Chapter1/ ร่ายรักระบายแค้น
ดรัล สินมหัต กำลังยืนมองออกไปนอกหน้าต่างห้องพักบนโรงแรมหรูใจกลางนครนิวยอร์ก
แต่แทนที่จะมองเห็นเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงาม ในม่านตาของเขากลับมีแต่ภาพของหญิงสาวร่างอรชร ผิวผ่องเนียน เรียวขาสวย ทุกก้าวย่างเต็มไปด้วยความปราดเปรียวกระฉับกระเฉง แต่ก็ไม่ทิ้งความนุ่มนวลชวนมอง
หล่อนมีใบหน้าเพรียวไม่ถึงกับเป็นรูปไข่ โหนกแก้มขึ้นรูปสวย ทำให้โครงหน้าดูงามซึ้ง เพราะระคนอยู่ระหว่างความหวานกับความเซ็กซี่ที่แยกไม่ออก
ดวงตากลมโตในกรอบล้อมขนตายาวงอนสีน้ำตาลฉายแววหวานแม้ในยามเจ้าตัวตีสีหน้าสงบ สำรวมอย่างไว้ตัว
การที่เขาสามารถฝ่าเกราะล้อมเยือกเย็นเข้าไปได้ทำให้รู้ว่า แท้ที่จริงภายใต้ความเฉยชาของสีหน้าและเบื้องหลังแววตาเป็นประเภทหวานระยับมีความร้อนเร่าระอุอยู่ เขาเองก็ยังลืมตัวเผลอจนเกือบถูกเผาไหม้ ก่อนจะทันรู้ตัว ต้องรีบตั้งสติก่อนจะมึนเมาไปกับความเร่าร้อนอ่อนหวานของความหวานจนกู่ไม่กลับ
เขาต้องใจแข็ง และแข็งใจ เพื่อรอให้อะไรๆ งวดกว่านี้
เขาไม่ต้องการแค่เรือนกายงดงาม แต่ต้องการหมด ไม่ว่าตัว หัวใจ ความรัก โดยที่เขาเองจะไม่ให้คืนในสองสิ่งหลัง
เขาตั้งใจแล้ว และจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ ไม่อย่างนั้นไฟแค้นในใจเขาก็จะไม่มีวันดับลงได้ จากนั้นเขาก็จะลบภาพของหล่อน ที่นับวันจะตามติดเขาไปทุกหนแห่ง ออกไปจากความทรงจำ เหมือนลบข้อมูลทิ้งจากคอมพิวเตอร์ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ง่ายที่เขาจะลืมรสชาติหวานของริมฝีปากเต็มอิ่ม ลืมผิวหอมนุ่มเนียนที่เคยสัมผัส ยากที่จะลืมดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหวาน เต็มไปด้วยความระวังระไว ร้อนก็ได้ เย็นปานน้ำแข็งก็ได้คู่นั้น
พูดจริงๆ คงเป็นเรื่องยากทีเดียว ในการลืมหล่อนเมื่อสิ่งที่เขาตั้งใจไว้ลุล่วงตามเจตนารมณ์และสมความมุ่งมาดคาดหมาย แต่เขาไม่มีทางเลือก และถึงมี เขาก็ไม่คิดจะเลือก คนอย่างเขาไม่เคยเปลี่ยนความตั้งใจของตัวเองกลางคัน ยิ่งทุกครั้งที่เขาคิดถึงความสูญเสีย เมื่อเกือบสองปีมาแล้ว ไฟแค้นในใจเขาก็ยิ่งลุกฮือ
ในภวังค์ของดรัลปรากฏภาพอีกภาพซ้อนขึ้นมา เป็นภาพของชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียว ใบหน้าหน้าตาสะสวยคมสันสะดุดตาผู้พบเห็น โดยเฉพาะยามเจ้าตัวคลี่ยิ้มประจบประแจง คนใจแข็งเท่าแข็ง ยังใจอ่อน
เขามองเห็นตัวเองนั่งอยู่เบื้องหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ในห้องสมุด ซึ่งเขาดัดแปลง เป็นห้องทำงานในบ้าน ขณะที่เขากำลังให้ความใส่ใจกับเอกสารแต่ละแผ่นตรงหน้า ประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาหลังจากมีเสียงเคาะกันสองที เขาเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงก้าวเร็วตรงเข้ามาหาอย่างร่าเริง
“พี่ดำฮะ ผมเจอแล้ว”
เสียงรื่นเริงมีแววตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“เจออะไรอีกล่ะ”เขาถามอย่างเอ็นดู
“ผู้หญิงที่ทำให้ผมอยากลงหลักปักฐานนะสิฮะ”
ดวงตาคนพูดวาววับ ไม่ต่างอะไรกับนัยน์ตาเด็กที่เจอของเล่นชิ้นใหม่ถูกใจ
“อีกแล้วหรือ” เขาทำเสียงไม่เชิงว่าถึงกับเอือมแต่ออกจะขันมากกว่า
ก็กี่ครั้งมาแล้ว ที่เขาได้ยินญาติผู้น้อง ที่เขารักประดุจน้องแท้ๆ ร่วมสายโลหิต เพราะความที่เขาต้องดูแลมาตั้งแต่อีกฝ่ายอายุไม่ถึงสิบขวบ เมื่ออาหญิงและอาเขยของเขาจบชีวิตลงเพราะประสบอุบัติเหตุทางเครื่องบิน
เขาผ่านการสูญเสียมาก่อน รู้รสชาติเมื่อต้องกลายเป็นลูกกำพร้าดี จึงสงสารน้องชายที่มีศักดิ์และอายุเป็นน้องของเขาคนนี้ค่อนข้างมาก และอาจด้วยวัยที่ต่างกันสิบกว่าปี ทั้งเขาเองไม่มีพี่น้องร่วมพ่อแม่เดียวกัน ก็เลยมีทั้งความรักความเอ็นดูน้องชายลูกเรียงพี่เรียงน้องมากเป็นพิเศษ
ยิ่งเหลือกันเพียงสองคน คือต่างฝ่ายต่างก็เป็นญาติสนิทของกันและกันที่มีอยู่ ทำให้ทั้งสองทวีความรักใคร่ผูกพันกันยิ่งขึ้น
แต่ถึงแม้จะมีความเอ็นดูรักใคร่น้องชาย ญาติผู้น้องที่เขาทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ปกครอง และคอยอบรม ดูแลใกล้ชิดมาแต่เด็กคนนี้ ดรัลก็ไม่รัก ไม่เอ็นดูจนหูหนวกตาบอดกระทั่งมองไม่เห็นนิสัยที่เป็นข้อเสีย เพราะถึงรักก็ไม่คิดว่าน้องเขาวิเศษ ไร้ข้อติ แต่ข้อเสียไม่ถึงกับเลวร้าย เป็นเพียงแต่ลักษณะของเด็กที่ถูกเลี้ยงมาอย่างได้รับการตามใจมากไปหน่อย
พิทวัสไม่เข้าขั้นเกกมะเหรกเกเรเมื่อวัยเยาว์ เป็นคนรักง่ายพอๆ กับหน่ายเร็ว ทำให้ถูกมองว่าเป็นคนเจ้าชู้
เขามีความสนใจในการเรียน และการงานน้อยการเล่น หรือเที่ยวหาความสนุก แต่ไม่ถึงกับไม่ใส่ใจ แต่อย่างไรดรัลก็คิดว่าน้องชายเรียงพี่เรียงน้องของขายังห่างไกลคำว่าเพลย์บอย
