ตอนที่ 4
ทวนเทพแสดงความสนใจรินรดาตั้งแต่แรกพบ ทั้งยังให้ญาติผู้น้องที่เป็นเพื่อนรินรดาแนะนำเขากับหล่อน แต่ถึงตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ยังเหมือนวันแรกที่ได้รู้จักกัน
ทวนเทพเข้ามาหาเหมือนจะจีบ แต่เขาก็ไม่รุกเพื่อขยับฐานะจากคนรู้จักขึ้นเป็นคนรู้ใจ
“พี่ตวนคะ นี่พี่วิ พี่สาวรินค่ะ พี่วิเป็นลูกคุณป้าที่ริน...”
รินรดาชะงักการแนะนำ เมื่อชายหนุ่มที่มาขอพบ กับญาติผู้พี่คนสวยของหล่อน ต่างจ้องกันอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
“ตวน?” วิรามรอุทานขึ้นก่อน
“วิ” ทวนเทพเรียกชื่อหญิงสาว สีหน้าท่าทางยินดีเห็นได้ชัด “ไม่รู้เลยว่าน้องรินเป็นน้องสาววิ”
รินรดายิ่งกว่าประหลาดใจ เมื่อได้ยินวิรามรกับทวนเทพทักทายกันอย่างคนคุ้นเคย
“นั่นสิ เมื่อได้ยินแสวงบอกว่ามีเพื่อนมาหายายริน ชื่อทวนเทพ ยังคิดอยู่ว่าชื่อเหมือนตวน แล้วนี่ไปไงมาไงเรียนจบแล้วเหรอ กลับจากอังกฤษตั้งแต่เมื่อไหร่”
รินรดากลายเป็นคนนอก เมื่อหนุ่มสาวรุ่นพี่คุยกันอย่างสนิทสนม หล่อนไม่แน่ใจนักว่าตัวเองจะรู้สึกยังไง หากว่าทวนเทพกับกับวิรามรจะเคยชอบพอกัน หรือตอนนี้ก็ยังมีความรู้สึกพิเศษๆต่อกัน
รินรดาทักทายทวนเทพอย่างพี่ชายเพื่อนที่รู้จักกันธรรมดา นอกนั้นวิรามรผูกขาดในการพูดคุยแทบทั้งสิ้น
หลังจากชายหนุ่มลากลับ รินรดาถามในสิ่งที่ข้องใจทันที
“พี่ตวนรู้จักกับพี่วิมานานหรือยังคะ”
“รู้จักกันตั้งแต่เรียนมัธยมแน่ะ”
สีหน้าแววตาวิรามรดูซึ้งๆอยู่ เมื่อนึกถึงความหลังแต่เก่าก่อน
“หลังจบเตรียมตวนเขาไปเรียนต่อที่อังกฤษ ขณะที่พี่เลือกไปอเมริกา เราก็เลยแยกจากกันแต่ตอนนั้น รู้มั้ยว่าพี่กับตวนเคยชอบกันมาก่อนด้วยนะ อย่างเป็นแฟนกันน่ะ”
“อ้อ หรือคะ”
รินรดาไม่คิดว่าวิรามรจะบอกตรงๆ
“แต่นั่นมันสมัยโน้น ตอนนั้นเราสองคนก็ยังเด็กมากๆ”
“แล้วตอนนี้ละคะ พี่วิรู้สึกยังไง”
“บอกไม่ถูก รู้แต่ว่าดีใจที่ได้พบอย่างบังเอิญที่สุด ว่าแต่รินไปรู้จักกับตวนได้ยังไง”
“รินเป็นเพื่อนกับยายส้มจี๊ดญาติผู้น้องของพี่ตวน รู้จักกันในงานวันเกิดส้มจี๊ดนั่นแหละค่ะ”
สีหน้าแววตาวิรามรมีแววไตร่ตรอง
“รินรักตวนหรือเปล่า”
วิรามรถามตรงๆ ตามนิสัย
“อุ๊ย! พี่วิ ถามอะไรรินอย่างนั้นคะ”
“ถามก็เพราะอยากรู้น่ะสิ”
“ริน...เอ้อ”
“บอกมาเลยว่ารักหรือไม่รัก”
“พี่ตวนนับว่าเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งที่รินรู้จัก”
“แล้วรักเขาหรือเปล่าล่ะ”
หัวคิ้วของรินรดาขมวดมุ่นเข้าหากัน
นั่นสิ...เธอรู้สึกอย่างไรกับทวนเทพกันแน่ รักเขา ชอบพอธรรมดา หรือเห็นเป็นคนพิเศษที่พร้อมจะรักได้ทุกเมื่อ เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่รักเท่านั้น
“ว่าไง”
วิรามรเร่งจะให้ได้คำตอบ นัยน์ตาจับจ้องที่ญาติผู้น้องเขม็ง
“ริน เอ่อ รินคงไม่รักพี่ตวนหรอกค่ะ เรารู้จักกันน้อยเหลือเกิน ระยะเวลาที่รู้จักกันก็สั้นมาก”
“งั้นก็ดีแล้วเพราะพี่ไม่อยากเห็นรินอกหัก”
“หมายความว่ายังไงคะ?”
“หมายความว่า... พี่คิดว่าตวนยังชอบพี่อยู่ ถึงแม้ที่เราได้พบกันครั้งสุดท้ายจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม”
รินรดาพูดไม่ออก ขณะที่วิรามรซ่อนยิ้มในหน้า
ยายรินเอ๋ย แค่นี้ยังตามเกมไม่ทัน ต่อไปจะสู้รบปรบมือกับใครเขาได้
ทวนเทพยิ่งลื่นเสียกว่าปลาไหล นี่พี่คงต้องพยายามจะช่วยเธอเท่าที่ช่วยได้ จะได้ไม่หลงคารมผู้ชายเร็วนัก
“แล้ว...พี่วิละคะ”
เสียงถามจากปากบางอิ่มได้รูปมีแววใคร่รู้ มากกว่าจะรู้สึกเศร้าเสียใจ หากญาติผู้พี่จะยังมีใจตอบสนองชายหนุ่มที่เคยชอบพอรักใคร่กันมาก่อน
“ยังรักพี่ตวนอยู่หรือเปล่า”
คำถามของญาติผู้น้องทำให้วิรามรนึกแวบไปถึงคนขับรถของมารดา
ชายคนแรกที่เข้าถึงเนื้อตัวเธออย่างที่ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำได้มาก่อน
จริงอยู่ เธออาจจะดูเป็นสาวเปรี้ยว และยิ่งไปเรียนต่อที่ประเทศขึ้นชื่อในเรื่องเสรีทุกอย่างสี่ปีเต็มๆ น่าจะโชกโชนเกี่ยวกับประสบการณ์รักใคร่ แต่ความจริงแล้ว หล่อนก็แค่เด็กประถม
วิรามรพยายามลบความทรงจำในค่ำคืนทั้งสองครั้งออกจากสมอง แต่ก็ทำไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร
หล่อนเกลียด...ไอ้บ้านั่น!
เกลียดจริงหรือ วิรามร?
ถ้าเกลียดจริง แล้วทำไมสองสามวันมานี้ถึงได้ไม่มีความสุข นอนกระสับกระส่ายจนดึกดื่นกว่าจะข่มตาหลับลงได้ เพียงเพราะ... นึกถึงใบหน้าเข้มคมอุดมหนวดเครา นึกถึงมือหนา นิ้วยาวใหญ่ที่เคยสร้างความกระสันรัญจวนให้ด้วยเล่า?
บางคืนถึงกับผวาตื่น เพราะความฝันที่นำมาซึ่งความเสียวซ่าน พอตื่นก็พบว่ามือเรียวของตนกำลังนวดคลึงอกอวบ ร้ายกว่านั้นคือตำแหน่งวางมืออยู่ที่เนินรัก นิ้วเรียวแทบจะมุดสู่ความฉ่ำชื้นที่เคยถูกอัดแน่นด้วยท่อนเนื้อแข็งเขื่อง
แค่นึกถึงท่อนลำกระด้างแต่กลับเรียบลื่นของคนขับรถหนุ่มหุ่นกำยำ วิรามรก็พลันปากคอแห้ง
ความรวดร้าวเกิดขึ้นในส่วนลึกเพราะกระสันหาการเติมเต็ม...
“พี่วิ พี่วิคะ”
วิรามรสะดุ้งจากภวังค์ สบตาใสซื่อที่มองมาด้วยความสงสัยของญาติผู้น้อง ความรู้สึกโกรธ เกลียดคนที่ทำให้ตนใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
“ รินว่ายังไงนะ พี่ไม่ทันฟัง”
“พี่วิหน้าออกจะแดงๆ ไม่สบายจะเป็นไข้หรือเปล่าคะ”
“เปล่า”
เสียงตอบค่อนข้างห้วน แต่พอรู้สึกตัวก็ทอดเสียงให้นุ่มนวลขึ้นเมื่อพูดต่อ
“พี่สบายดี ว่าแต่เมื่อกี้รินพูดอะไร”
“รินถามพี่วิน่ะค่ะ วันอาทิตย์ไปทำบุญที่สำนักสงฆ์กับรินมั้ย”
“เนื่องในโอกาสอะไรล่ะ วันเกิดรินก็ยังมาไม่ถึงนี่”
“เปล่าค่ะ รินแค่อยากสบายใจก่อนสอบ”
“พี่คงไปด้วยไม่ได้ เผอิญมีธุระต้องสะสางให้เสร็จ อีกไม่ถึงสองเดือนพี่ก็ต้องไปเรียนต่อโทที่อเมริกาแล้วนะ ลืมแล้วหรือ”
“จริงด้วย รินลืมไปแล้วจริงๆนั่นแหละ เฮ้อ พอพี่วิไปรินคงเหงาแย่”
“พูดราวกับว่าพี่อยู่บ้านแล้วรินจะได้เพื่อนคุยเพิ่มงั้นแหละ”
รินรดายิ้มน่ารักให้ญาติผู้พี่ ขณะที่วิรามรสะท้อนใจ
ยายรินเอ๋ย รักษาความสดใสนี้เอาไว้ให้นานๆนะ อย่าให้ต้องเป็นอย่างพี่ ที่ก้าวพลาดโดยไม่ตั้งใจ
ไอ้บ้าดอน!
เพราะแกเชียว ทำให้ฉันรู้สึกว่าชีวิตที่เคยสมบูรณ์พูนสุข จู่ๆ ก็มีอะไรขาดหายไปจนบางครั้งรับรู้ได้ถึงความว่างเปล่า
“ไอ้บ้า! ไอ้...บ้านนอก! ฉันเกลียดแก!
