บท
ตั้งค่า

บทที่6.จีบได้ไหม

ร่างเพรียวในชุดกางกางขาสามส่วนกับเสื้อยืดสบายๆ เอกเขนกอยู่บนเก้าอี้หวาย บริเวณด้านหลังของบ้านมีแปลงผักเล็กๆ หลายชนิดหลายแปลง เจ้าของบ้านตบแต่งอย่างพอเหมาะให้มีที่นั่งพักผ่อนอ่านหนังสือหรือดื่มกาแฟ บ้านสองชั้นกึ่งปูนกึ่งไม้ปลูกอยู่บนพื้นที่ 70 ตารางวามานานกว่าสี่สิบปี เป็นบ้านที่เป็นมรดกตกทอดมาถึงคุณรดา หรือคุณครูรดาของใครหลายคน รวมทั้งเป็นป้าของลักษณ์ณาราอีกด้วย

“เห็นอยู่ว่าป้ากำลังทำแปลงผักใหม่ก็ไม่คิดจะมาช่วยกันหน่อยหรือยัยหนิง” น้ำเสียงแบบฉบับคุณครูฝ่ายปกครองที่แม้จะเกษียณอายุราชการมาหลายปีแล้วก็ตาม

“ก็เห็นไงคะ แต่คิดว่าป้าอยากออกกำลังกายมากกว่าเลยไม่เข้าไปช่วย” ลักษณ์ณาราวางเอกสารที่นอนอ่านลงข้างตัว ร่างเพรียวลุกขึ้นบิดตัวไปมาก่อนจะเดินไปนั่งย่องๆ ข้างผู้เป็นป้าที่เลี้ยงดูเธอมาประดุจลูกแท้ๆ คนหนึ่ง

“ก็เลยต้องให้ฉันออกปากเรียกเลยซินะ ถึงยอมเสด็จลงมาได้”

“เสด็จป้าก็พูดเกินงามไปนะเพคะ” ดารัณนึกสนุกต่อปากต่อคำด้วย เธอช่วยผู้เป็นป้าเด็ดผักกาดหอมขึ้นมาจากแปลงปลูก “วันนี้ทำอะไรกินคะคุณป้า”

“มาขอกินนี่พูดเพราะเชียวนะ” คุณรดาส่ายหน้าไปมาแต่ก็ชินกับนิสัยหลานสาวที่ไม่เอางานครัวเลยสักอย่าง ยกเว้นล้างจาน “แล้วนี่ไม่เข้าไปดูร้านหรือไงยะ”

“ให้หนูนาเฝ้าร้านแทนค่ะ หนิงกำลังทำโปรเจคให้ลูกค้าอยู่”

“ทิ้งร้านให้หนูนาดูแลคนเดียวมันจะไม่ดีเอานะ”

“หนิงก็ว่าจะหาคนมาช่วยดูร้านเพิ่มสักคนอยู่ค่ะ ป้ามีใครจะแนะนำไหมคะ?” ลักษณ์ณาราถามเพราะเชื่อใจว่าคุณป้าสกรีนคนทำงานได้เก่งกว่าเธอหลายสิบเท่า

“เดี๋ยวป้าจะดูให้แล้วกัน”

“ขอบคุณค่ะ”

ลักษณ์ณารายิ้มทำหน้าทะเล้น เธอมักยิ้มแบบนี้เสมอให้คนรอบข้างมีเสียงหัวเราะ ร้านพรรณนาที่เธอก่อร่างสร้างขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน คุณป้าก็เป็นคนช่วยออกทุนให้ เธอชอบค้าขายมันได้หยิบจับเงินทุกวันดี เธอหารายได้พิเศษตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย ขายของตลาดนัดหรือถนนคนเดิน หาของเก๋ๆ สไตล์เดียวกันมาให้ลูกค้าเลือก จนเมื่อเรียนมหาวิทยาลัยเธอก็เลือกเรียนสายบริหาร และเมื่อเธอแน่ใจในสิ่งที่ชอบ ร้านพรรณนาก็เริ่มขึ้นจากร้านค้าออนไลน์จนมีหน้าร้านในปัจจุบันด้วยเงินลงทุนของคุณรดา ผู้เป็นป้าและญาติคนเดียวที่เธอเหลืออยู่

“หนูทำงาน หนูเครียด หนูหิว” ลักษณ์ณาราทำเสียงออดอ้อน “เมื่อเช้าได้กลิ่นแกงเขียวหวานใช่ไหมคะ”

ยังไม่ทันทีที่เธอจะอ้อนคุณป้าต่อก็ได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้าน หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วก้าวเร็วๆ มาที่ประตูรั้ว ร่างหญิงร่างท้วมหน้าตาบูดบึ้งเหมือนข้าวเน่าคาหม้อยืนอยู่พร้อมจูงแขนเด็กชายวัยสิบขวบที่เนื้อตัวมอมแมม

“อ่ะ! เอาไอ้บอยมาส่ง” หญิงร่างอ้วนแทบจะผลักไสเด็กชายเข้ามาในบ้านของลักษณ์ณารา เธอเพียงแค่ยื่นมือไปประคองไหล่เด็กชายไว้ก่อน ร่างผอมบางเหมือนก้านไม้ขีด

“คืนนี้ไปขายของตลาดโต้รุ่งนะ”

“ค่ะ หนูจะดูแลน้องบอยเองค่ะ”

“เออ ไปล่ะ”

หญิงร่างอ้วนเดินเดินจากไปแล้ว ลักษณ์ณาราถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะส่งยิ้มให้เด็กชายแล้วพาเดินเข้ามาในบ้าน เด็กชายบอยไม่ใช่เด็กคนแรกที่ป้ารดาหรือครูรดาที่ชาวบ้านเรียกกันนั้นช่วยดูแลสอนหนังสือช่วงที่ผู้ปกครองต้องไปทำมาหากิน เขาเด็กเกินกว่าจะไปนั่งอดตาหลับขับตานอนในตลาดโต้รุ่งครูรดาจึงอาสาดูแลเด็กๆ ให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

“กินอะไรมาหรือยังละบอย” คุณรดาเอ่ยถาม แม้น้ำเสียงจะเข้มแต่แววตาอ่อนโยน

“ยังครับ”

“กินข้าวก่อนแล้วค่อยกินขนมแล้วกันนะ”

“ครับ”

“อ้าว! ทีหนูหิวป้ายังไม่บอกให้หนูไปหาอะไรกินเลย”

“อายุเท่าไหร่แล้ว ยังจะมาอิจฉาเด็กอีก” คุณรดาส่ายหน้า “มาเก็บผักไปล้างแล้วเข้าครัวไปหาอะไรให้น้องบอยกินไป”

“ค่ะคุณหญิงป้า”

ลักษณ์ณาราทำหน้าทะเล้น แล้วหันไปมองเด็กชายบอยที่หัวเราะคิกคัก หลายเดือนก่อนหน้านี้เด็กชายแทบไม่เคยมีรอยยิ้ม และก็พูดจาไม่เพราะ แต่เดี๋ยวนี้เขาพูด ‘ครับ’ ทุกครั้ง และสุภาพมากขึ้น เธอยกตะกร้าผักที่คุณรดาเด็ดใส่ไว้แล้วเดินจูงแขนเด็กน้อยเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นหยิบชามใส่แกงเขียวหวานออกมาอุ่น และเตรียมผักต่างๆ สำหรับการกินขนมจีนแกงเขียวหวาน เสียงกริ่งหน้าบ้านดังอีกครั้ง ลักษณ์ณาราให้เด็กชายตัวน้อยวิ่งไปดู และเป็นไปตามที่เธอคิด เด็กๆ วัยเดียวกับบอยอีกสามสี่คนทยอยเข้ามาในบ้าน

“วันนี้มีขนมจีนแกงเขียวหวานไก่นะจ๊ะ หรือใครอยากจะกินข้าวราดแกงเขียวหวานก็ได้จ๊ะ” ลักษณ์ณาราบอกเด็กๆ ให้ช่วยกันหยิบจานกับช้อนของตัวเอง

“วันนี้ไม่มีของกินอร่อยๆ เหมือนวันก่อนโน้นหรือฮะ” เด็กชายอีกคนเอ่ยขึ้น

“วันก่อน?”

ลักษณ์ณาราทำหน้างงก่อนจะหัวเราะออกมา หลายวันก่อนเธอทานอาหารกับการ์เร็ต และได้อาหารหรูใส่กล่องกลับบ้านมาฝากเด็กๆ แม้จะเป็นอาหารที่เหลือจากโรงแรมแต่มันเลิศหรูเสียจนเด็กๆ ตาลุกวาว โดยเฉพาะเค้กเนื้อนุ่มที่ทำเอาเด็กๆ ถึงกับทำตาหวานเมื่อได้กินคนละคำสองคำ

“อย่าพูดให้คุณป้ารดาได้ยินเชียว เดี๋ยวน้อยใจไม่ทำของอร่อยให้กินนะ”

“ของคุณป้ารดาอร่อยที่สุดค่ะ” เด็กหญิงคนหนึ่งรีบบอก “คุณป้าทำอะไรก็อร่อย”

“ไม่เหมือนพี่หนิง แค่ไข่เจียวยังไม่เป็นแผ่นเลย” เด็กชายบอยพูดขึ้นบ้างเรียกเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ

“ใครบอก วันนั้นพี่ตั้งใจทำให้ไข่เจียวมันร่วนๆ แบบนั้นต่างหากล่ะ” เธอรีบกลบเกลื่อน แต่ก็จริงล่ะ เพราะเธอกลัวไข่เจียวไม่สุก เลยพลิกกลับไปกลับมา มันก็เลยไม่เป็นแพสวยๆ เหมือนของคุณป้ารดา

“เอาพอๆ มาพร้อมหน้าแล้วก็กินข้าวเสียก่อน” คุณรดาเดินตามเข้ามาในครัวแล้วห้ามทัพก่อนที่จะเถียงกันไปมาจนไม่ได้ทานอาหารเสียที “วันนี้ป้าจะสอนภาษาอังกฤษต่อจากเมื่อวาน”

“ครับ/ค่ะ” เด็กๆ ตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน จัดการ

เสียงโทรศัพท์มือถือของลักษณ์ณาราดังขึ้น เธอขอตัวเดินเลี่ยงมารับโทรศัพท์โดยการเดินไปที่ชั้นสองของบ้านตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง

“เป็นไงบ้าง”

“จะให้เป็นยังไงล่ะ” ลักษณ์ณาราหัวเราะ “แล้วมิ้นต์ล่ะ ตกลงได้ที่เที่ยวหรือยัง”

“เรื่องนั้นไม่ต้องมาห่วงมิ้นต์หรอกจ๊ะ” ดารัณหัวเราะ “ไปพบคุณการ์เร็ตแล้วไม่เห็นเล่าอะไรให้มิ้นต์ฟังเลยนะ”

“ก็มันไม่มีอะไร” ลักษณ์ณาราทิ้งตัวลงบนเตียงนอน นึกถึงดวงตาสีเขียวเข้มของเขา “คุยงานกัน แล้วเขาก็ให้หนิงเสนอโปรเจคไปนะ ถ้าเขาโอเคจะให้หนิงเป็นที่ปรึกษา”

“ดีแล้ว มิ้นต์เอาใจช่วยนะ หนิงเป็นคนเก่งเราเชื่อว่าหนิงทำได้”

“ขอบใจจ๊ะ”

“แล้วไม่มีอะไรอย่างอื่นเหรอ แบบ เอ่อ..เขา...เขาจีบหนิงไหม?”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel