ร้อนรักคุณอามาเฟีย EP. 2
“ ลูกเราเป็นเด็กฉลาด แกเอาตัวรอดได้น่าคุณ ”
“ รู้แล้วค่า ” คนเป็นภรรยาเอื้อมมือไปจับมือสามีก่อนเอ่ยพร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆออกมา
ดนัย แสงไท กับมัสยา ไม่มีบุตร พวกเขารับมัสลินมาเลี้ยงตั้งแต่แรกเกิดเนื่องจากแม่แท้ๆ ของมัสลินเสียชีวิตหลังคลอด ทั้งสองรักและเอ็นดูเอาใจใส่มัสลินเหมือนลูกแท้ๆ เลี้ยงดูเธอไม่ต่างจากลูกคุณหนู
“ เป็นแงะ? ” หลังจากมัสลินวางสาย เสียงของเอมมี่ที่เข้าไปเปลี่ยนชุดสำหรับไปปาร์ตี้ เดินออกมาจากห้องน้ำมาก็เอ่ยถามขึ้นพอดี
“ ฮื้มห์...โคตรเอ็กซ์เลยว่ะเอม ” อ้อนเอ่ยชมเพื่อน
คืนนี้มีเลี้ยงฉลองรับตำแหน่งเดือนคณะ ของต้นกล้า รุ่นพี่ที่เข้ารั้วมหาลัยไปก่อน
ต้นกล้า เป็นหนุ่มหน้าตาดีและยังมีฐานะดีด้วย เรียนปีแรกก็ได้ตำแหน่งเดือนคณะแล้ว เขาตามจีบมัสลินมาตั้งแต่มัสลินอยู่ ม.5 แม้เขาจะจบมัธยมเข้ามหาลัยไปก่อน แต่เขาก็ยังคงตามจีบมัสลิน ทว่าไม่มีทีท่าว่าเธอจะใจอ่อนสักที
“ มึงจะไม่ไปจริงเหรอวะอ้อน ที่จริงพี่ต้นเขาอุตส่าห์ตั้งใจชวนมึงเลยนะเว้ย นี่กูลงทุนหยุดงานวันนี้เลยนะเนี่ย ” เอมมี่เอ่ยถามเพื่อน
“......”
“ ยังไงพรุ่งนี้ก็วันเสาร์ไม่ต้องตื่นเช้าไปเรียน ”
“ ไม่อ่ะ เดี๋ยวดึก พรุ่งนี้เช้ามีเรียนว่ายน้ำแต่เช้าว่ะ กลับไปนอนดีกว่า โยกเผื่อกูด้วยละกัน ”
“ จ้า..แม่คุณหนูอนามัย ” เมื่อมัสลินยังยืนยันคำตอบเดิม เอมมี่ทำหน้ามุ่ยก่อนจะเอ่ยหยอกล้อเพื่อน
“......”
“ ว่าแต่ เมื่อไหร่มึงจะรับรักพี่ต้นสักทีวะ? เป็นกูคงรับตั้งแต่เดือนแรกละ ทั้งหล่อทั้งรวย แถมยังมั่นคงอีก นี่ก็ตามจีบมึงมาจะ 2 ปีแล้วนะ ”
“ ตอนนี้กูอยากตั้งใจเรียนให้จบก่อน ยังไม่อยากมีแฟน กลัวเกรดจะตก ”
“ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย มึงเรียนเก่งขนาดนี้ กะอิแค่มีแฟนเกรดมันจะตกยังไงวะ? ” เอมมี่พยายามพูดโน้มน้าวเพื่อน
“ กูว่า กูกลับก่อนดีกว่าเอมเดี๋ยวจะดึก ”
“ พูดเรื่องนี้ทีไรมึงก็หนีกลับทุกที กูไม่พูดก็ได้ แม่คนใจแข็ง ”
“ เรียกแกร็บให้กูด้วย ”
“ เออ k k แป๊ปมึง.. ”
“ อื้ม..”
เอมมี่ เป็นเพื่อนรักของมัสลินที่คบกันมาตั้งแต่ ม.ปลาย เธออายุเยอะกว่ามัสลิน 2 ปีเพราะเธอหยุดเรียนไปหลังจากจบ ม.ต้น เพื่อทำงานเก็บค่าเทอม เด็กสาวอายุ19 ที่ใช้ชีวิตปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่เด็ก เธอต้องทำงานหาเงินเพื่อส่งตัวเองเรียนตั้งแต่มัธยมต้น เพราะที่บ้านไม่มีเงินส่งเสีย
บ้านดนัย
“ กลับมาแล้วค่า..” เสียงใสของมัสลินที่กลับมาถึงบ้าน
“ กลับมาแล้วเหรอคะคุณหนู ”
“ มีอะไรกินมั่งคะป้าแป้น? อ้อน หิ๊ว หิว? ”
“ มีแต่ของโปรดคุณหนูทั้งนั้นค่ะ งั้นป้าตั้งโต๊ะเลยนะคะ?” มัสลินพยักหน้า งึกๆ
หลังจากทานข้าวอิ่ม มัสลินก็รีบขึ้นห้องอาบน้ำ เข้านอนทันที
ตกดึก
Rrrrrrrr
ป้าแป้นจำต้องตื่นขึ้นมารับสาย เนื่องจากโทรศัพย์ดังขึ้นหลายรอบแล้ว
ป้าแป้น : สวัสดีค่ะ..บ้านคุณดนัยค่ะ
รพ. : ......
ป้าแป้น : ค่ะ..ใช่ค่ะ
รพ. : ......
ป้าแป้น : ห๊ะ!! ระ..โรงบาลไหนคะ?
รพ. : ......
ป้าแป้น : คะ คะ ขอบคุณมากค่ะ
ตึ้ดด...
“ โธ่ คุณหนู ” หลังวางสายป้าแป้นก็พึมพำเบาๆ ออกมา
เป็นสายจากโรงพยาบาลที่โทรแจ้งข่าว ดนัยและภรรยาเกิดอุบัติเหตุรถสิบล้อพุ่งชนอย่างจัง ภรรยาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนดนัยบาดเจ็บสาหัส
โรงพยาบาล
“ คนไข้เสียเลือดมาก...หมอคงยื้อไว้ได้ไม่เกินพรุ่งนี้...หมอเสียใจด้วยนะครับ ” หมอที่ออกมาจากห้องผ่าตัดได้แจ้งอาการของดนัยให้มัสลินทราบ
“ ฮึก! คุณพ่อ!..ฮื้อๆ ”
มัสลินที่พึ่งทราบการตายของแม่ก่อนหน้านั้นเพียงไม่ถึงชั่วโมงก็ร้องไห้หนักอยู่แล้ว แล้วยังต้องมารับข่าวร้ายอีกครั้ง หยดน้ำตาไหลออกมาเป็นทางไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเวลานี้ร่างบางแทบล้มทั้งยืน
“ คุณหนู!! ”
ป้าแป้นรีบประคองมัสลินทันทีเมื่อเห็นเธอท่าทางเหมือนจะเป็นลม
“ อ้อน...เป็นไงมั่งวะ?.” เอมมี่ที่รู้ข่าวจากป้าแป้นก็รีบมาทันที
“ ฮือๆ..กูไม่เหลือใครแล้วเอม..ฮือๆ” มัสลินรีบโผเข้ากอดเอมมี่ทันที ร่างเล็กตัวสั่นร้องไห้จนไม่เป็นภาษา
เอมมี่รีบกอดเพื่อนเอาไว้แน่น เมื่อรับรู้ได้ว่ามัสลินกำลังอยู่ในภาวะช็อก ก่อนจะหันหน้าไปมองป้าแป้น
ป้าแป้นส่ายหน้าเบาๆ เป็นคำตอบ
มัสลินร้องไห้อยู่นานจนเสียงหายเพราะเริ่มคอแห้ง เธอนั่งเงียบไม่พูดไม่จา แม้จะไม่มีเสียงร้องออกมาแต่หยาดน้ำตาก็ยังไหลรินออกมาไม่ขาดสายอย่างเงียบๆ
“ไหวมั้ยมึง? ” เอมมี่มองดูเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วงก่อนจะเอ่ยถาม
“......”
“ กลับก่อนมั้ยวะ?”
“.....”
“ มึงยังมีกูนะเว้ย อ้อน ”
“.....”
เมื่อไม่มีเสียงของมัสลินตอบกลับมา เอมมี่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อจึงทำได้แค่ดึงตัวมัสลินเข้ามากอดเอาไว้อีกครั้ง
เช้าวันต่อมา
ทุกคนยังคงอยู่ที่โรงพยาบาลรอดูอาการของดนัย
“ เป็นไงบ้างหนูอ้อน ”
น้ำเสียงสูงวัยดูอบอุ่นเอ่ยถามดังขึ้น ร่างบางที่ดวงตาบวมเป่งจากการร้องไห้ไม่หยุดทั้งคืนจนถึงตอนนี้ก็ยังร้องไห้อยู่เงยหน้าขึ้น เมื่อจำเสียงนั้นได้ว่าคือมนัส ทนายประจำตระกูลของดนัย
“ คุณลุงมนัส ” มัสลินเอ่ยชื่อคนที่พึ่งมาใหม่เบาๆ
“ ไม่ต้องคิดมากนะลูก ลุงจะช่วยจัดการทุกอย่างให้เอง ”
“.....”
“ ทนายมนัสใช่ไหมคะ? ” พยาบาลสาวเดินเข้ามาก่อนจะเอ่ยถาม
“ ครับ ”
“ คุณดนัยพร้อมแล้วค่ะ เชิญค่ะ ”
“ ครับ / คุณพ่อ! ”
มนัส / มัสลิน เอ่ยออกมาพร้อมกัน
“ คุณพ่อฟื้นแล้วเหรอคะ? คุณพ่อไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ยคะ? ขอหนูเข้าไปด้วยนะคะหนูเป็นลูกสาวท่านค่ะ ” มัสลินเอ่ยอย่างรีบร้อน
“ เอ่อ...ตอนนี้คุณดนัยต้องการพบทนายมนัสก่อนนะคะ ” พยาบาลสาวอธิบายก่อนจะพาทนายมนัสเข้าไปพบดนัย
“ แต่หนู...”
มัสลินพยายามที่จะขอเข้าไปด้วยแต่ป้าแป้นกับเอมมี่ก็รั้งเธอเอาไว้ก่อน
ทนายมนัสเข้าไปพบดนัยราวๆ 20 นาทีเห็นจะได้ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับสีหน้าข่มกลั้น
นอกจากเป็นทนายประจำตระกูลที่สืบทอดจากพ่อของเขาแล้ว ดนัยกับมนัสเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ยังไงก็ทำใจรับได้ยากที่จะสูญเสียเพื่อนรักไปกะทันหันแบบนี้
“ คุณลุงคะ คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ?” มัสลินรีบเอ่ยถามทันทีที่เห็นทนายมนัสเดินออกมา
“.....”
“ คุณมัสลินใช่มั้ยคะ...คุณดนัยต้องการพบคุณค่ะ ” ไม่ทันที่ทนายมนัสจะเอ่ยอะไร พยาบาลสาวคนเดิมก็ออกมาบอก ให้เธอเข้าไปพบดนัย
“ ค่ะ..” เมื่อได้ยินที่พยาบาลบอกแบบนั้น มัสลินก็รีบเข้าไปทันที
ร่างเล็กก้าวท้าวเข้ามาในห้องปลอดเชื้อ เมื่อเห็นคนเป็นพ่อที่มีสายระโยงระยางอยู่รอบตัว หยาดน้ำตาก็ไหลรินออกมาทันที
มีเพียงเครื่องช่วยหายใจที่เป็นสิ่งพะยูงชีวิตท่านเอาไว้ในตอนนี้
“ อย่าร้องลูก...” ดนัยเอ่ยขึ้นน้ำเสียงแผ่วเบาไร้เรี่ยวแรง
#########
