ตอนที่ 5
“นอนไม่หลับหรือไงครับ คุณวิคนสวย”
วิรามรสะดุ้งโหยง เมื่อนายคนที่สร้างความว้าวุ่นใจแก่เธอตลอดหลายวันมานี้ โผล่เข้ามาด้านหลังเงียบๆ ขณะที่เธอกำลังนั่งหย่อนใจบนชิงช้าหน้าบ้านในยามค่ำคืน
“บ้าจริง! เข้ามาเงียบๆ ตกใจหมด”
อันที่จริงดอนก็เดินปกติ แต่คนจะหาเรื่องย่อมหาได้ทุกเรื่อง
เขาแน่ใจว่าถ้าเขาส่งเสียงดัง ก็คงถูกว่าอีกว่าเป็นพวกบ้านนอก เคยชินกับการตะโกนในท้องไร่ท้องนา
“นั่งใจลอยคิดถึงใครอยู่ละครับถึงได้ไม่ได้ยินเสียงผมเข้ามา”
“จะนั่งใจลอยถึงใครมันก็เรื่องของฉัน นายมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับความคิดของฉันด้วยล่ะ”
“สิทธิ์ของคนเป็นผัวไงครับ”
“บ้า! ไอ้บ้าหน้าด้าน ฉันไปเป็นเมียแกตั้งแต่เมื่อไหร่”
ดอนรีบเข้าสกัดหน้าเมื่อร่างงามลุกพราดพราดยืนขึ้น พร้อมจะหนีหน้าเขา
“ถามแบบนี้ทบทวนความจำกันตรงนี้เลยดีมั้ยเนี่ย จะได้นึกออกว่าเป็นเมียผมตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ไอ้... ไอ้ปากสามหาว! ฉันจะให้คุณแม่ไล่แกออก คอยดูนะ!”
พูดเสียงแค้นๆ หน้าขาวนวลแดงก่ำด้วยความโกรธ มือสองข้างกำเป็นหมัดแนบลำตัวเพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอตบหน้าอุดมหนวดเครารกๆ นั่น
“ผมน่ะคอยดูอยู่แล้ว เคยบอกแล้วไง คุณบอกเรื่องของเราเร็วเท่าไหร่ ผมก็จะได้เลื่อนฐานะจากคนขับรถที่คุณวิรามรคนสวยมองไม่เห็นหัวขึ้นเป็นลูกเขยคุณหญิงเร็วเท่านั้น เอางี้ปะล่ะ คุณอาจอายที่จะบอกเรื่องของเรา ผมบอกให้เอง สัญญาว่าจะไม่ลงรายละเอียดว่าคุณเสร็จผมไปกี่ครั้ง”
วิรามรร้องกรี๊ด ถลาเข้าไปทุบร่างแข็งแรงล่ำสันด้วยมัดกล้ามไม่ยั้ง ปากก็ก่นด่าไปพร้อมกัน
“ไอ้บ้า! ไอ้ชาติชั่ว! ไอ้...คนสารเลว ฉันเกลียดแก! ได้ยินมั้ย...ฉันเกลียดแก! ไอ้คนโสมม หมูโสโครก สกปรก!”
คำก่นด่าอาจจะไม่ระคายผิวดอนเพราะโดนจนชิน แต่คำว่าเกลียดที่ปากอิ่มงามย้ำหนัก กระแทกความรู้สึกชนิดหนึ่งอย่างรุนแรง
ตาคม ปกติมักฉายแววขบขันยั่วหยอก ไม่เหลือแล้วแววหยอกเย้า
มือหนาตะปบลงบนต้นแขนกลมกลึง เขย่าร่างอวบอิ่มด้วยแรงโมโหวูบขึ้นมา
แต่การถูกจับเขย่าหัวสั่นหัวคลอน ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้วิรามรเท่าคำพูดที่ออกจากปากหยักได้รูป
“เอะอะก็จิกหัวด่า พฤติกรรมแบบนี้มีแต่พวกพ่อแม่ไม่เคยอบรมสั่งสอนท่านั้นแหละที่ทำกัน แล้วที่ด่าว่าโสมมเป็นหมูโสโครกสกปรก ก็ไอ้คนสกปรกชั่วชาติคนนี้ไม่ใช่รึที่ทำให้คุณวิรามรคนสวยครางหงิงๆ ร้องขอให้ผมเย็ดแรงๆจนน้ำแตกทุกครั้ง”
ทันทีที่ร่างอวบอิ่มสะบัดหลุดจากมือหนาที่เกาะกุมต้นแขน ที่ตามมาคือเสียงดัง ‘เผียะ!’
แววตาเข้มคมเหมือนจะลุกวาบแทบมองเห็นเปลวเพลิง
วิรามรถอยฉะ แต่วาจายังไม่ลดละแม้เสียงจะสั่นระริก ขณะดวงตาก็วาววามด้วยน้ำตาที่คลอคลอง
“พฤติกรรมฉันอาจมาจากพ่อแม่ไม่สั่งสอน แต่แกน่ะเป็นโดยกำพืด!”
“ปากอย่างนี้มันน่า...”
ดอนหยุดสูดหายใจเข้าลึก สำนึกได้ว่าเรื่องราวกำลังจะเลยเถิดไปกันใหญ่
เขาไม่ได้ต้องการทะเลาะ และสิ่งที่เขาต้องการนั้นก็เป็นตรงข้าม
“น่าอะไร? แน่จริงก็พูดมาเลย”
วิรามรคนเก่ง แม้จะนึกกลัวขึ้นมาวูบหนึ่ง ก็ยังอดไม่ได้ที่ท้าทายออกไปตามนิสัย
ดอนรับคำท้าโดยไม่ลังเล
“น่าจูบให้ขาดใจกันไปข้าง”
เพราะนึกว่าชายหนุ่มจะตอบเป็นอย่างอื่น วิรามรเลยถึงกับเหวอ ปากแทบจะอ้าค้าง
“หรืออีกที...” ดอนพูดต่อ แต่หยุดไว้แค่นั้น
“อีกทีอะไร?” วิรามรหลงกล
“บังคับให้อมดอนน้อยทั้งคืน”
“ไอ้บ้า!”
วิรามรร้องกรี๊ด ลืมตัวกระโจนเข้าใส่ร่างหนาเป็นหนสอง
มือกำหมัดทุบไม่ยั้งลงบนอกกว้าง จนดอนต้องรีบจับข้อมือเล็กนั้นไว้
“พอแล้วน่า เอะอะก็ทุบ เอะอะก็ตี อยากเป็นม่ายไวๆ หรือยังไงนะ”
สุ้มเสียงเขาไม่มีเลยความโกรธ จนวิรามรต้องเงยมองหน้าอุดมหนวดเคราที่เล็มไว้อย่างเรียบร้อยอย่างไม่แน่ใจ
แล้วก็เลยถูกตรึงให้สบตาเข้มคมเข้มกว่าที่มองลงมา
ชั่วขณะหนึ่ง หญิงสาวผู้หยิ่งยโสเหมือนถูกดึงเข้าไปในโลกใบใหม่ โลกที่ไม่คุ้นเคย โลกที่เต็มไปด้วยมนต์ขลัง
แต่ไม่กี่อึดใจ สติที่ทำท่าจะลอยห่างตัวก็กลับคืนมา
“นี่ ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนะ”
พูดออกไปแล้วก็นึกโมโหตัวเอง ที่สุ้มเสียงช่างไม่เด็ดขาดเอาเสียเลย
แล้วความรู้สึกบ้าๆ ที่กำลังเกิดขึ้นมาจากไหนกัน... เจ้าความรู้สึกที่ว่าร่างสูงกำยำที่ยืนเกือบชิด ช่างน่าเอนกายซบอิง
ปลายนิ้วหรือก็คันยิบๆ ด้วยความอยากลูบไล้แผ่นอกกว้างตึงด้วยกล้ามแข็งที่ปกคลุมด้วยผิวเรียบเนียนสีน้ำตาลจาง
จมูกเจ้ากรรมก็อยากสูดดมผิวกายค่อนข้างขาว เพื่อให้แน่ใจว่ากลิ่นที่ลอยเข้าจมูก คือกลิ่นสะอาดชวนดม
ขณะใจสาวว้าวุ่น ดอนค่อยๆปล่อยมือข้างหนึ่งจากข้อมือเล็ก เพื่อใช้แขนโอบเอวคอดหยุ่น รั้งร่างหอมกรุ่นเข้าชิดยิ่งขึ้น
วิรามรหลุดจากห้วงคำนึงที่เกิดจากความรู้สึกไม่คุ้นเคย ที่เจ้าตัวไม่กล้าคิดหาคำตอบ เพราะสำนึกรับรู้ถึงตัวตนความเป็นชายของชายหนุ่ม ทันทีที่สองร่างแนบชิดกัน
“ปล่อยฉัน”
“ปล่อยก็ได้ แต่ก่อนปล่อยขอชื่นใจก่อนได้มั้ย จูบเดียวไม่มากกว่านั้น”
“แกนี่มัน...”
“อ๊ะๆ เรียกผัวขึ้นไอ้ขึ้นแกเดี๋ยวก็เอาตรงนี้ซะเลย”
“บ้า!”
พยายามจะสะบัดตัวให้พ้นจากวงแขนรัดรอบ แต่ครั้งนี้ไม่ง่ายที่จะพาตัวเองออกพ้นพันธนาการ
“คำก็บ้าสองคำก็บ้า”
“ก็แกน่ะมันบ้าจริงๆ ไม่งั้นคงไม่ทำอะไรบ้าๆ”
“ทำอะไรเหรอที่ว่าทำบ้าๆ” ดอนถามเสียงซื่อ ถามแล้วก็ตอบเอง “หรือที่ผมใช้ปากจนคุณหนูวิทนเสียวไม่ไหวเสร็จคาปากผม”
“นี่! หยุดพูดบ้าๆ เสียที”
วิรามรแหว หน้าแดงก่ำ ความอับอายมีมากพอๆ กับความโมโห หรืออาจจะมากกว่า
“ไม่พูดก็ได้ แต่ขอทำได้มั้ย”
“นายดอน”
“ครับ”
“ฮื้อ! ฉันบอกให้ปล่อย ไม่ได้...”
จูบของชายหนุ่มทำให้วิรามรลืมว่าจะพูดอะไร
ยิ่งกว่านั้น ลืมว่าตนอยู่ที่ไหน
พูดจริงๆ ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยถูกจูบมาก่อนจะมาเจอผู้ชายที่พรากความสาวบริสุทธิ์ไปจากเธอคนนี้
แต่ผู้ชายสองสามคนที่เคยคบหา เธอยอมให้เข้าถึงเนื้อถึงตัว อย่างมากก็แค่กอด ไม่เคยมีคนไหนทำให้เธอสั่นสะเทือนถึงแก่นอารมณ์ความเป็นหญิงได้เท่าผู้ชายคนนี้ ที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับเธอเลยไม่ว่าฐานะ การศึกษา ศักดิ์ตระกูล
แต่ทุกครั้งที่เขาเข้าถึงตัว แม้ใจจะต้านทานแต่ร่างกายกลับสมยอม
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาบุกเข้าหา เขาไม่ได้ขืนใจเธอ แต่ใช้กลเม็ดชั้นเชิงในการโอ้โลมที่ช่ำชองพิชิต จนร่างกายเธอกลายเป็นเครื่องเล่นสุดแท้แต่เขาจะชักพา
ดอนถอนจูบ
“บอกสิว่าคุณวิต้องการผม”
เขากระซิบ สองมือประคองใบหน้านวลงามเพื่อสบตาคมโตที่ดูสะลึมสะลือ เพราะพิษสงจูบเร่าร้อนของเขา
วิรามรกระพริบตา วูบหนึ่งที่คิดว่าเห็นแววผยองบอกถึงการเป็นผู้ชนะเปล่งประกายวาบขึ้นในดวงตาคม ช่วยเธอหลุดพ้นจากมนตร์จุมพิต
“ไม่”
ดอนปล่อยมือ ถอยห่างร่างนุ่มเนียน
วิรามรมีทั้งความโล่งใจ และเสียดาย
แต่ที่มาแรง ทันทีที่ร่างสูงหันหลังผละจากไปดื้อๆ คือความรู้สึกว่างโหวง เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นก่อน
