหวไปมา หากกระทิงดุตัวนั้นมันฉลาดขึ้นสักนิดเขาก็เพียงแค่ตวัดผ้าแดงหลบฉาก แล้วพุ่งดาบยาวคมกริบใส่มันเป็นเชิงห้าม เอนริเก้ยังไม่ลงคมดาบ ศิลปะการฆ่าวัวกระทิงคือการหลอกล่อจนอ่อนแรง ฝ่ายไหนอ่อนแรงก่อนก็เตรียมใจพ่ายแพ้ไว้ให้ดี มันเป็นความโหดเหี้ยมบนความอ่อนช้อยระหว่างมนุษย์ผู้แสนฉลาดกับสัตว์สี่ขาที่โง่เขลา
ผู้ชมต่างพากันลุ้นตัวโก่งเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เลือดหยดเต็มสนาม วัวกระทิงอ่อนแรงลงไปมาก เมื่อนั้นมาธาดอร์รูปงามก็ปักคมดาบแหลมกริบเข้าตรงหัวใจของมันจนมิด ทีเดียวเท่านั้นที่เขาต้องใช้ความแม่นยำในทุกด้าน วัวกระทิงตัวเขื่องทรุดฮวบลงลมหายใจรวยรินก่อนสิ้นใจอยู่กลางสนาม
“เฮ!!!” เสียงโห่ร้องดีใจและเสียงปรบมือดังกึกก้อง ผู้ชมลุกฮือขึ้นปรบมือให้มาธาดอร์ผู้กล้า มาธาดอร์หนุ่มโค้งตัวลงทำท่าขอบคุณทุกคน
สองสาวสองมุมต่างพุ่งสายตามาให้มาธาดอร์คนเก่ง ไอรีนร่ำร้องอยู่ในใจขอให้สายตาคมกล้านั้นเหลียวแลมาที่เธอ แต่แล้วสาวน้อยก็ต้องผิดหวังเมื่อร่างสูงแสนสมาร์ทถอดหมวกเดินตรงไปยังมุมหนึ่ง ผู้หญิงคนหนึ่งรับหมวกของเขาแล้วยื่นมือบอบบางของเธอให้ เอนริเก้จูบหลังมือขาวๆ นั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและแดงระเรื่อกว่าปกติ
ไอรีนต้องชะโงกมองว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นใคร แล้วเธอก็เห็น...ผู้หญิงคนนั้นคือเจสสิก้า อีวา!
มาธาดอร์รูปงามกลับเข้าสเตเดี้ยม สาวน้อยก็หุนหันลงจากอัศจรรย์เพื่อตามเข้าไป
“เข้าไม่ได้นะครับซินญอริต้า ทางออกอยู่ด้านโน้นครับ” การ์ดคนหนึ่งเข้ามาขวางเมื่อเธอกำลังจะเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของมาธาดอร์
“ฉัน...ไอรีน ซินนิทรี พวกนายไม่รู้จักหรือไง ฉันเป็นลูกสาวของคุณพ่ออเล็กซ์ซานเดอร์ ซินนิทรี มหาเศรษฐีชื่อก้องโลก แล้วก็เป็นญาติกับตระกูลจวนเคราร์จ ทีนี้นายจะให้ฉันเข้าไปหาพี่เอริคได้หรือยัง” สาวน้อยบรรยายสรรพคุณของตนเสร็จสรรพก็จะฝ่าด่านการ์ดร่างยักษ์เข้าไป ทว่า...
“ขอโทษนะครับคุณหนูไอรีน คุณเอริคออกไปแล้วครับ เห็นรีบร้อนออกไปสงสัยมีเรื่องสำคัญ” ไอรีนได้ยินแบบนั้นก็เนื้อเต้น พี่เอริคของเธอต้องไปกับแม่ดาวมหาลัยนั่นแน่นอน
สาวน้อยก้าวฉับๆ พาร่างเล็กแหวกฝูงชนออกไปหวังจะตามให้ทันชายหนุ่ม แต่เธอเห็นเพียงไฟท้ายรถของเขาเท่านั้น หัวใจร้อนรนไม่เป็นสุขเพราะทราบดีภายในรถคันนั้นไม่มีแค่เจ้าของรถ แต่ยังมีสาวสวยดาวเด่นคณะวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังนั่งอยู่ในนั้นด้วย
ก็ไหนที่เธอได้ยินมาว่าเจสสิก้า อีวา มีคู่หมั้นคู่หมายเป็นถึงว่าที่ด็อกเตอร์หนุ่มไงเล่า แล้วไยผู้หญิงคนนั้นยังหนีว่าที่สามีมาควงชายอื่นถึงสเปน แล้วคู่หมั้นหล่อนไปไหนเสีย
ไอรีนรู้ดีว่าเอนริเก้มีใจพิศวาสต่อเจสสิก้าเพียงใด ไม่แปลกที่เขาจะรีบคว้าเธอไปหากสาวเจ้าแอบย่องมาหา แต่เธอทนไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือยที่ชิงหวานใจของเธอไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้ และถึงแม่ดาวมหาวิทยาลัยนั่นจะไร้คู่หมั้น ไอรีนก็แน่ใจว่าเธอจะไม่ยอมปล่อยมือจากหวานใจของเธอแน่
ร่างเล็กสาวเท้านำหน้าบอดี้การ์ดที่คุณพ่อส่งมาดูแลเป็นขบวน ตรงไปยังรถคันโตที่มีความยาวกว่ารถปกติ คุณหนูไฮโซตวัดเรียวขาในกระโปรงสั้นขึ้นไปนั่งแล้วออกคำสั่งเสียงกึ่งกราดเกรี้ยวด้วยความร้อนใจ ขณะที่สายตายังคงสอดส่ายมองหาท้ายรถที่จำขึ้นใจไปตลอดทาง
“ตามรถของพี่เอริคไป เร็วสิ!”
