บทที่5.มาถึงจุดที่อยากจูบผู้หญิงประหลาดคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
จูบ! ให้ตายเถอะ เขามาถึงจุดที่อยากจูบผู้หญิงประหลาดคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“โอเคค่ะ หนิงขอเวลาสักสิบวันแล้วจะเสนอแผนงานให้คุณนะคะ” เธอเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นเขาสะดุ้งก็อดแปลกใจไม่ได้จนต้องเอ่ยปากถาม “มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่าครับ” เขาเรียกสติกลับมาแล้วเก๊กหน้าขรึมก่อนจะหยิบนามบัตรส่งให้ “ถ้าต้องการข้อมูลอะไรโทรหาผมได้ตลอดครับ”
“ว้าว!” ลักษณ์ณารารับนามบัตรเรียบหรูของเขามาพลิกอ่าน “ให้หนิงติดต่อกับคุณได้โดยตรงเลยหรือคะ”
“ทำไมละครับคุยกับผมน่าจะดีที่สุดพเพราะผมเป็นเจ้าของเงินทุน”
“หนิงเข้าใจว่างานคุณการ์เร็ตน่าจะยุ่ง หนิงขอข้อมูลกับเลขาฯ ของคุณก็ได้ค่ะ”
“ไม่ครับ ผมอยากให้ความต้องการของเราตรงกัน คุณคุยกับผมโดยตรงดีที่สุด”
นี่เราคุยกันเรื่องงานจริงๆ ใช่ไหม? ลักษณ์ณาราตั้งคำถามในใจแต่ก็ยิ้มด้วยสีหน้าปกติ คงทำแบบนี้กับผู้หญิงบ่อยละซิ มิน่าล่ะดารัณถึงไม่อยากมาคุยงานกับเขา แต่ดารัณก็คงเหมือนเดิมคือคือไม่อยากเสียมารยาท เพราะการ์เร็ตเองก็เป็นผู้บริจาคเงินรายใหญ่ให้การสนับสนุนการสร้างโรงพยาบาลเด็กที่ดารัณดูแลอยู่ด้วย แต่เรื่องนี้มันเรื่องงานไม่เกี่ยวกับงานการกุศลใดๆ คนอย่างการ์เร็ต แบล็ค คงแยกออกว่าอะไรเป็นอะไร แล้วที่สำคัญ...เธอก็ไม่มีอะไรจะเสียด้วย
“ถ้าอย่างนั้นหนิงควรโทรหาคุณตอนไหนได้บ้างคะ”
“ตอนที่คุณมีปัญหาหรืออยากคุยกับผมก็ได้”
“ใจดีจังค่ะ” นั่นไง! หว่านได้เป็นหว่าน คงมีเป็นถุงเป็นถังละซิไอ้เสน่ห์เนี้ย หลงตัวเองเสียเต็มประดาว่าใครต่อใครหลวมตัวกับถ้อยคำหรือรอยยิ้มทีเล่นทีจริงแบบนี้ คิดว่าเสน่ห์เล่ห์กลนิดๆ หน่อยๆ แค่นี้จะทำให้เธอเคลิ้มได้เรอะ!
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องขอรบกวนนะคะ”
“ด้วยความยินดีครับ”
“หนิงได้การบ้านแล้ว ขอตัวกลับไปทำงานมาส่งคุณการ์เร็ตก็แล้วกันค่ะ”
“คุณหนิงมีธุระที่อื่นต่อหรือครับ” เขาถามขณะเห็นเธอเก็บทุกอย่างลงในย่ามใบสวยของเธอ
“ตอนมาไม่มีค่ะ แต่ตอนนี้คิดว่ามีแล้ว” คำพูดกวนๆ ของเธอเรียกรอยยิ้มของเขา “กลับไปทำงานมาเสนอคุณไงคะ”
“โอ้ว! อย่าทำให้ผมรู้สึกผิดเลยครับ” เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินมายืนพิงขอบโต๊ะ “งั้นผมจะช่วยให้งานของคุณง่ายขึ้นก็แล้วกัน”
“ยังไงคะ?”
“ผมจะพาทัวร์โรงแรมบลูไดมอน”
ลักษณ์ณารามองเสี้ยวหน้าของคนพูดอย่างไม่แน่ใจในอารมณ์ของเขานัก แต่จะบอกเขาว่าเธอมาโรงแรมของเขาบ่อยอยู่แล้ว ก็เกรงว่าเขาจะเข้าใจผิด อาจต้องอธิบายกันยืดยาวหรืออาจจะทำให้เขาคิดว่าเธอกำลังโอ้อวดว่าสินค้าของร้านของเธอดีเยี่ยมขนาดไหน เพราะโรงแรมนี้ได้รับการไว้วางใจให้จัดประชุมใหญ่ๆ และก็มีบ้างงานที่สั่งซื้อของที่ระลึกกับร้านของเธอทั้งถุงผ้า กระเป๋าเอกสารหรือแม้แต่ชาชงสมุนไพร แน่นอนว่าอะไรที่เกี่ยวกับสินค้าโอท็อปเธอเหมาจองไปหมดนั้นแหละ ชายหนุ่มร่างสูงไม่รอคำตอบ เขาหยิบเสื้อนอกมาสวมนับเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่แล้วเผยมือเป็นทีเชิญให้หญิงสาวเดินตามเขาออกไป
การ์เร็ตหยุดที่โต๊ะทำงานของเลขาฯ หน้าห้อง เขาสั่งงานสองสามรายการก่อนจบท้ายด้วยประโยคที่ลักษณ์ณาราแอบขมวดคิ้ว
“ผมไม่เข้าออฟฟิศแล้ว ถ้าไม่ด่วนก็ไม่ต้องโทรเข้ามาล่ะ”
“รับทราบค่ะบอส”
การ์เร็ตหันไปพยักหน้าให้ลักษณ์ณารา หญิงสาวสะพายย่ามแล้วเดินขึ้นไปเคียงข้างเขา เธอเป็นผู้หญิงตัวสูง แต่ไหนแตไรก็มักจะถูกเพื่อนผู้ชายล้ออยู่บ่อยๆ และเป็นเหตุให้เธอลงมือลงไม้วิวาทกับเพื่อนร่วมห้องอยู่บ่อยไป ก็จะมีแต่ดารัณนั้นแหละที่คอยปฐมพยาบาลให้เธอเกือบทุกครั้งไป แต่พอได้มายืนข้างกันอย่างนี้แล้ว เธอกลับรู้สึกดีที่ความสูงของเธอทำให้เธอยืนข้างเขาได้พอเหมาะพอดี ไม่ดูเป็นเด็กแคระไป
เอ๊ะ! แล้วทำไมเธอต้องอยากให้มันดูพอดีด้วยเล่า
“ความจริงคุณคงทำการบ้านมาบ้างแล้ว ไม่ต้องอธิบายอะไรมากก็ได้ เพียงแค่อยากให้คุณเข้าใจ จุดเด่นของโรงแรมเรา ความประทับใจ อยากจะเป็นชื่อแรกที่พวกเขาคิดถึงเมื่อมาที่นี่”
“ค่ะ” ลักษณ์ณารารับฟังและรักษาระยะห่าง แน่นอนว่าผู้มาพักส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักและหลายคนมาแบบยกครอบครัว และรวมไปถึงคนที่มาประชุมสัมมนาด้วย
“บางกรุ๊ปมาสัมมนาธุรกิจ กลุ่มนี้จะมีความเครียดสูง เราเองก็อยากจะหาจุดเสริมมาบริการคนกลุ่มนี้ เพราะบางคนมาเพื่อทำงานไม่มีเวลาได้พักผ่อน ผมคิดว่าคอร์สนวดคลายเครียด 1-2 ชั่วโมงน่าจะเหมาะ “
“แต่บางท่านก็จะพาภรรยามาด้วย เราก็ควรมีคอร์สสำหรับคุณผู้หญิงเป็นคอร์สบำรุงผิวหน้าหรือผิวกายด้วยก็จะยิ่งดี”
การ์เร็ตเหลือบตามอง เขาชอบความคิดของเธอซึ่งเขาก็คิดเช่นนั้น แต่ถ้าจะกล่าวชมก็กลัวว่าเธอจะเหลิงกับคำชมของเขา
“ผมคิดว่าเราควรมีกิจกรรมหรือคอร์สพิเศษปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ”
“ค่ะ” เธอรับฟังแม้ไม่ได้จดแต่ก็จำทุกรายละเอียด เขาพาเธอเดินดูจุดสำคัญๆ ของโรงแรมและอธิบายหลายๆ อย่าง
“ถ้างานที่นี่ราบรื่นไปด้วยดี หุ้นส่วนผมเขาก็สนใจจะเปิดสปาไทยที่อังกฤษ”
“ค่ะ”
เป็นการรับคำที่ค่อนข้างหนักแน่น ถึงเธอจะไม่ชอบหน้าเขา เอ่อไม่ซิ ไม่ชอบนิสัยมือที่สามของเขา แต่เรื่องงานเธอลุยแน่ หากเธอจะไม่ได้ทำงานโปรเจคนี้ก็ไม่เป็นไร แต่เธอจะเสียใจถ้าถอดใจยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่สู้ เธอแอบยกข้อมือดูนาฬิกาแต่มันก็ไม่อาจหลบสายตาคบกริบของเขาได้
“คุณมีธุระที่อื่นหรือ”
ลักษณ์ณาราส่ายหน้า “ก็บอกไปแล้วนี่คะว่าไม่มี”
“เห็นคุณดูเวลา”
“ฉันแค่เกรงใจคุณต่างหาก”
“ถ้าเกรงใจผม นั่งทานอาหารเป็นเพื่อนหน่อยก็แล้วกัน”
“เอ่อ...ได้ค่ะ” ลักษณ์ณาราออกจะแปลกใจ บางทีเขาก็ทำเหมือนจะรุก บางทีเขาก็ทำเหมือนตัวเองเป็นเจ้านาย และบางทีก็มีรอยผ่อนคลายให้ได้เห็น ยังไงเขาก็คือผู้ชายที่เธอต้องระวังตัวอยู่ดี
“ถ้าคุณไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไรนะครับ”
“มีคนเสนอเป็นเจ้ามือจะพลาดได้หรือคะ” หญิงสาวยิ้มทะเล้น “ฉันแพ้อาหารทะเล นอกนั้นคุณสั่งมาได้เลยค่ะ”
การ์เร็ตพาลักษณ์ณาราเข้าไปนั่งในมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ออกจะแปลกใจที่เอ่ยปากชวนผู้หญิงคนนี้มาทานอาหารด้วย อาจเพราะการพูดจาตรงไปตรงมาและสีหน้าที่ไม่ซ่อนเล่ห์กลใดทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย แต่ก็นั้นแหละ ผู้หญิงมีมารยาร้อยเล่มเกวียน จะให้เชื่อใจว่าเป็น ‘คนดี’ ก็คงจะยากสักหน่อย เขาจัดการสั่งอาหารให้อย่างรวดเร็วและเรียกไวน์แดงสำหรับตนเอง
“สักหน่อยไหมครับ”
“ดื่มตอนนี้เห็นท่าจะแย่” เธอยิ้มและเพลิดเพลินกับสารพัดอาหารที่เขาสั่งมาให้ “เห็นแบบนี้ฉันคออ่อนนะคะ”
“ผมขับรถไปส่งก็ได้”
เขายิ้มเจ้าเล่ห์แต่ลักษณ์ณาราหัวเราะเบาๆ ดูเธอกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ผิดกับผู้หญิงหลายๆ คนที่เขาเคยร่วมโต๊ะอาหารด้วย แต่ละคนกินเหมือนแมวดม กลัวอ้วนจนทำให้เขาพลอยไม่อยากอาหารไปด้วย แต่กับลักษณ์ณาราแล้ว เธอกลับไม่ลังเลที่จะกินอะไรบนโต๊ะเลย แม้กระทั่งขนมเค้กที่เขาสั่งให้เธอด้วย
“ไม่เป็นไรค่ะ” ลักษณ์ณาราปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม “ว่าแต่คุณชวนฉันทานข้าวแต่ตัวเองกินนิดเดียวเอง แล้วจะมีแรง...หรือคะ”
เขาเลิกคิ้วกับคำพูดเว้นวรรคของอีกฝ่าย แต่คนพูดยังลอยหน้าลอยตาเหมือนไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไร
“อาหารเหลือตั้งหลายอย่าง ถ้าคุณไม่ว่าอะไรให้คนห่อกลับบ้านให้ฉันนะ”
คราวนี้การ์เร็ตถึงกับสำลักไวน์ แต่อีกฝ่ายยังคงยิ้มและเหมือนไม่ได้พูดอะไรผิดหู เพิ่งจะชมเธอในใจไปแต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกว่าเธอเพี้ยนๆ ทำไมผู้หญิงเรียบร้อยอย่างคุณดารัณถึงมีเพื่อนนิสัยประหลาดๆ แบบนี้ได้นะ แถมเป็นเพื่อนรักเสียด้วยซิ หรือลักษณ์ณาราเป็นฝ่ายตีสนิทกับดารัณเสียเองเพราะอยากใช้ความมีหน้าตาในสังคมของดารัณสนับสนุนงานของตัวเอง
เอาเถอะ เดี๋ยวแผนงานออกมาก็คงจะได้รู้กันว่าเธอคนนี้จะทำได้ดีขนาดไหน.
