บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2

ภาสินียื่นกล่องขนมที่เตรียมมาเป็นของฝากให้คุณนวลด้วยรอยยิ้ม แม้จะรู้ว่ามีใครอีกคนนั่งอยู่ข้างๆ แต่เธอเลือกที่จะทำเมินเหมือนไม่เห็นราวกับว่าไม่ได้อยู่ในห้องนี้ด้วย

คมกริชอึดอัดเล็กน้อยเมื่อการสนทนาส่วนใหญ่มีเพียงภาสินี คุณหญิงวิมลและมารดา เขากลายเป็นตุ๊กตาประดับฉากที่ไร้ชีวิตไปเสียแล้ว แม้ว่าชายหนุ่มจะพยายามหาช่องจังหวะแทรกเข้าไปในการสนทนานั้น แต่ก็ดูเหมือนว่าภาสินีจะจงใจมองข้ามไปอย่างเห็นได้ชัด

คุณนวลขอตัวกลับพร้อมคมกริชในเวลาต่อมา คุณหญิงวิมลออกปากให้บุตรสาวไปส่งแขกที่รถแทนตน ภาสินีถือกล่องขนมเดินประคองคุณนวลมาจนถึงรถ คมกริชยื่นมือมารับกล่องขนมในมือของหญิงสาว โดยหวังจะใช้โอกาสนี้พูดคุยทักทายด้วย แต่ภาสินีส่งเพียงกล่องขนมให้และไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ

"ไม่ยักรู้ว่าเป็นใบ้" จู่ๆ คมกริชก็เอ่ยขึ้นลอยๆ จงใจให้เจ้าของขนมได้ยิน ภาสินียังเฉยเหมือนว่าไม่มีใครพูดอะไร

"เป็นใบ้ก็ดี ต่อไปมลพิษทางเสียงจะได้น้อยลง"

ภาสินีเฉย สีหน้าท่าทางเหมือนไม่รับรู้ในสิ่งที่คมกริชพูดเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าความจริงแล้วจะได้ยินก็ตามทีแต่ก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจทั้งคนทั้งเสียง

“รู้จักทำมาหากินก็ดีแล้ว ว่าแต่ขายขนมแค่นี้พอค่าแต่งตัวหรือเปล่า”

"ยุ่ง" เสียงเล็กย้อนกลับทันควัน ใบหน้าหวานเชิดใส่อย่างไม่ไยดี คมกริชอมยิ้มรู้แล้วว่าการแหย่ของตนได้ผล และแน่นอนว่าคนอย่างเขาไม่ชอบให้ใครมาอวดดีด้วย ภาสินีคงลืมไปแล้วกระมังว่าการเอาชนะของคมกริชเป็นแบบไหน และทุกครั้งเจ้าหล่อนก็พ่ายแพ้ต่อการเอาชนะของชายหนุ่มทุกที

"ใครอยากจะยุ่งด้วย แค่จะบอกให้รู้ว่าถ้าคิดจะไปอยู่ด้วยกันก็ต้องรู้จักประหยัด ไม่มีหรอกนะเงินถุงเงินถังมาให้ผลาญเล่นๆ หมดไปกับเสื้อผ้าข้าวของที่ไร้สาระ"

"แล้วใครบอกว่าจะไปอยู่ด้วย" ในที่สุดภาสินีก็อดที่จะโต้ตอบกลับไม่ได้

เธออุตส่าห์ข่มใจตัวเองว่าจะไม่พูดไม่ยุ่งไม่คุยกับเขาแล้ว แต่ในที่สุดก็ทนการก่อกวนของคมกริชไม่ไหว ผู้ชายอะไรกี่ปีกี่ชาติก็จิกกัดไม่ปล่อยพูดจาเหน็บแนมเก่งนัก นิสัยเหมือนผู้หญิงจู้จี้จุกจิกเสียเหลือเกิน

"ก็ไม่ได้ปฏิเสธไม่ใช่เหรอ"

"ต่อให้โลกนี้เหลือผู้ชายคนเดียวในโลกคือคุณ ฉันก็ขออยู่คนเดียวสบายใจกว่า" ภาสินีโต้ตอบอย่างไม่ลดละ และไม่มีทีท่าว่าจะยอมอ่อนข้อให้เหมือนเมื่อครั้งในอดีต

"แน่ใจว่าทำได้" พูดแบบนี้ต้องได้เห็นดีกันหน่อยแล้ว คมกริชรุกเดินเข้าไปใกล้จนเกือบจะประชิดตัวภาสินี

"ใช่" ปากบอกว่าใช่ใจบอกว่าไม่กลัว แต่เอาเข้าจริงภาสินีก็ถอยหลังกรูเมื่อเห็นคมกริชเข้ามาใกล้

ภาสินีไม่มีวันลืมว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว เขาปล้นจูบแรกของชีวิตไปหน้าตาเฉย และพูดใส่หน้าว่าทำอะไรไม่เป็นโล้เป็นพาย นั่นคือที่มาที่ทำให้คุณหนูจอมจุ้นลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองให้กลายเป็นสาวสวยมากความสามารถ เพื่อลบคำสบประมาทที่ใครบางคนถูกดูถูกไว้

"ทำบ้าอะไร ถอยไปนะ" ภาสินีรีบร้องห้ามเมื่อเห็นว่าอีกเพียงก้าวเดียว พ่อเจ้าประคุณก็จะถึงตัวเธอแล้ว

"ไม่ถอยจะทำไม" คนอยากเอาชนะแกล้งทำทีว่าจะเดินเข้าไปหาอีก

"อย่าเข้ามานะ" แม้กลัวแต่เธอก็พร้อมจะสู้และไม่ยอมให้เขารังแกได้อีกเด็ดขาด

"นึกว่าอยากให้อยู่ใกล้ๆ" คนพูดยื่นหน้าเข้ามายั่ว

"หน้ายังไม่อยากจะเห็นด้วยซ้ำ" ภาสินีเมินหน้าหนี

"ไม่เจอกันนานตั้งสองปี ไม่คิดถึงกันบ้างหรือไง" คมกริชถือวิสาสะเชยคางสวยให้หันหน้ามาสบตา

"ไม่มีในหัวสมองแม้แต่วินาทีเดียว" คุณหนูจอมจุ้นตอบอย่างไม่รักษาน้ำใจ

"แน่ใจว่าไม่คิดถึงสักวินาที" ชายหนุ่มย้อนถาม

สายตาของคมกริชจ้องมองไปในดวงตาคู่สวยของหญิงสาว เขาไม่รู้หรอกว่าสองปีนานแค่ไหน แต่มันก็นานพอที่จะทำให้รับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวของภาสินี

จากคุณหนูจอมจุ้นที่แสนวุ่นวาย เด็กสาวตัวน้อยที่เอะอะอะไรก็ตามเขาแจ ชอบสั่งโน่นสั่งนี้ให้ยอมทำตามคำบัญชา ตอนนี้กลับกลายมาเป็นสาวน้อยแรกแย้มที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สวยบาดใจเสียเหลือเกิน

ยิ่งมองเห็นเรียวปากสวยสีระเรื่อ คมกริชก็ยิ่งต้องกลืนน้ำลายตัวเองที่เคยพูดไว้ทั้งหมดในทันที เขาเคยครอบครองเป็นเจ้าของและรู้ดีว่าริมฝีปากนี้หอมหวานเพียงไร ไม่เคยลืมเลยสักวันว่ายามที่แตะสัมผัสในวันนั้นมันตราตรึงติดใจมากแค่ไหน

ยิ่งในเวลานี้ด้วยแล้วไม่ใช่แค่ริมฝีปากที่เป็นเจ้าของ แต่กายสาวที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่อาจให้ใครมาแตะต้องครอบครองได้ เขาหวง หวงอย่างที่ไม่เคยหวงใครมาก่อน

"ไม่" ภาสินีพูดเสียงดังฟังชัดและจะเดินหนี

หัวใจเธอมันปั่นป่วนเมื่อต้องสบตาเขา ร่างกายเธอร้อนผ่าวเมื่อเห็นคมกริชในระยะใกล้ ทุกอย่างมันไม่เป็นตัวของตัวเองและที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ มันคิดถึง โหยหา เหตุการณ์บ้าๆ ที่ไม่เคยลบเลือนจากหัวใจ

"เดี๋ยว ไหนเล่าให้ฟังซิ ทำขนมอะไรขาย" คมกริชพยายามจะคว้าข้อมือเธอไว้ เพื่อยื้อให้ได้คุยกันต่อ

"ไม่เล่าอะไรทั้งนั้น อยากรู้ก็ไปดูเองซิ"

ภาสินีหน้าแดงเมื่อเห็นรอยยิ้มของคมกริช เธอพลาดไปเสียแล้วที่เผลอพูดถ้อยคำที่เหมือนจะเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายเข้ามาในชีวิตมากขึ้น ยิ่งเห็นสายตาที่ชายหนุ่มมองสบมาด้วยแล้ว มันเหมือนกับว่าเขาจะรู้ความรู้สึกนึกคิดภายในที่ปิดบังซ่อนไว้

“คนบ้า” เจ้าหล่อนตะโกนเบาๆ หน้าตาแดงก่ำหันหลังวิ่งหนีเข้าบ้านไปในทันที ปล่อยให้คมกริชยืนยิ้มมองตามจนลับสายตาด้วยความสุขใจเพียงลำพัง

คุณนวลสั่งให้บุตรชายคนเล็กแบ่งขนมของภาสินีไปให้วัชระและเกษราในตอนเช้าของวันพรุ่งนี้ สองแม่ลูกนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระจนดึก หญิงวัยกลางคนขอตัวขึ้นบ้านเพื่อไปพักผ่อน ในขณะที่คมกริชนั่งมองกล่องขนมที่ได้มาจากแม่จอมจุ้นอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิม

“คิดยังไงมาเปิดร้านขนม”

คมกริชจับกล่องขนมขึ้นมาถือไว้แล้วพิศดูหน้าตามันอย่างช้าๆ รสชาติจะเทียบยี่ห้อดังในท้องตลาดได้หรือไม่ แล้วเพราะอะไรเจ้าหล่อนถึงนึกสนุกมาทำงานพวกนี้ แทนที่จะกรีดกรายไปวันๆ เหมือนเมื่อก่อน

“จะพอค่ากินในแต่ละมื้อไหม หรือจะพอค่าแต่งตัวหรือเปล่าก็ไม่รู้” ชายหนุ่มวางกล่องขนมลงบนโต๊ะแล้วเตรียมจะลุกขึ้นไปอาบน้ำนอน

"พอไม่พอไม่รู้ รู้แต่ว่าขายหมดมีคนสั่งขนมทุกวัน" คุณนวลซึ่งกำลังจะก้าวขึ้นบันไดหันมาตอบ

"นึกยังไงถึงมาเส้นทางนี้ครับ ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะมีความสามารถเรื่องพวกนี้"

"เมื่อกี้ก็เห็นคุยกันตั้งนาน ไม่ได้ถามน้องเหรอ" มารดาแอบสังเกตท่าทีของบุตรชายได้ว่า คมกริชเองก็สนใจภาสินีไม่น้อย จะว่าไปเรียกว่ามากเลยก็ว่าได้

"หวังว่าจะไม่เลิกวันนี้พรุ่งนี้นะ" ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ มองกล่องขนมอีกครั้งแล้วก็อดจะคิดถึงคนที่ให้มาไม่ได้

"กริชไม่ลองไปชิมขนมที่ร้านหนูแพทล่ะ จะได้รู้ว่าอร่อยจริงหรือเปล่า"

"ไว้ว่างแล้วจะไปนะครับ แต่ผมต้องเตรียมยาแก้ท้องเสียไว้ด้วยหรือเปล่า"

"แหม คงไม่ขนาดนั้นหรอกลูก นี่ แม่จะบอกอะไรให้นะ ร้านหนูแพทมีลูกค้าประจำเพียบ บางคนนะมาจิบกาแฟกินขนมนั่งเพลินๆ ไปทั้งวันจนร้านปิดก็ยังมีเลย"

"อร่อยขนาดนั้นเชียวเหรอครับ" สีหน้าชายหนุ่มเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อฟังคำบอกเล่าว่าอร่อยจนบางคนนั่งเพลินถึงเวลาปิดร้าน

"ต้องลองถึงจะรู้จ้ะ อร่อยไม่อร่อยลูกค้าประจำเพียบ ก็อย่างที่บอกบางคนไปไหนมาเหนื่อยๆ ก็แวะมากินกาแฟนกินขนมอยู่จนร้านปิดเลยก็เยอะ" หญิงวัยกลางคนสำทับคำเดิมอีกครา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel