Chapter2
พิทวัสผ่านการตกหลุมรักผู้หญิงในช่วงไม่ถึงสิบปี กว่าครึ่งร้อย แรกๆ เขาก็รับฟังอย่างเอาใจใส่ เมื่อน้องชายมาบอกว่ารักผู้หญิงสักคน และอกหัก แต่บ่อยครั้งเข้าเขาก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นเวลาพิทวัสกระตือรือร้นเข้ามาบอกว่าพบผู้หญิงถูกใจอีกแล้ว รวมครั้งล่าสุดนี้เขารับฟังผ่านหูไปอย่างนั้นเอง ยิ่งมาบอกแล้วก็หายหน้าไปนานเกือบเดือน ทั้งที่ปกติจะผลุบๆ โผล่ๆ ถึงแม้จะไม่มาให้เห็นหน้า ก็มักจะโทรมาพูดคุยด้วยเสมอๆ
ดรัลไม่ห่วง รู้ว่ายังไงน้องชายก็คงอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ ที่ได้ขอเอาไว้หลังเรียนจบกลับมา คงเห็นว่าอยู่อย่างนั้นสามารถใช้ชีวิตหนุ่มได้เต็มความคะนอง ถ้ามาอยู่ที่บ้านกับพี่ชายอาจจะต้องเกรงใจเวลาเข้าออกดึกๆ ดื่นๆ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเขาก็จะต้องได้ข่าว
เวลาผ่านไป เรื่องหญิงสาวคนที่ทำให้พิทวัสบอกว่าทำให้อยากลงหลักปักฐานเพื่อสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำ จนวันหนึ่ง
“พี่ดำครับ ผมจะแต่งงาน”
เขาถึงกับชะงักกับคำบอกเล่าอย่างไม่มีอารัมภบทนั้น
“อย่างนั้นหรือ”
“ครับ หวังว่าพี่ดำคงไม่ขัดขวาง อย่าโกรธนะครับ ถ้าผมจะบอกว่า ผมกับภัทรหมั้นกันเรียบร้อยแล้วเมื่อคืนนี้เอง”
พิทวัสเห็นสีหน้าพี่ชายก็รีบพูดเร็ว
“ภัทรเขาไม่มีใครเลยครับ ไม่ว่าพ่อหรือแม่ ญาติพี่น้องก็ไม่มี มีแต่เพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง ผมก็เลย...เอาอย่างธรรมเนียมฝรั่งมาใช้คือหมั้นกันเอง รับรู้กันเองสองคน เพราะถึงให้พี่ดำไปขอหมั้นให้ก็คือครือกัน เพราะภัทรเขาก็ต้องตัดสินใจเองอยู่แล้ว”
“ก็ดีแล้วนี่” เขาพูด
“พี่ดำไม่...ไม่ว่านะครับ”
ได้ยินซุ่มเสียงไม่แน่ใจ เขาก็เลยพูดยิ้มๆ
“พี่จะไปว่าทำไม”
“ผม...ใช้แหวนของคุณแม่ ที่ฝากพี่ดำไว้ให้ผมหมั้นภัทรเขาครับ” พิทวัสขยายความต่อ
“ควรเป็นเช่นนั้น” ดรัลทำเสียงเห็นด้วย
“พี่ดำจะไม่มีความเห็นอะไร บ้างหรือครับ”
อีกครั้งที่ดรัลยิ้มเต็ม สีหน้าเขาบอกถึงความเอ็นดูแต่ก็ระคนไว้ในความขบขันหน่อยๆ
“จะให้พี่ว่ายังไงล่ะ วัสโตแล้วนี่ ตัดสินใจเองได้ทุกอย่าง ว่าแต่จะแต่งงานกันเมื่อไหร่ก็อย่าลืมบอกพี่บ้างละกัน”
“โธ่... พูดอะไรอย่างนั้นละครับ ทำไมผมจะไม่บอก งานแต่งนี่ ผมกะจะจัดให้ใหญ่โตไปเลย แล้วให้พี่ดำเป็นเจ้าภาพ แต่ว่า...”
“ไม่มีปัญหา พี่ยินดีเป็นเจ้าภาพให้ด้วยความเต็มใจ”
เขาพูดเสียงบอกว่าเต็มอกเต็มใจ แต่พิทวัสก็กลับถอนใจเฮือก
“ครับ ยังไงพี่ดำก็ต้องเป็นเจ้าภาพ หรือจะว่าเป็นสักขีพยานก็ได้ แต่เรื่องจัดงานนี่เห็นจะไม่ใหญ่โตอะไรหรอกครับ ภัทรเขาไม่ชอบงานใหญ่ๆ เขาบอกว่าจัดหรูหราไปก็แค่นั้น เปลืองเงินเปลืองทอง แล้วก็ใช่ว่าจัดงานใหญ่โตแล้วจะวัดได้ว่าจะอยู่ครองรักกันไปจนตายเสียเมื่อไหร่ เขาว่าเห็นมานักต่อนักแล้ว ที่จัดงานแต่งแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แล้วคู่แต่งงานกันก็หย่ากันตั้งแต่ก้นหม้อไม่ทันดำ”
เป็นครั้งแรกที่ดรัลให้ความสนใจต่อ ‘ภัทร’ ของน้องชายเป็นพิเศษ
“ท่าทางมีความคิด เอ๊ย! ฉลาดคิดอยู่นี่คู่หมั้นของนายคนนี้” เขาพูดหน้าเฉย
“ภัทรเขาฉลาดครับ” พิทวัสพูดอย่างกระตือรือร้น ตาเป็นประกาย “เขาเก่งมากด้วยนะครับพี่ดำ ดูแลตัวเองมาตั้งแต่อายุสิบสี่สิบห้าแน่ะ ทำงานไปเรียนไป เขาไม่เหมือนวัยรุ่นสมัยนี้บางคน ขนาดว่าพ่อแม่ส่งเสียยังไม่ค่อยจะเอาถ่าน”
“พ่อแม่เขาไปไหนเสียล่ะ เขาถึงต้องขวนขวายเอง”
“แม่เสียแล้วครับ ส่วนพ่อ... ครั้งสุดท้ายที่เขาได้ข่าว รู้สึกจะอยู่กับเมียคนที่เท่าไหร่เขาก็ขี้เกียจจำดูเหมือนตอนนี้จะอยู่ลำปาง หรือลำพูนอะไรนี่แหละ”
เขานิ่งไปนาน
“พี่ดำคิดอะไรอยู่หรือครับ หรือพี่ดำไม่ชอบภัทรของผม”
“พี่กำลังสงสัยว่าภัทรของนายจะรู้หรือเปล่าว่านายมีนิสัยอย่างหนึ่งคล้ายพ่อเขา”
“อะไรอย่างนั้น ผมไม่...”
“นายน่ะออกจะเจ้าชู้ไม่เบาหรอกนะ” ดรัลพูดให้ชัดขึ้น
“โอย ! ผมเลิกแล้วครับ ตั้งแต่รู้จักกับภัทรนี่ก็...หลายเดือนแล้วนะครับพี่ดำ ผมไม่ได้วุ่นวายกับผู้หญิงที่ไหนอีกเลย”
“คงเพราะมัวแต่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับภัทร”
ดรัลเลิกคิ้ว
พิทวัสหน้าแดง ซ่านขึ้นทีละน้อยจนแดงก่ำ นัยน์ตาออกจะวาววับอย่างกำลังโกรธเสียงพูดก็เหมือนว่าจะรอดไรฟันออกมา
“นี่ดีนะว่า คนพูดเป็นพี่ดำ”
