ร้อนรักคุณอามาเฟีย EP. 3
“ ฮือๆ...พ่อจ๋าอย่าทิ้งอ้อนไป ” เด็กสาวร่ำไห้ก่อนเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวเท้าเข้าไปหาคนเป็นพ่อ
“ อย่าพึ่งเข้าไปใกล้ตอนนี้ค่ะ..” พยาบาลสาวรั้งเอวคอดของคนตัวเล็กเอาไว้ทัน ก่อนที่เธอจะเดินถึงตัวคนเป็นพ่อ
“ อ้อน...ลูกพ่อ...”
“ ฮึก..” เด็กสาวสะอื้นไห้ จ้องมองคนเป็นพ่อด้วยใจเจ็บปวด
“ พ่อไม่อยู่...หนูต้องไปอยู่กับอาคทา นะลูก ”
“ ไม่!..พ่อต้องอยู่สิคะ..” สาวน้อยยังร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลไม่หยุด เธอไม่ได้ฟังสิ่งที่ดนัยพูดเลยด้วยซ้ำ
“ อย่าดื้อ...พ่อไม่มีแรงจะบ่นหนูแล้วนะลูก ”
“ ฮือๆ..”
“ ฟังพ่อ...ลูกต้องไปอยู่กับอาคทานะลูก สัญญากับพ่อ อยู่กับอาคทาหนูจะไม่ดื้อ”
“ พ่อ..ฮือๆ ”
“ หมอครับ ”
ดนัยช้อนสายตาขึ้นมองหมอที่ยืนอยู่ข้างเตียง อย่างคนหมดเรี่ยวแรงก่อนจะเอ่ยเรียก
หมอรับรู้ได้ในทันที ก่อนพยักหน้าให้พยาบาลสาวเป็นสัญญาณให้มัสลินเข้ามาหาคนเป็นพ่อ
มัสลินก้าวเข้าโผโอบกอดร่างคนเป็นพ่อที่อยู่บนเตียงทันที
“ ฮือ...พ่อ.. ”
“ ไปอยู่กับอา ต้องเป็นเด็กดีนะลูก ”
“ ฮึก....”
“ พ่อรักลูก...อ้อน --^---- ” ประโยคสุดท้ายของดนัย ก่อนหมดลมหายใจในอ้อมกอดของคนเป็นลูกอย่างสงบ
“ ฮึก...พ่อคะ!..พ่อ...ฮือๆ...” หญิงสาวร่ำไห้ปานจะขาดใจเมื่อต้องสูญเสียทั้งพ่อทั้งแม่ในเวลาไล่เลี่ยกัน
พยาบาลสาวกับหมอยืนมองภาพที่บีบหัวใจ ต่างก็น้ำตาซึมออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่พยาบาลสาวจะออกไปตามเอมมี่กับป้าแป้นให้ช่วยกันเอาตัวมัสลินออกไป เพื่อพยาบาลจะได้ทำงานสะดวก
หลังจากทนายมนัสช่วยจัดการเรื่องงานศพของดนัยและภรรยาเรียบร้อยแล้ว ก็เคลียเรื่องหนี้สินของดนัยกับทรัพย์สินที่เหลือของผู้เป็นภรรยา ก่อนจะเข้าไปแจ้งข่าวกับมาเฟียหนุ่มคทาด้วยตัวเอง
ทนายมนัสแจ้งคำสั่งเสียของดนัยให้มัสลินทราบ รวมถึงคนงานและคนรับใช้ทุกคนในบ้านด้วย จะเรียกง่ายๆ ก็คือพินัยกรรมแบบเร่งด่วน เพราะดนัยยังไม่ได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ ..ก็ใครมันจะคิดว่าชีวิตมันจะแสนสั้นแบบนี้
“ บ้านหลังนี้คุณดนัยโอนให้หนูอ้อนนานแล้ว พร้อมกับรถยนต์อีก 1 คัน ”
“.....”
“ ส่วนทรัพย์สินอื่นๆของ คุณดนัยให้ลุงเคลียกับหนี้สินของธนาคารไป ”
“......”
“ เหลือเพียงส่วนเดียว เป็นเงินสดในธนาคาร 8 ล้านกว่า ของคุณมัสยาแม่ของหนู ลุงจัดการโอนกรรมสิทธิ์ทุกอย่างให้หนูอ้อนแล้วนะลูก ”
“......”
“ คนงานและคนรับใช้ในบ้าน คุณดนัยให้เงินไปตั้งตัวคนละ 2 แสน ”
“......”
“ ต่อไปหนูจะต้องไปอยู่กับคุณคทา อาของหนู ลุงได้ติดต่อกับอาของหนูไปแล้วนะลูก ”
“......”
“ อีกไม่นาน ทางนั้นจะส่งคนมารับหนูอ้อนนะลูก ”
สาวน้อยที่ตายังคงบวมฉึ่มเพราะเอาแต่ร้องให้ นิ่งฟังทนายมนัสพูดมานานก็เงยหน้าขึ้น
เมื่อได้ยินทนายมนัสเอ่ยถึงผู้ที่ว่าเป็นอาของตนที่คนเป็นพ่อพร่ำบอกก่อนตาย
“ หนูไม่เคยมีอาค่ะ อาที่ไหนงานศพคุณพ่อเขายังไม่มาเลย ” มัสลินพูดขึ้นด้วยสีหน้าดื้อดึง
“ นั่นเป็นเพราะว่า ลุงเอง ลุงพึ่งจะแจ้งอาของหนูไปไม่กี่วันนี้เองลูก ”
“......”
“ ลุงมัวแต่จัดการเรื่องงานศพ เลยไม่มีเวลาเข้าไปแจ้งให้อาของหนูทราบ ” ทนายมนัสรีบพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางดื้อรั้นของเด็กสาว
“ หนูดูแลตัวเองได้ค่ะ คุณลุงมนัส ”
“ บ้านหลังนี้กับเงินเพียงแค่ 8 ล้านที่หนูมี มันไม่พอที่จะให้หนูเรียนต่อจนจบหรอกนะลูก หนูอ้อนยังต้องเรียนอีกหลายปีนะลูก ”
“ หนูจะทำงานส่งตัวเองเรียนค่ะ ” มัสลินยังยืนยันคำเดิม
“ แต่หนูไม่เคยทำงานนะอ้อน แล้วหนูจะทำงานอะไร ”
“.......” เงียบ
มนัสถอนลมหายใจยาวออกมา เพราะเป็นอย่างที่ดนัยพูดไว้จริงๆ ว่ามัสลินจะไม่ยอมไป ก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคทา น้องชายของดนัยเป็นคนจัดการเรื่องนี้เองก็แล้วกัน
วันต่อมา
“ อ้าว...อ้อนนึกว่าป้าแป้นไปแล้วเสียอีกค่ะ เห็นคนงานคนอื่นๆไปหมดแล้ว ”
“ คุณหนู...ให้แป้นอยู่กับคุณหนูนะคะ แป้นอยากอยู่ดูแลคุณหนู ”
“......”
“ แป้นไม่เอาเงินเดือนก็ได้ค่ะ คุณหนูให้แป้นอยู่นะคะ” น้ำเสียงคล้ายจะอ้อนวอนของป้าแป้นที่เอ่ย ทำให้ดวงตาคู่สวยสั่นระริก ม่านน้ำตากำลังก่อตัว อย่างน้อยยังมีป้าแป้นที่รักและเอ็นดูเธอ
“ ป้าแป้น ” มัสลินโผเข้ากอดป้าแป้นด้วยความดีใจ
ป้าแป้นเป็นคนเก่าแก่ของดนัย แล้วเธอก็ช่วยมัสยาเลี้ยงดูมัสลินมาตั้งแต่แบเบาะป้าแป้นรักและเอ็นดูเธอมาก ไม่มีทางที่จะทิ้งเธอไปแน่ๆ คุณหนูของเธอจะอยู่ยังไงในเมื่อทำอะไรไม่เป็นเลย
หลายวันต่อมา
“ ห๊ะ!! มึงจะทำงาน? ” น้ำเสียงตกใจของเอมมี่ที่ตะเบงออกมา
“ จะตะโกนทำไมวะเนี่ย? เต็มหูกูเลย.. ”
“ ก็มึงไม่เคยทำงานป้ะ? ”
เอมมี่รู้จักเพื่อนรักดี ถึงแม้จะเป็นลูกบุญธรรม แต่มัสลินก็ถูกเลี้ยงดูมาแบบลูกคุณหนู ..ดนัยไม่เคยให้เธอได้หยิบจับอะไร นอกจากเรียนหนังสือและเรียนพิเศษ, เรียนดนตรี, เรียนว่ายน้ำ
“ ไม่เคย..แล้วไงวะ? ”
“ แล้วมึงจะทำงานอะไร? ”
“ ก็ยังไม่รู้..”
“ แล้วที่ลุงมนัสบอกว่าอามึงจะมารับล่ะ? ”
“ ไม่ใช่อากูสักหน่อย มึงก็รู้ กูไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อกับแม่ จะเป็นอากูได้ไง หน้าตายังไง กูยังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ ”
“......”
“ อีกอย่าง ป่านนี้ก็ยังไม่เห็นมีใครมารับกูอย่างที่ลุงมนัสบอกเลย ก็แหงล่ะ กูไม่ใช่หลานแท้ๆ หนิ ใครจะสนใจ ”
มัสลินบ่นกระปอดกระแปดออกมาให้เพื่อนฟัง ก็ตั้งใจจะไม่ไปอยู่แล้วแหละ แต่มันก็อดคิดน้อยใจไม่ได้ ก็ไม่ใช่หลานแท้ๆ ใครเขาจะมาสนล่ะ
“ นี่มึงกำลังน้อยใจอามึงอยู่ป้ะเนี่ยอ้อน? ” เอมมี่ก็เหมือนจะเข้าไปนั่งอยู่กลางใจเพื่อนรักยังไงอย่างงั้น
“ กูเปล่า ”
“ โกหก กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปี ทำไมกูจะดูไม่ออกว่ามึงกำลังน้อยใจคุณอาอะไรนั่น ”
“ ไม่ใช่อากูสักหน่อย มึงเลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วน่า กูไม่อยากพูดถึง ”
“ เออๆ ไม่พูดก็ไม่พูด ”
“......”
“ อีกสองอาทิตย์ก็จะเริ่มสอบแล้ว สอบเสร็จมึงจะลองไปทำงานกับกูมั้ยล่ะ แต่เป็นงานเสิร์ฟนะ มึงจะทำป่าว? ” เอมมี่ลองเอ่ยถามเพื่อน
แม้ไม่อยากจะชวนให้ทำงานแบบนี้ก็เหอะ แต่อย่างน้อยมัสลินก็ยังอยู่ในสายตา เธอจะได้ไม่เป็นห่วงมาก
“ ในผับน่ะเหรอ? ” มัสลินเลิกคิ้วถาม
“ อื้ม เงินดีนะได้ทิปวันหลักพันอัพ ยิ่งสวยๆอย่างมึงนะทิปดีเลยล่ะ”
“ จริงเหรอ?” มัสลินเบิกตาโต
“ จริงสิ ไม่งั้นกูจะมีเงินไปจ่ายค่าเทอมเหรอวะ ว่าแต่มึงแหละจะทำได้รึเปล่าก็ไม่รู้ ”
“ ไม่รู้สิ ลองดูก็ไม่น่าจะเสียหายหนิ ”
“ เค...งั้นเอาตามนั้น เดี๋ยวกูจะไปคุยกับผู้จัดการไว้ให้ ”
“ อื้ม...งั้นกูกลับละ เดี๋ยวจะมืด กูขับรถยังไม่แข็ง ”
“ ขับรถดีๆ..ถึงบ้านแล้วไลน์บอกกูด้วย ”
“ อื้ม.. ”
หลายอาทิตย์ต่อมา
มัสลินกับเอมมี่กำลังนั่งกินหมูกะทะกันอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีหนุ่มนิสิตหน้าหล่ออาสาตามมาเป็นเจ้ามือเลี้ยงฉลองที่สอบเสร็จ
########
