บท
ตั้งค่า

บทที่ 8

แสงแดดในยามเช้าปลุกให้ฉันตื่นขึ้นจากความหลับใหล นอกจากความแห้งผากในปากคอแล้วก็สบายดีทุกอย่าง เมื่อลองขยับเนื้อตัวดูก็รู้ว่ามันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว

ผู้หญิงคนหนึ่งโน้มตัวเข้ามาใกล้ ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นมาเรียแต่ปรากฏว่าไม่ใช่เพราะหน้าตาแก่กว่า แต่รอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้าทำให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นได้อย่างประหลาด

“ตื่นแล้วนะคะ ดูเหมือนอาการจะดีขึ้นมากทีเดียว” หล่อนเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน

“จ๊ะ ขอบใจมาก เห็นจะต้องกลับเสียที”

“อย่าเลยค่ะ อยู่อีกสักพักก่อนดีกว่า ตอนนี้ขอดิฉันไปเรียนให้คุณผู้หญิงทราบก่อนนะคะ” พูดจบหล่อนก็หันหลังเดินกลับออกไปจากห้องทันที

ฉันประคองตัวขึ้นนั่งรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจอย่างมากที่ได้พบว่าเหตุการณ์เลวร้ายทั้งหมดทั้งมวลได้ผ่านพ้นไปหมดสิ้นแล้ว แต่ก็อดรู้สึกรำคาญตัวเองและอับอายมิได้ ถึงอย่างไรฉันไม่อาจตำหนิการดูแลเอาใจใส่ของมิสซิสดันแลพได้เลย เมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องก็ได้พบกับความตื่นตาตื่นใจ พบแต่สิ่งที่สวยงามทั้งนั้น

ผ้าม่านสีแดงที่รูดปิดอยู่ตรงหน้าต่างเปลี่ยนเป็นสีทับทิมเมื่อต้องแสงแดด ทาบเงาสีเข้มลงบนเครื่องเฟอร์นิเจอร์ไม้มะฮอกกานีกับผนังที่กรุไว้ด้วยไม้เนื้อแดง เตียงนอนเป็นแบบโบราณประกอบด้วยเสาสี่ต้นหัวเตียงจำหลักลวดลายฝีมือประณีต ทั้งผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนขลิบด้วยลูกไม้เนื้อละเอียดบางเบาราวใยแมงมุม เสื้อนอนตัวที่ฉันสวมอยู่ในยามนี้ก็ตัดเย็บจากแพรเนื้อดีซึ่งฉันแน่ใจว่าจะต้องเป็นของมิสซิสดันแลพ เป็นเสื้อแขนยาวคอตั้งมีระบายฟูฟ่องอยู่ตรงหน้าอก ความเนียนนุ่มของเนื้อผ้าทำให้รู้สึกแสนสบายยามได้สวมใส่ ฉันสำรวจตรวจตราทั่วทุกส่วนและเห็นว่าไม่มีร่องรอยเปรอะเปื้อนจากอาเจียนเมื่อคืนจึงค่อยคลายใจลง แม้ว่าจุดเล็กๆ นั้นอาจจะไม่สำคัญสำหรับใครแต่มันก็สำคัญสำหรับฉันอยู่ดี

ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว เพราะภายในห้องไม่มีนาฬิกาให้ดู ส่วนนาฬิกาข้อมือของฉันที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนั้นก็หยุดเดินไปนานแล้ว ไม่มีเสื้อผ้าของฉันอยู่ในห้องนั้นแม้แต่ชิ้นเดียว

ประตูตรงสุดปลายห้องเปิดเข้าไปสู่ห้องน้ำดังที่ฉันคาดไว้ตั้งแต่แรก แต่ในห้องน้ำก็ไม่มีเสื้อผ้าฉันอีกด้วยเช่นกัน ฉันกำลังเดินกลับมาที่เตียงนอนพอดีตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นตรงหน้าประตูจึงรีบวิ่งกลับมาซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเหมือนเด็กๆ ที่แอบทำผิดก็ไม่ปาน

สาวใช้คนเดิมกลับเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ผู้ซึ่งแนะนำตัวเองว่าเธอคือมิสซิสอดัมส์ เป็นแม่บ้านของที่นี่ เธอยังดูอ่อนกว่าวัยกว่าที่ฉันคาดคิดไว้มาก แม้จะแต่งตัวด้วยชุดสีดำซึ่งนิยมกันแต่ก็ไม่ได้มีท่าทางเหมือนแม่บ้านทั้งหลายที่ฉันเคยเห็นในหนัง หลังจากที่เธอลองแตะหน้าผากดูแล้วก็พยักหน้าและช่วยประคองฉันขึ้นนั่งเอาหมอนสอดรองไว้ใต้แผ่นหลัง

“คุณหมอพอฟเฟนเบอร์เกอร์บอกว่าเช้าวันนี้คุณจะหายค่ะ แต่ดิฉันว่าคุณอยู่จนกว่าคุณหมอจะมาตรวจอาการอีกทีดีกว่านะคะเพื่อให้แน่ใจ คุณหิวหรือยังคะ เขาสั่งไว้ว่าเช้าวันนี้ให้หาอาหารบำรุงกำลังให้คุณทาน”

ฉันไม่หิวอย่างที่ควรจะเป็น เพียงแต่รู้สึกว่าท้องไส้มันโหวงเหวงอย่างไรพิกล แต่ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะได้อาเจียนออกมาจนหมดสิ้น พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรก็อดรู้สึกอับอายขายหน้าไม่ได้ แต่แม่บ้านก็ฉลาดพอที่จะแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น เธอหันไปพยักหน้าเป็นสัญญาณให้สาวใช้คนนั้นและเจ้าหล่อนก็เอาถาดอาหารมาไว้ตรงหน้า มันเป็นถาดอาหารหวายสีขาวสะอาดเหมือนที่ฉันเห็น “คุณผู้หญิง” ในละครโทรทัศน์ใช้ไม่มีผิด ในถาดนั้นมีดอกกุหลาบใส่แจกันเล็กๆ ประดับมาด้วยและยังมีหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าสอดมาข้างๆ กันด้วยอีกหนึ่งฉบับ

เมื่อฉันกล่าวขอบใจแล้วทั้งสองคนก็ออกไปจากห้อง หลังจากนั้นฉันก็จัดการกับอาหารในถาดเหมือนสุนัขป่าที่กำลังหิวจนตัวสั่น น้ำส้มคั้นในแก้วใบเล็กเย็นเฉียบจนเป็นเกร็ด ไข่กวนเคียงข้างมากับเบคอน ขนมมัฟฟินแบบอังกฤษเคียงอยู่ด้วยมาร์มาเลดกับแยมในถ้วยเคลือบใบเล็ก ฉันกินเกลี้ยงทุกอย่าง ขณะรินกาแฟเติมลงในถ้วยเป็นครั้งที่สองก็บอกตัวเองว่า...นี่แหละคือความมีชีวิต

ทันทีที่การรับประทานอาหารเสร็จสิ้นลง สาวใช้คนเดิมก็ปรากฏตัวขึ้นและเลื่อนถาดออก แต่ทิ้งกาแฟไว้ให้ แม้ว่านี่คือความสุขในชีวิตที่มนุษย์ทุกคนควรจะได้รับ แต่มันก็ไม่ใช่ในรูปแบบของฉันและย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ด้วย

ฉันเกิดข้องใจขึ้นมาอีกว่าสาวใช้ผู้นั้นคำนวณเวลาได้อย่างไรจึงสามารถเข้ามาเลื่อนถาดอาหารออกได้ในทันทีที่ฉันกินเสร็จ โดยขณะที่ฉันกินอาหารอยู่นั้นไม่ได้เข้ามารบกวนเลย ถ้าถามมิสซิสดันแลพก็คงจะตอบว่าสาวใช้ที่ดีต้องมีประสาทที่หกสำหรับเรื่องอย่างนี้และสำหรับผู้ที่ต้องการจะได้รับการบริการล้ำเลิศเช่นนี้ย่อมไม่รังเกียจการจ่ายเงินเพื่อซื้อความสุขดังกล่าว มันเป็นสัญชาตญาณแห่งการแสวงหาความสุขของมนุษย์ด้วยกัน แต่ฉันคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับสภาพอย่างนี้และอาจจะถึงชิงชังเสียด้วยซ้ำ

แต่ถ้าสิ่งที่ฉันคิดไว้ในใจนั้นมันถูกต้อง คงมีสักวันหนึ่งที่โอกาสจะเปิดให้ฉันได้ใช้ชีวิตเช่นนี้บ้าง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันมองเห็นว่ามันมีทางเป็นไปได้ ซึ่งทำให้เกิดความอยากรู้ขึ้นมาว่ามิสเตอร์นาซาเรี่ยนจะรู้สึกหรือมีปฏิกิริยาอย่างไรถ้ารู้ว่าฉันเป็นหลานสาวที่แท้จริงของเขา?

บัดนี้ฉันได้พบเขามาแล้ว ฉันรู้ว่าปฏิกิริยาที่มันจะเกิดขึ้นคือการเยาะหยัน ความระแวงสงสัยและอาจจะถึงตกใจด้วย เขาจะต้องไม่เชื่อว่าฉันไม่ได้มีความปรารถนาจะแสดงตัวด้วยหวังในสมบัติพัสถานแม้แต่น้อย สิ่งที่ฉันต้องการคือได้รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของตัวเองนั้นคือใครมาจากไหนเท่านั้น

ขณะเดียวกันฉันก็รู้ว่าเขามีเหตุผลมากมายที่ต้องตกใจถ้าฉันอ้างตัวเองออกมาเช่นนั้น สตีเฟ่น นาซาเรี่ยนออกจากบ้านไปนานหลายปีก่อนหน้าที่จะไปพบจุดจบอันน่าสยดสยอง ไม่ต้องสงสัยเลยว่ายังจะต้องมีผู้หญิงอื่นในชีวิตเขาอีกหลายคน ไม่ว่าใครก็ย่อมจะรู้ว่าการออกไปใช้ชีวิตอิสระย่อมจะต้องมีเรื่องของความสัมพันธ์ทางเพศเข้ามาข้องเกี่ยวอยู่จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพราะฉะนั้นฉันอาจจะไม่ใช่เด็กกำพร้าที่เขาเป็นพ่อแต่เพียงคนเดียวก็ได้ อาจจะยังมีเด็กที่รุ่นราวคราวเดียวกับฉันซุกอยู่ในอ้อมอกของแม่ผู้เปี่ยมด้วยความหวังอยู่อีกหลายต่อหลายคน และผู้หญิงเหล่านั้นย่อมรอเวลาที่จะกระโดดเข้ามาตะครุบโอกาสทองที่เปิดให้ เพื่อแสดงว่าตัวเองเคยมีความสัมพันธ์กับลูกชายของมหาเศรษฐีคนหนึ่งมาแล้ว

จริงอยู่ที่ผู้หญิงส่วนมากจะต้องทำเช่นนั้น แต่เห็นจะไม่ใช่ลีช อีมิก มาโลเน่ย์...ไม่ใช่ผู้หญิงผู้เป็นแม่ของฉันอย่างแน่นอน...

อาการคลื่นเหียนที่กำลังเกิดอยู่กับฉันในขณะนี้เห็นจะไม่ได้เกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยทางด้านร่างกายอีกต่อไป ดูมันจะค่อยยังชั่วขึ้นเมื่อฉันหยุดคิดถึงเรื่องนี้ลง

หลังจากนั้นไม่นานแพทย์ประจำบ้านก็เข้ามาตรวจอาการโดยมีมิสซิสอดัมส์ยืนอยู่ด้วย ตอนที่เขาวัดความดันโลหิต จับชีพจรวัดการเต้นของหัวใจและวัดอุณหภูมิในร่างกาย เขาเคาะท้องเบาๆ ตั้งคำถามมากมายก่อนจะประกาศในที่สุดว่าฉันหายสบายดีแล้ว

แต่มันมีคำถามอยู่ประโยคหนึ่งว่าฉันเคยกินยาประเภทหนึ่งซึ่งเมื่อมีแอลกอฮอล์เข้าไปผสมแล้วจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงขึ้นกับร่างกายบ้างหรือไม่ ฉันตอบไปตามความจริงว่าปกติแล้วฉันแทบจะไม่เคยกินยาอะไรเลย แม้แต่แอสไพริน และฉันก็ไม่เคยแพ้ยาชนิดใดด้วย

จนกระทั่งเขาออกจากห้องไปแล้วฉันจึงได้นึกขึ้นมาได้ว่าที่ตอบเขาไปนั้นไม่ถูกต้องตรงต่อความจริงเสียทีเดียว ฉันเกือบลืมเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่มันเคยเกิดขึ้นกับตนเอง ตอนนั้นฉันไม่ค่อยสบายจึงไปหาแอนน์ เล่าให้ฟังว่าตัวเองมีอาการนอนไม่ใคร่หลับและแอนน์ก็ให้ยากล่อมประสาทอย่างอ่อนมา แต่พอฉันกินยานั่นเข้าไปก็เกิดอาการไม่สบายหนักขึ้น แม้ว่ามันจะไม่รุนแรงมากมายเหมือนครั้งนี้ แต่ก็มากจนทำให้แอนน์ต้องเปลี่ยนยาใหม่ทีเดียว

เมื่อฉันถามหาเสื้อผ้า แม่บ้านก็บอกว่าส่งไปซักแล้ว แต่ขอให้บอกว่าต้องการชุดไหนจะให้สาวใช้ไปเอามาให้จากบ้านหลังเล็ก ฉันปฏิเสธพร้อมกับกล่าวคำขอบใจซึ่งดูเหมือนจะสร้างความแปลกใจให้เธอ หลังจากที่เราโต้แย้งกันเล็กน้อยเธอก็ยอมหยิบเสื้อฝนมาให้ เมื่อสวมเสื้อตัวนั้นทับลงแล้วฉันก็แอบหลบกลับไปยังบ้านพักส่วนตัว

ทันทีที่เปิดประตูบ้านและเดินเข้าไปในห้องฉันก็รู้ว่าสิ่งที่เดาไว้ในใจไม่ได้ผิดพลาดเลย ครั้งนี้ผู้เข้ามาค้นห้องเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญมาก การค้นเป็นไปอย่างละเอียดแทบจะไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้เห็น ข้าวของทุกอย่างยังคงวางอยู่ในที่ทางเรียบร้อย แต่กระนั้นฉันก็รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าจะต้องมีใครคนหนึ่งถือวิสาสะเข้ามาในห้องนี้อย่างแน่นอน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel