บทนำ /3
“นายต้องทำใจ” มาร์โก้แนะนำ
“ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวัน ฉันต้องตายแน่ๆ เลยว่ะ” เอนริเก้ยักไหล่
ดูสิพอมาจับคู่ 2 หนุ่ม แทนที่สาวๆ จะเลิกตามวอแวกลับทำตาวาวเหมือนจะเขมือบพวกเขาทั้ง 2 เข้าไปพร้อมกันอย่างนั้น
พระเจ้า!
เมื่อไหร่พวกหล่อนจะรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่อาหารว่าง!!!
“แล้วนี่เราจะไปต่อกันที่ไหนดีล่ะ” เอนริเก้ตั้งใจไว้แล้วว่าหลังจากนี้เขากับมาร์โก้จะไปหาที่นั่งดริ๊งค์กัน
“ฉันมีเวลาแค่วันเดียวว่ะ พรุ่งนี้จะต้องไปพบพ่อเพื่อรับหน้าที่ต่อ นายจะไปไหนก็ไปซะนะ แค่วันนี้วันเดียวแล้ว” มาร์โก้มีนัดกับพ่อทันทีที่รับปริญญา เขาไม่ได้เรียนต่อปริญญาโทอย่างเพื่อนๆ เพราะภาระอันหนักอึ้งที่ต้องรีบแบกรับ แต่เขาไม่เคยบ่นดีเสียอีกที่เป็นคนรับช่วงต่อ ไม่งั้นก็คงจะมีคนจ้องจะฮุบทุกอย่างเสียเอง
“จริงสิ นายรีบกลับไปหาพ่อนี่หว่า ฉันจะต้องเรียนปริญญาโทต่อ ลำพังปริญญาตรีมันก็ได้แค่สาขาเดียว ฉันเลยอยากเรียนสัตวบาลต่อ” เอนริเก้บอกพร้อมกับเกี่ยวคอเพื่อนรักให้เดินไปด้วยกัน ปล่อยให้สาวๆ ยืนกรี๊ดกร๊าดกันต่อไป
“ใช่ สำหรับฉันภาระหน้าที่สำคัญกว่าเรื่องใด” มาร์โก้บอก
“ฉันก็ต้องไปสืบทอดกิจการฟาร์มวัวกระทิงต่อ ฟาร์มวัวกระทิงที่พ่อฉันคิดขึ้น แต่ยังไม่ลงมือทำ ฉันนี่แหละที่จะทำมันขึ้นมาจากสองมือของฉัน” เอนริเก้ไม่หนักใจเรื่องทำฟาร์ม สิ่งที่เขาหนักใจกว่าก็คือการลงคมดาบเพื่อปลิดชีวิตวัวกระทิง
เอนริเก้เห็นการปลิดชีวิตสัตว์ตัวเขื่องแสนดุร้ายนี้มานักต่อนัก กระทั่งเขาเริ่มโตเป็นหนุ่ม บิดาจึงสอนให้เขาจับดาบ สอนให้รู้ศิลปะการสู้วัวกระทิง เขาต้องสู้กับมันจนเหนื่อยกันไปข้างหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะเหนื่อยก่อนมันไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นเขาแหลมๆ ของมันก็คงเสียบทะลุร่างที่ใดที่หนึ่ง ในทางตรงกันข้ามถ้ามันเหนื่อยก่อน คมดาบปลายแหลมก็จะทิ่มแทงเข้าสู่ขั้วหัวใจ นอกจากจะต้องใช้ความอดทน ความว่องไวเป็นเลิศแล้วยังต้องใช้ความแม่นยำเพื่อปลิดชีวิตมันให้ได้ในครั้งเดียว
เอนริเก้ถอนใจ เขาไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำที่อยากแต่จะเห็นหยดเลือดไหลรินไปทั่วร่างหนา ไม่ใช่คนใจอำมหิตที่ชอบมองความอ่อนล้าจากการเสียเลือดมากของสัตว์สี่ขา แต่ในสเปน...การฆ่าวัวกระทิงกลายเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาช้านาน จากบรรพบุรุษมาสู่ลูกหลาน หากแต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไปจิตใจมนุษย์ก็เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ความโหดเหี้ยมอำมหิตที่เป็นเงามืดซุกซ่อนอยู่ในหัวใจของมนุษย์ก็จืดจางลงแทนที่ด้วยความสงสารเห็นใจ
ทว่า...เมื่อบรรพบุรุษหลายยุคหลายสมัยของเอนริเก้เป็นนักฆ่าวัวกระทิงหรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ‘มาธาดอร์’ เขาจำเป็นจะต้องสืบเชื้อสาย ‘มาธาดอร์’ ดำรงไว้ด้วยเกียรติยศและชื่อเสียงที่บรรพบุรุษได้ทำมา
“นายจะต้องเป็นมาธาดอร์ที่เก่งและมีชื่อเสียงมากเอริค ฉันรู้ว่านายสงสารวัวพวกนั้น แต่นายสามารถดำรงทุกอย่างตามที่พ่อ ปู่ ทวดได้ทำมาด้วยการเปลี่ยนแปลง เหมือนที่นายเคยบอกฉันไง” มาร์โก้รู้จักเอนริเก้ดี เพื่อนหนุ่มจะถ่ายทอดความในใจให้ฟังเสมอรวมถึงเรื่องมาธาดอร์นี้ด้วย
เอนริเก้โคลงหัวก่อนยิ้มออก ถึงจะไม่ได้เรียนต่อในสาขาเดียวกัน หรือมาร์โก้จะต้องห่างหายไม่มาให้เห็นหน้าอีกนาน เขาจะจำชื่อเพื่อนรักเพื่อนซี้คนนี้ให้ขึ้นใจ เพราะมาร์โก้ช่างเป็นเพื่อนที่รู้ใจ เข้าใจเขามากที่สุด
“นี่นายกำลังจะบอกฉันว่า ‘ปลงซะเถอะเอริค’ ใช่หรือเปล่า ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ” เอนริเก้หัวเราะร่วนชอบใจ
“เสียงหัวเราะของนายจะดังไปถึงสาวคนนั้นหรือเปล่านะเอริค” มาร์โก้หยุดก้าวขาตัวเองฉับพลัน พลอยทำให้เพื่อนรักต้องหยุดชะงักตาม
“โอ๊ะโอ...เจสสิก้า อีวา สาวสวยในอุดมคติของนายนี่เอริค” มาร์โก้หันไปกระซิบใส่หูเพื่อน เขารู้ดีว่าเอนริเก้สนใจในตัวเจสสิก้ามากแค่ไหน เธอเป็นผู้หญิงสาวสวยเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ เป็นดาวเด่นของคณะวิทยาศาสตร์ เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ มากหน้าหลายตา สวย รวยครบสูตร ใครเล่าจะไม่สนใจ
เอนริเก้หยุดมองสาวงามนามว่าเจสสิก้าด้วยสายตาฉ่ำวาว เธอสวยและเพียบพร้อมเหมาะแก่การเป็นแม่พันธุ์ให้ลูกของเขา ทว่าเขากลับไม่กล้าเข้าใกล้เธอมากกว่า 10 เมตร อาจเป็นเพราะเธอคือผู้หญิงในอุดมคติที่หาได้ยากมากๆ และเขาก็อยากได้จัดจนเอียงอายเก้อเขินทุกครั้งที่เฉียดเข้าใกล้ ถึงเอนริเก้จะเป็นคาสโนว่าฆ่าไม่ตาย แต่คาสโนว่าอย่างเขาก็มีมุมขี้อายนี้เหมือนกัน
“นั่นหล่อนมากับใคร” มาร์โก้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อเพิ่งมองผู้ชายคนที่เดินเคียงคู่กับเธอ ผู้ชายคนนั้นตัวสูงกว่าเธอมากแต่หนาน้อยกว่าเขา ร่างสูงเพรียว ผิวขาวเหมาะกับหุ่นของนายแพทย์ในโรงพยาบาลใดโรงพยาบาลหนึ่ง
“ฉันไม่รู้จักชื่อ แต่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นมีดีกรีเป็นถึงดอกเตอร์ อายุอานามก็มากกว่าพวกเราหลายปี เคยได้ยินคนพูดกันว่านั่นน่ะสามีในอนาคตของหล่อน” เอนริเก้บอกเพื่อน แน่นอนเขารู้เรื่องของเจสสิก้าทุกอย่าง จากความสนใจและใส่ใจทุกเรื่องราวของเธอ รวมถึงเรื่องที่สาวเจ้ามีเจ้าของแล้ว
“อย่าคิดมากน่าเพื่อนรัก ผู้หญิงไม่ได้มีแค่คนเดียวซะหน่อย ยี่ห้อเอนริเก้ จวนเคราร์จ หาผู้หญิงสวยกว่านี้ ดีกว่านี้ได้ถมไป นั่นไงมาโน่นแล้ว” มาร์โก้พยักเพยิดไปยังร่างเล็กบางอรชรอ้อนแอ้นในชุดนักศึกษาที่กำลังซอยเท้าเข้ามาหาพร้อมดอกไม้ช่อโต
