Chapter3
ปากบางได้รูปงามเม้มเข้าหากันเหมือนสะกดอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง แต่เสียงพูดต่อยังกร้าว “ถ้าเป็นคนอื่น ผมเลาะฟันหมดปากไปแล้ว!”
สีหน้าดรัลคงสงบเฉย และดูเหมือนพิทวัสจะคิดได้ เพราะประโยคคำพูดต่อมาอ่อนลง
“ภัทรเขาเป็นเด็กดีมากครับ วางตัวได้เหมาะสม และออกจะเป็นคนหัวเก่าอยู่มาก ขนาดผมหมั้นกับเขาแล้ว อย่างมากก็แค่ได้จูบหลังมือเขาเท่านั้นแหละครับ อย่างเดินประคองหรือโอบไหล่ เขายังไม่ชอบเลย บอกว่าคนไทยไม่ใช่ฝรั่งจะได้แสดงความรักประเจิดประเจ้อไม่รู้กาลเทสะ”
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” เขาพูดเสียงเรียบดุจเดิม
“ว่าแต่...ภัทรอะไรของนายคนนี้ อายุเท่าไหร่แน่ พี่ฟังเหมือนแก่ แต่นายก็บอกว่าเขาเป็นเด็กดี เลยเดาไม่ถูกว่าจะอายุสักแค่ไหน”
พิทวัสหัวเราะ สีหน้าค่อยกลับเป็นปกติเมื่อพี่ชายทำท่าสนใจในคนรักของเขา
“ความจริงภัทรไม่เด็กหรอกครับ อ่อนกว่าผมแค่สองปีเท่านั้นเอง”
อีกครั้งที่ดรัลนิ่งนาน
“พี่ดำคิดอะไรอยู่หรือครับ” พิทวัสถามอย่างอดไม่ได้
“พี่กำลังสงสัยว่าคุณภัทรของนายเขารู้จักนายดีแค่ไหน”
สีหน้าพิทวัสอ่อนโยนลงอย่างที่ดรัลไม่เคยเห็นมาก่อน
“รู้จักดีมากครับ ถ้าพูดเรื่องอุปนิสัยใจคอของผม ภัทรเขาบอกว่าผมน่ะ เป็นผู้ใหญ่ที่เคยเสียเด็กมาก่อน เขาไม่ได้เห็นผมเป็นพ่อเทพบุตรอะไรเลยแหละครับ แล้วผมก็พูดกับเขาได้ทุกอย่าง ภัทรเป็นทั้งเพื่อน คนรัก และที่ปรึกษาของผมในบางครั้ง ผมอยู่กับเขาแล้วสบายใจที่สุดเลยครับ”
แววตาของพิทวัสที่ดรัลมองอยู่ตอนนั้นเป็นแววตาของคนกำลังอยู่ห้วงรักโดยแท้
“ภัทร ชื่อเต็มๆ ว่าภัทรจารินครับ นางสาว ภัทรจาริน รุ่งภพ แต่อีกไม่นานก็จะเป็น นาง ภัทรจาริน วิชญ์ภาส ภัทรสวยมากครับ แล้วก็น่ารักมากด้วย อ้าว...พี่ดำอย่าหัวเราะสิ นี่ผมพูดจริงนะ ภัทรน่ะ ความจริงเขามีผู้ชายมาชอบเขาตั้งหลายคน แต่เขาก็ตกลงปลงใจกับผม”
“แสดงว่าเขาฉลาด”
“หมายความว่ายังไงครับ” พิทวัสชักหน้านิ่วเพราะรู้สึกแปร่งหูกังวานเสียงของพี่ชาย
“ทำไมพี่ต้องแปล”
“พี่ดำพูดเสียงพิลึกนี่ครับ”
“คิดมาก ว่าแต่ภัทรของนาย เขารู้หรือเปล่าว่า กำลังจะได้แต่งงานกับทายาทเศรษฐี ถึงแม้จะไม่ใช่เศรษฐีพันล้าน ก็ยังเรียกว่ารวยกว่าเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน ซึ่งจะทำให้ชีวิตภายภาคหน้าของเขาสุขสบายอยู่บนกองเงินกองทอง แม้ไม่ต้องทำมาหากิน”
“พี่ดำถามแบบนี้เพราะไม่แน่ใจว่าภัทรยอมตกลงแต่งงานกับผมเพราะรักผม หรือเพราะรักเงินของผม อย่างนั้นใช่มั้ยครับ”
นัยน์ตาระยับของพิทวัสวาบวับแสงขึ้นอีกอย่างโกรธๆ
“ใช่”ดรัลยอมรับเสียงเฉย หน้าเฉย
“พี่ดำ” พิทวัสขบฟันเรียกเขา “ภัทรไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอกครับ ผมไม่ได้บอกพี่ดำอย่างหนึ่ง คือที่ผมรักภัทร ก็เพราะเขาไม่เคยสนใจเลยว่าผมเป็นใครมาจากไหน เป็นลูกเศรษฐีหรือทายาทผู้ดีมีชื่อเสียงในสังคมหรือเปล่า ภัทรเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเป็นเจ้าของกองมรดกคุณพ่อคุณแม่ที่สิ้น เขานึกว่าผมเป็นแค่ชายหนุ่มธรรมดาๆ เพราะผมรู้แต่ก่อนจะเข้าไปจีบเขาแล้วว่า ภัทรออกจะมีปมด้อยอยู่เรื่องความแตกต่างของชนชั้น เขาไม่รังเกียจคนรวย แต่ก็เห็นว่าพวกคนรวยเป็นคนอีกประเภทหนึ่งที่เขาไม่อยากข้องแวะ เพราะเขากลัวว่าจะถูกดูหมิ่นดูแคลน”
พิทวัสพูดยืดยาว เสียงเกือบฟังเป็นหอบด้วยความโกรธ
“เขาวางแผนอนาคตกับผมอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยเริ่มจากสร้างครอบครัวเล็กๆ มีบ้านหลังเล็กๆ ภายใต้เนื้อที่พอให้หายใจหายคอได้บ้าง เขาไม่เคยหวังที่จะอยู่ตึกหรือคฤหาสน์ ที่ผมมีอยู่ในครอบครอง ที่เวลานี้ยังให้เขาเช่า ผมพาเขาไปดูบ้านอีกหลัง หลังสีเขียวที่ซอยไมยราพไงครับ พี่ดำก็รู้ว่าไม่ได้ใหญ่โตอะไร ผมบอกว่าเป็นบ้านที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ เขาชอบมาก เพราะมีต้นไม้เยอะ แล้วเขาบอกว่าได้แค่นี้ เขาก็คิดว่าเขากับผมจะต้องมีความสุขด้วยกันมากแล้ว พี่ดำไม่รู้หรอกว่า สีหน้าท่าทางของเขาทำให้ผมทั้งปลื้มใจ ทั้งภูมิใจ เพราะนั่นหมายความว่าเขารักผมที่ตัวผม ความจริงเรื่องผมมีเงินนี่ ผมไม่ได้คิดจะปิดบังเขาหรอก และภัทรเขาก็คงจะรู้ว่าผมพอมีไม่ถึงขัดสน แต่คงคิดไม่ถึงว่าที่ผมมีน่ะมากกว่าที่เขาคิดอยู่”
“แน่ใจหรือว่าเขาไม่รู้จริงๆ ว่านายเป็นทายาทเงินล้าน”
