ตอนที่ 5
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ตามใจทุกเรื่อง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ทำตามที่เจ้าหล่อนต้องการหากว่าสิ่งนั้นถูกต้อง คมกริชนี่แหล่ะ ที่เป็นคนคอยเช็ดน้ำตาทุกครั้งยามเจ้าหล่อนถูกขัดใจ
และเขานี่แหล่ะ ที่เป็นคนสร้างรอยยิ้มให้กับสาวน้อยขี้แยในยามที่ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ และก็เขาอีกนี่แหล่ะ ที่เป็นคนผู้สรรหาสิ่งที่ภาสินีต้องการแล้วไม่ได้จากคนอื่นทุกครั้ง
คมกริชไม่ได้อคติหรือเกลียดชังเจ้าหล่อน เพียงแต่หมั่นไส้นิสัยออดอ้อนช่างออเซาะประจบประแจ ที่ภาสินีแสดงออกกับทุกคนที่อยู่ใกล้ เหมือนที่ทำอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ มันหมั่นไส้อยากจะจับมาตีก้นเสียให้เข็ด และสั่งสอนให้จำไว้ว่าอย่าใกล้ชิดกับใครเกินตน คนเดียวที่จะเนรมิตทุกสิ่งให้ได้มีแค่คมกริชคนเดียวเท่านั้น และค่าตอบแทนในสิ่งที่ทำให้ไม่ได้ต้องการอะไรมาก นอกจากรอยยิ้มหวานๆ ให้ชื่นใจแค่นั้น
พีระคุยกับภาสินีต่อสักพักแล้วจึงลุกจากโต๊ะออกไปจากร้าน เปิดโอกาสให้คมกริชได้จังหวะเดินไปหาเจ้าของร้านคนสวยที่ง่วนอยู่กับการเก็บข้าวของบนโต๊ะ และแน่นอนว่าเมื่อสบโอกาสอยู่เพียงลำพัง มีหรือที่เขาจะไม่เอาคืนในสิ่งที่ไม่พอใจ
"ขนมขายไม่ดีหรือไง ถึงได้ต้องใช้วิธีใหม่เรียกลูกค้า" คมกริชถามเสียงดังด้วยสีหน้าบึ้งตึง
โชคดีที่ในร้านไม่มีลูกค้า มีเพียงแค่พนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ซึ่งกำลังเก็บของอยู่ ภาสินีหันมาเห็นคมกริชยืนหน้าบึ้งเหมือนกับโกรธใครมาสักร้อยปี ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขาจะมาหาเรื่อง
"แก้วตา ปิดร้านซะ พรุ่งนี้อย่าลืมที่เรานัดกันตอนเช้า" ภาสินีไล่ทางอ้อม รีบเดินเข้าไปในห้องทำงานและปิดประตูทันที แต่คมกริชก็ดันประตูตามเข้าไปจนได้
"ฉันว่าจะช่วยซื้อขนมสักหน่อย เผื่อจะทำให้ยอดขายของร้านดีขึ้น"
"ถ้าจะซื้อขนมก็รีบไปสั่งที่เคาน์เตอร์ซะ ไม่งั้นของที่เหลือเราจะจัดการ"
“แต่ละวันคงทิ้งเกินครึ่งซินะ แล้วแบบนี้จะเอากำไรที่ไหน เหลือเท่าไรฉันเหมาหมดเลยก็ได้ เผื่อว่าจะได้กำไรเพิ่มขึ้นมาหน่อย”
“ถ้าไม่ซื้อก็กลับไปซะ ฉันจะปิดร้านไม่ต้องการคนนอกแล้ว” สาวน้อยไล่กันตรงๆ
"ใช่ซิ ฉันมันคนนอกไม่เหมือนคนใน ที่ป่านนี้คงเข้านอกออกในกันจนทะลุไส้ทะลุพุงแล้ว" ชายหนุ่มประชดเสียงดัง
"พูดเรื่องอะไร" ภาสินีหันมามองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ
"ก็พูดตามที่เห็น ทีหลังทำอะไรก็อย่าประเจิดประเจ้อนัก ร้านมันจะเสียภาพพจน์ คนจะนึกว่าเป็นร้านอื่นแทนร้านขนม"
"มีแต่คนไม่มีสมองเท่านั้นที่คิดได้แบบนี้ บอกแล้วใช่ไหม ถ้าจะมากวนประสาทกันก็ไม่ต้องมา จะซื้อขนมก็ไปหน้าร้าน หรือถ้าจะให้ดีไม่ต้องมาเลยจะขอบคุณมาก" ภาสินีตอกกลับอย่างไม่เกรงกลัว
เธอกับคมกริชชาตินี้คงไม่มีวันพูดจากันรู้เรื่องแน่ เขากวนประสาทแบบนี้มาตั้งแต่จำความได้ และไม่เคยมีสักครั้งเลยที่จะพูดดีด้วย ถ้าไม่แหย่ให้โมโหจนร้องไห้ ก็ต้องพูดอะไรสักคำให้เสียใจ ปากพล่อย ปากเสีย ปากไม่ดี น่าโมโหที่สุด
"ถ้าไม่มาก็จะไม่ได้เห็นของดีซิ ไม่ได้รู้วิธีทำการตลาดแบบใหม่ที่ต้องเอาตัวเป็นสินค้าด้วย”
"เมื่อไรคุณจะเลิกกวนประสาทฉันเสียที" หญิงสาวสุดจะทนกับคำพูดไม่เข้าหูของเขาแล้ว
"ฉันอุตส่าห์ไม่ยุ่งกับคุณแล้ว คุณก็ไม่ควรมาหาเรื่องฉันอีก"
ภาสินีเน้นทุกคำชัดเจน สายตาและท่าทางบ่งบอกว่าโมโหและไม่ไยดีอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
"ใครอยากยุ่งด้วย ก็แค่แวะมาซื้อขนม" ไม่วายที่คมกริชจะตอบโต้
ชายหนุ่มประหม่าเล็กน้อยเมื่อเห็นแววตาที่จ้องมองของภาสินีในเวลานี้ มันทำให้หัวใจรู้สึกโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก เพราะแววตาคู่นี้ไม่มีความหวาดหวั่นต่อเขาเลยแม้แต่น้อย เหมือนความอาทรที่เคยมีต่อกันมลายหายไปจนหมดสิ้น
"กรุณาออกไปจากร้านฉัน ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะฟ้องคุณป้าว่ามีคนบ้ามาอาละวาดไม่เลิกแถวนี้"
"จะมากไปแล้วนะ กล้าดียังไงมาบอกว่าฉันเป็นคนบ้า” คมกริชโกรธขึ้นมาบ้าง
“ที่ฉันมาก็เพื่อจะช่วยอุดหนุน”
"ถึงไม่มีคุณ ขนมร้านฉันก็ขายได้" หญิงสาวสวนกลับทันที
"อ๋อ ลืมไป มีวิธีทำการตลาดแบบพิเศษด้วย” น้ำเสียงคนพูดถากถางในที
"พูดบ้าอะไรของนาย"
"ก็พูดความจริงไง ขายขนมพร้อมกับบริหารเสน่ห์ ก็บอกแล้วว่าค่าขนมอย่างเดียวไม่พอรายจ่าย มันต้องมีสปอร์เซอร์มาอุดหนุน" คมกริชพูดอย่างรู้ทันต่อไปอีกว่า
"หมอนั่นมันเหมาขนมทีละเท่าไรล่ะ หมดร้านหรือเปล่า หรือว่าเป็นนายทุนหลักให้ร้านเธอ"
"ไอ้..." ภาสินีอยากจะบีบคอคนตรงหน้าให้ตายคามือเสียจริงๆ
"คนอื่นคงไม่รู้ว่า ไอ้ที่บอกว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ก็เพราะมีวิธีขายแบบพิเศษหรือไม่ก็ไม่ต้องขาย แต่ใช้เสน่ห์หว่านขายแทนขนม"
"ออกไปจากร้านฉันเดี๋ยวนี้" เจ้าของร้านคนสวยตะโกนไล่อย่างหมดความอดทน
ไม่ใช่ไล่แค่ปากแต่ภาสินีไล่ด้วยการกระทำอีก สองแขนเล็กผลักให้คนที่ยืนเป็นทองไม่รู้ร้อนออกไปจากห้อง คมกริชไม่ขยับเสียอย่างใครจะทำไม ตัวเล็กแค่นี้จะมีแรงผลักได้สักเท่าไรเชียว
"ก็บอกแล้วไงว่าเธอมันเก่งแต่ชี้นิ้วสั่ง ทำขนมทำงานทำการกับเขาได้ที่ไหน บอกให้นะ นั่งแต่งตัวสวยๆ ยิ้มหวานๆ แค่นี้เดี๋ยวก็มีไอ้ผู้ชายบื้อๆ มาซื้อมาเหมาเอาไปแจก แต่หวังว่าจะบริหารแค่เสน่ห์ให้คนซื้อขนมนะ คงไม่ต้องลงทุนแถมอย่างอื่นให้ลูกค้าหนุ่มๆ หน้าโง่ของเธอล่ะ"
"นายคมกริช" ภาสินีกรีดร้องอย่างสุดกลั้น สองมือเล็กระดมทุบไปทั่วทั้งร่าง มีแรงเท่าไรก็ทุบไปที่ตัวของคมกริชเต็มที่
"เอาน่า สัญญาจะไม่บอกใครให้รู้ เธอจะได้มีภาพลักษณ์เป็นคนเก่งให้คนอื่นชื่นชมอย่างไรล่ะ" คมกริชลอยหน้าลอยตาพูดยั่วให้อีกฝ่ายโกรธจนทนไม่ไหวอีกครั้ง
"ไอ้บ้า ไอ้นิสัยไม่ดี ไอ้คนบ้า" ภาสินีทุบตีเพื่อระบายความโกรธ คมกริชแรงเยอะกว่ากุมมือไว้แล้วยิ้มเยาะลอยหน้าลอยตา โดยที่หญิงสาวทำอะไรตอบโต้คืนไม่ได้นอกจากโกรธจนน้ำตาคลอและร่วงหล่นมาด้วยความคับแค้นใจ
"ร้องไห้ทำไม" คมกริชถามด้วยความตกใจ เมื่อเห็นน้ำตาหยดแรกร่วงลงมาที่ข้างแก้ม
ไม่ใช่แค่น้ำตาที่ไหล แต่ร่างเล็กสั่นสะท้านด้วยความโกรธปนความเสียใจที่ถูกพูดจาไม่ดีใส่ โมโหแต่ทำอะไรไม่ได้
"เลิกขี้แยได้แล้ว ไม่แกล้งก็ได้" เขาปล่อยมือที่กุมไว้เป็นอิสระ
"อย่าร้องน่า โตแล้ว" ชายหนุ่มชักใจไม่ดีที่เห็นภาสินีไม่หยุดร้องไห้ แถมยังมองด้วยสายตาอาฆาตอีกด้วย
"ออกไปเลยนะ"
เธอสะอื้นยกมือปาดน้ำตาที่แก้มให้แห้ง พยายามสั่งตัวเองว่าไม่ให้ร้องไห้ อย่าร้องไห้ให้ผู้ชายคนนี้เด็ดขาด
"หยุดร้องก่อนซิ" ชายหนุ่มควักผ้าเช็ดหน้าออกมายื่นให้
"ไม่ต้อง" หญิงสาวหันหน้าหนีเช็ดน้ำตาด้วยสองมือของคนเอง
"หยุดร้อง เช็ดหน้าซะ" เขาก้าวเข้ามาซับน้ำตาบนแก้มนวลอย่างเบามือ อารมณ์ที่คิดจะเย้าแหย่เมื่อครู่หยุดชะงักลงไปทันที
"ไม่ต้องมายุ่ง" สาวน้อยเมินหน้าหนีผ้าเช็ดหน้าที่บรรจงซับข้างแก้ม
"มานี่" คมกริชคว้าตัวคนงอนให้หันมา แล้วใช้แขนรั้งเอวสวยเข้าหาก่อนจะซับน้ำตาให้อย่างถนอม
