บทที่7. อย่าผยองไปพ่อหมาป่า
คราวนี้ลักษณ์ณาราหัวเราะลั่น “ตานั่นจะมาจีบหนิงทำไม เขาทำหน้าแหยจะตายที่เห็นหนิงเข้าไปพบเขานะ แล้วหนิงก็ไม่ใช่สเปกเขาด้วย”
“รู้ได้ไหมว่าหนิงไม่ใช่สเปกเขานะ” ดารัณหัวเราะน้อยๆ “หนิงก็สวยนะ ผู้ชายที่ไหนจะไม่หวั่นไหว”
“โอ๊ย! เยอะแยะไป ผู้ชายชอบผู้หญิงตัวเล็กๆ น่ารักน่าพกพามากกว่าผู้หญิงตัวสูงเหมือนหนิง”
“ถ้าหนิงต้องไปเจอเขาอีกก็ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“จะให้หนิงเป็นอะไรล่ะ ยังไงก็ต้องเอางานไปให้เขาดูอยู่ดี นี่เขาให้เวลาสิบวันนะ หนิงยังทำได้ไม่ถึงไหนเลย”
ลักษณ์ณาราหมายถึงธุรกิจสปาที่เขาปล่อยให้เธอเขียนแผนงานไปนำเสนอ สามวันที่ผ่านมา เธอพลิกตำราแทบทุกเล่มที่ร่ำเรียนมาเพื่องานนี้ เธออยากให้เขาเห็นความสามารถของเธอ อย่างน้อยก็เอา ‘งาน’ ไปตบหน้าเขา เขาจะได้ไม่มองเธอเหมือนที่มาเล่นขายของต่อหน้าเขา
“ตอนนี้หนิงว่างไหม?” ดารัณถามอย่างเกรงใจ
“ว่างซิ มีอะไรล่ะจ๊ะ หนิงไม่ได้เข้าร้านอยู่บ้านเขียนโปรเจคอยู่”
“สมาคมไวน์ไทยจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ เงินรายได้ส่วนหนึ่งจะบริจาคสร้างโรงพยาบาลเด็ก มิ้นต์ไม่สะดวกไปก็เลยอยากรบกวนหนิงไปแทน หนิงจะสะดวกไหมจ๊ะ”
“ได้ซิ ไม่มีปัญหาอะไรนี่” แล้วก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ดารัณให้เธอไปออกหน้าหรืออกงานแทน “มีอะไรที่หนิงต้องรู้ไหม?”
“เอ่อ...ความจริงงานนี้คุณการ์เร็ตส่งบัตรเชิญมาให้มิ้นต์ค่ะ”
“อ้อ!”
“มิ้นต์ไม่อยากให้พี่ธันวาเข้าใจผิด แต่ก็ไม่อยากให้เสียงานเพราะเขาช่วยหาทุนมาสร้างโรงพยาบาล”
“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้หนิงจัดการให้เอง”
“ขอบใจหนิงมากๆ เลยนะ ไม่มีหนิงมิ้นต์ต้องแย่แน่ๆ”
“พูดเหมือนเรื่องใหญ่เรื่องโต” ลักษณ์ณาราหัวเราะ “โอเค ส่งรายละเอียดให้หนิงทางไลน์ด้วยนะ หนิงจะไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน”
“จ๊ะ ขอบใจนะ”
“จ้า”
ลักษณ์ณาราตัดสัญญาณ ไม่กี่นาทีต่อมาเพื่อนสาวก็ส่งไลน์รายละเอียดของงานมาให้ ลักษณ์ณาราอ่านไปพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า เลือกค้นหาชุดสวยที่ต้องใส่ออกงาน ใบหน้าหวานเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัว
“เดี๋ยวได้เจอกันอีกแล้วนะคุณการ์เร็ต แบล็ค”
ชายหนุ่มเจ้าของความสูง 190 เซนติเมตรในชุดสูธเรียบหรูสีบรอนเทาขับเน้นให้การ์เร็ต แบล็ค ถูกจับตามองมากยิ่งขึ้น ดวงตาสีเขียวกวาดตามองไปรอบๆ งานเลี้ยงสังสรรค์ของสมาคมไวน์ไทย เขาทักทายพูดคุยกับเจ้าของผลิตภัณฑ์หลายราย แน่นอนว่าแต่ละคนต้องการให้โรงแรมของเขาซื้อไวน์ของตน การ์เร็ตพูดคุยตามมารยาทแต่สายตามองหาคนที่ต้องการพบตัว แล้วน้ำเสียงและลักษณะการพูดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็เรียกสายตาของเขาได้
“หนิงคออ่อนค่ะ อย่าให้หนิงชิมไวน์เยอะนักเลย”
“แหม! คุณหนิงก็ทำเป็นพูดเล่นไป มีไวน์ดีๆ ถ้าคุณหนิงพลาดไปเสียดายแย่”
หญิงสาวกัดฟันยิ้ม ทั้งที่พยายามปฏิเสธแต่ก็ถูกยื่นแก้วไวน์ส่งให้ เธอแกว่งเบาๆ แล้วยกขึ้นดมกลิ่นหอมหวานก่อนจะดื่มไปอึกใหญ่ แล้วฝืนยิ้มหวานที่สุดเท่าที่คิดว่าตัวเองจะทำได้ แต่หน้าตาปุเลี่ยนๆนั้นทำให้การ์เร็ตถึงกับกลั้นหัวเราะเลยทีเดียว เขาก้าวยาวๆ เข้าไปแล้วแตะข้อศอกเธอเบาๆ แล้วยิ้มให้อย่างมีมารยาท
“สวัสดีค่ะคุณการ์เร็ต” ลักษณ์ณารากล่าวทักทาย
“สวัสดีครับคุณลักษณ์ณารา ไม่คิดว่าเราจะได้เจอกันที่นี่” การ์เร็ตกลั้นหัวเราะจนมุมปากของเขาเป็นรอยยิ้มเยาะ
“ประหลาดใจจริงๆ เลยค่ะ” ลักษณ์ณาราเห็นแล้วกัดฟันยิ้มตอบ
“อย่างนั้นเองหรือครับ”
เขายังคงท่าทีสุภาพทั้งที่ในใจเขารู้ดีทุกอย่าง แน่นอนว่าเขาคาดหวังว่าจะได้เจอลักษณ์ณาราที่นี่ การส่งบัตรเชิญไปให้ดารัณเป็นจุดที่เขาต้องการท้าทายลักษณ์ณารา อยากรู้นักผู้หญิงคนนี้จะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรสักเท่าไหร่ โธ่! แม่หนูน้อย! คิดจะหยอกเล่นกับหมาป่าอย่างเขานะหรือ? น้อยไปซะล่ะ
“ดิฉันมาเป็นตัวแทนของดารัณค่ะ” ลักษณ์ณาราอธิบายและรักษาระยะห่างไม่อยากให้ดูสนิทกันมากเกินไป เขาคงเสียดายที่ไม่ได้เจอดารัณ เป็น CEO แบบไหนกัน วันๆ คิดแผนปีนต้นงิ้วอย่างเดียวหรือไงนะ
“ผมอยากยืมตัวคุณลักษณ์ณาราสักครู่นะครับ พอดีเรามีธุระเรื่องงานที่ต้องเจรจากันนิดหน่อย”
การ์เร็ตหันไปบอกกับคนอื่นๆ ทุกคนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจแล้วถอยห่าง เปิดทางให้ทั้งคู่ มือใหญ่แตะไหล่เปลือยเปล่าเป็นเชิงให้เธอเดินไปพร้อมกับเขา เพราะความสูงของเขาที่ต่างกับเธอทำให้เมื่อมองจากด้านบนอย่างนี้ ทำให้เห็นลำคอระหงได้ชัดเจน คืนนี้ลักษณ์ณาราเกล้าผมขึ้นอย่างง่ายๆ เปิดต้นคอสวยรับกับสร้อยไข่มุกที่สวมอยู่ และต่างหูไข่มุกเข้าชุดกัน ชุดเดรสเกาะอกสีเขียวมรกตทำให้เธอดูงดงามเหมือนอัญมณี เธอสวมชุดเดรสได้สวยขับเน้นผิวสีน้ำผึ้ง แม้มันจะเป็นเดรสเกาะอกแต่เธอกลับดูสง่างาม แล้วการ์เร็ตก็ชะงักไปเล็กน้อย สีเขียว? เธอคงไม่ได้เลือกชุดสีเขียวเพราะมันเข้ากับสีเดียวกับดวงตาของเขาใช่ไหม? ถ้าเป็นจริงแสดงว่าเธอรู้ตัวว่าวันนี้ต้องเจอเขา
“จะถามความคืบหน้าของงานหรือคะ”
ลักษณ์ณาราชิงถามขึ้นมาก่อน แต่ก็ยอมรับว่าการที่เขาพาเธอเดินออกมารับลมด้านนอกงานเลี้ยงทำให้เธอผ่อนคลายลงไปมาก แม้จะมางานเลี้ยงหรือออกงานสังคมบ่อยๆ แต่ก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก ที่ทำไปก็เพราะงานของตัวเองและช่วยงานของเพื่อนรักด้วย
“ผมอยากโกหกว่าใช่ แต่จริงๆ แล้วผมไม่อยากคุยเรื่องงานสักเท่าไหร่” เขายักไหล่
“แล้วมีธุระอะไรหรือคะ” เธอยิ้มหวานแต่ในใจเบ้ปากนิดๆ โธ่! ผิดหวังขนาดนี้เลยหรือพ่อคุณ!
“ถ้าไม่ใช่ธุระล่ะ คุยด้วยได้ไหม”
สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านหอบเอากลิ่นหอมของดอกไม้ราตรีเข้ามาแตะปลายจมูก ชั่ววินาทีสั้นๆ ที่เธอแหงนหน้ามองเขาแล้วพบว่าเขาจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว ในสีหน้านิ่งขรึมแต่ในดวงตาคู่นั้นอาบแววเศร้า และโดยไม่รู้ตัวมือเรียวยื่นไปแตะแก้มที่เพิ่งโกนเคราออกไปนั้นเบาๆ แล้วขยับตัวเข้าไปใกล้
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ การ์เร็ต”
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกผู้หญิงสัมผัสตัว ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินประโยคลักษณะนี้ แต่ทำไมเหมือนเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึก... รู้สึกว่ามีใครเข้าใจสิ่งที่เขาเป็นมากกว่าตัวเขาเองด้วยซ้ำ
“เอ่อ...”
“เอ่อ...” ลักษณ์ณาราออกเสียงตามเขา แล้วก็นึกได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป เธอลดมือลงอย่างรวดเร็วแต่มือใหญ่นั้นก็ไวกว่า คว้ามือข้างนั้นของเธอไว้แล้วพลิกจูบฝ่ามือของเธอเบาๆ ก่อนปล่อยอย่างนุ่มนวล
“ขอบคุณ” เขาพูดเสียงเบาและอ่อนโยนอย่างที่ตัวเขาเองก็ไม่เชื่อหูตัวเองเหมือนกัน
“ขอโทษค่ะ”
“เรื่อง?” เขาเลิกคิ้ว
“ฉันไม่ควร...” เธอเปลี่ยนสรรพนาม รักษาระยะห่างที่ขยับเข้ามาใกล้อย่างไม่รู้ตัว
การ์เร็ตยิ้มที่มุมปาก คงเพราะบรรยากาศพาไปทำให้ เอ่อ... อะไรก็ช่างเถอะ เขาถอดเสื้อสูทออกแล้วคลุ่มไหล่เปลือยของหญิงสาวตรงหน้า
“เดินเล่นกันสักเดี๋ยวค่อยกลับเข้าข้างในได้ไหม”
“ค่ะ” ลักษณ์ณาราตอบเร็วเหมือนไม่ต้องคิด แต่ก็รู้หน้าที่ตัวเองดี เพราะคิวขึ้นเวทีไปรับเช็คบริจาคเงินนั้นตั้งเกือบเที่ยงคืน
“ขออนุญาตนะครับ” เขาจับมือเธอให้เดินตามไปบนทางเดินเล็กๆ ที่ตบแต่งอย่างน่ารัก โคมไฟสลัวให้แสงนำทางเดินไปยังชุดเก้าอี้เหล็กดัด
เขาพูดอย่างสุภาพแต่ลักษณ์ณารากลับจับน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ของเขาได้ ทำไมนะ ทำไมกัน เมื่อครู่เธอมองเห็นความเศร้า ความหม่นล้าในแววตาของเขา แต่ไอ้ประโยค ‘ขออนุญาต’ เนี้ย มันทำให้เธอเริ่มระแวงและระวังเขามากขึ้นก็ไม่รู้
“ท่าทางคุณเหนื่อยๆนะคะ”
“ก็มีแต่เรื่องงานทั้งนั้นแหละครับ”
“ทราบมาว่าคุณอยู่เมืองไทยมานาน แต่ไม่คิดว่านานจนพูดภาษาไทยได้ชัดขนาดนี้”
“เมืองไทยน่าอยู่ ผมชอบที่นี่”
“แต่ที่นี่ร้อนนะคะ เมืองไทยมีร้อนกับร้อนมาก” ลักษณ์ณาราหยอดมุขชวนคุย
“แต่อยู่ในที่ๆหนาวและหนาวจนเกินไปมันก็ไม่ดี” เขาเผลอคิดถึงวัยเด็กที่ใช้ชีวิตเร่ร่อนอาศัยนอนข้างถนน “คุณเคยไปต่างประเทศไหมครับ”
“ถ้าใกล้ๆ อย่างลาว,เวียดนาม,กัมพูชา ก็ใช่ค่ะ เคยไปต่างประเทศ” เธอฉีกยิ้ม “คุณกำลังสอบประวัติหรือคะ”
“เปล่า” เขาโบกมือไปมา “ผมถามเฉยๆ”
“คุณเดินทางรอบโลกได้แล้วละมั้ง” หญิงสาวหมายถึงกิจการโรงแรมและรีสอร์ทหลายสิบแห่งในหลายประเทศที่เขาดูแลอยู่ “ท่าทางคุณชอบสิ่งที่คุณทำอยู่”
“ก็คงเหมือนคุณละครับ” การ์เร็ตแหงนหน้าหัวเราะ “แต่ท่าทางชิมไวน์ของคุณเมื่อกี้มันดูเลวร้ายมากเลย”
“ให้บุกน้ำลุย ขึ้นเขาลงห้วยที่ไหนฉันสู้ไม่ถอย ยกเว้นเรื่องเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์”
“ขนาดนั้นเชียว”
“เอาเป็นว่าฉันมีความทรงจำอันแสนเลวร้ายตอนเมา เพราะฉะนั้นจะไม่กลับไปเมาอีกค่ะ”
“พูดแบบนี้ยิ่งควรดื่มนะครับ แต่ดื่มให้เป็นอย่าให้ถึงกับเมา เอาแบบคุมสติอยู่”
ลักษณ์ณาราอ้าปากอยากจะเถียงแต่ก็เปลี่ยนใจส่ายหน้าไปมา “เอาเถอะค่ะ ฉันรู้ตัวเองก็พอแล้ว อ้อแล้วก็ไม่ต้องคิดจะมอมเหล้าเลยนะคะ ไม่งั้นคุณได้เจ็บตัวแน่ๆ”
หญิงสาวอยากบอกเขาว่าเธอไม่ได้ขู่ บางเรื่องเธอรู้ลิมิตตัวเองดี เสื้อสูทของเขาทำให้เธออุ่นและมีกลิ่นอายของเขาที่ชวนให้รู้สึกแปลกๆ
“เรากลับเข้าไปในงานดีกว่านะคะ”
“ก็ดีครับ” การ์เร็ตพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นยืน เขาผายมือให้หญิงสาวจับ
ลักษณ์ณาราวางมือของตนในอุ้งมือใหญ่ของเขาและกระซิบบอกในใจว่ามันเป็นเรื่องของมารยาท ปล่อยให้เขาแสดงความเป็นสุภาพบุรุษกลบเกลื่อนนิสัยแย่ๆ ของตัวเอง จำไว้!อย่าหวั่นไหวกับคารมจอมปลอมเด็ดขาด เมื่อเดินกลับมาใกล้ทางเข้า เธอถอดเสื้อสูทส่งคืนให้เขา พร้อมกล่าวขอบคุณอีกครั้ง
“เดี๋ยวครับคุณหนิง”
“คะ” เธอหมุนตัวกลับตามเสียงเรียก เขายืนนิ่งและยิ้มเย็นแบบที่เธอรู้สึกเสียวสันหลัง
“คุณหนิงคิดว่าคุณดารัณชอบทะเลไหมครับ”
“เอ๊ะ? ทำไมคะ?”
“คือผมได้ทำเลทำรีสอร์ทใหม่ เกาะเล็กๆ ไม่ไกลกรุงเทพฯ นัก เลยอยากชวนคุณดารัณไปดูทำเลด้วยกัน”
“ห๋า!” ลักษณ์ณาราเผลอส่งเสียงดังแล้วก็ต้องกัดฟันฉีกยิ้มหวานออกมา “คุณบอกว่าจะให้ดารัณไปดูทำเลสร้างรีสอร์ทหรือคะ มันไม่แปลกๆ ไปหน่อยหรือคะ คือคุณก็เป็น CEO มีชื่อเสียงโด่งดัง ทำไมต้องเชิญเพื่อนฉันไปด้วยละคะ”
“คือจริงๆ ผมมีปัญหากับคนในพื้นที่” เขาตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องเครียด “ผมสัญญากับคนในพื้นที่ว่า ถ้าเขายอมขายที่ดินให้ผมสร้างรีสอร์ท ผมจะสร้างโรงพยาบาลขนาดย่อมให้พวกเขาเป็นการตอบแทนนอกเหนือเงินค่าขายที่ดินที่พวกเขาจะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย”
‘นี่คนต่างชาติจะมาซื้อที่ดินบ้านเมืองเราอีกแล้วเหรอ’
“ว่าไงครับ คุณหนิงพอจะติดต่อคุณดารัณให้ผมหน่อยได้ไหม คุณดารัณดูแลงานด้านโรงพยาบาลแถมมีสามีเป็นคุณหมอ น่าจะให้คำปรึกษาผมได้แน่ๆ แต่ถ้าไม่ลงพื้นที่เองอาจจะไม่เห็นภาพชัดเจน”
“ถ้าเป็นเรื่องนี้ฉันตอบให้แทนเลยก็ได้ค่ะ ฉันเอ๊ย! ดารัณจะไปให้เองค่ะ”
“จริงหรือครับ”
“ค่ะ จะไปเมื่อไหร่คะ ฉันจะได้บอกดารัณให้เตรียมตัว”
“คุณดารัณสะดวกเมื่อไหร่ก็ได้ทันทีเลยครับ”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นให้เลขาฯ ของคุณโทรมานัดวันเวลากับฉันได้นะคะ โทรหาฉันเท่านั้นนะคะ ถ้าโทรหาดารัณเขาอาจจะลืมวันค่ะ ช่วงนี้งานดารัณเยอะมากค่ะ”
“โชคดีจริงๆ ถ้าไม่มีคุณนี่ผมลำบากแน่ๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ยินดีช่วย”
ลักษณ์ณารายิ้มหวาน คนอะไรหนอ รู้ทั้งรู้ว่าผู้หญิงมีสามีอยู่แล้วยังจะชวนภรรยาเขาไปต่างจังหวัดอีก อย่าหวังเลยว่าจะได้อยู่กับดารัณสองต่อสอง เห็นสีหน้าเขายิ้มดีอกดีใจแล้วลักษณ์ณาราได้แต่หัวเราะในใจ เดี๋ยวก็รู้...อย่าผยองไปพ่อหมาป่า เสียงหัวเราะอาจจะกลายเป็นเสียงร้องไห้ก็ได้ ใครจะรู้!.
