ตอนที่ 5 ชะตาที่เปลี่ยน[2]
ไท่จื่อคร้านจะเสียเวลา กดร่างนางลงบนพื้นพรมด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกมือหนึ่งถอดกางเกงของนางออก
"ท่าน!"
ถึงแม้จะตกใจที่ถูกอีกฝ่ายรู้ทัน แต่ผู้ใดจะสน ในเมื่อผลที่ได้เป็นไปตามที่นางต้องการ
อันย่าเตรียมตัวมาอย่างดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกลับไม่ได้เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ ไม่มีการเล้าโลมใดๆ กระทั่งสัมผัสร่างกายยังแทบจะไม่มี
หว่างขาถูกจับอ้าออกกว้าง ก่อนที่ร่างแกร่งจะแทรกเข้ามาตรงกลาง
"อึก! โอ๊ยยยยย! อื้มมมมมมมม จะ..เจ็บ! อย่า..ไม่ เอาออกไป!"
ท่อนลำแข็งชันที่ทะลวงเข้ามา ทำให้อันย่าเจ็บปวดจนแทบสิ้นสติ สมองมึนเบลอ รู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือด ทั้งเจ็บ ทั้งจุก จนหายใจไม่ออก นอนน้ำตาไหลพราก พยายามดิ้นรนหนีจากความทรมาน
ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ยามที่องค์รัชทายาทซินอู่เหินเสพสมกับสตรีเพศ จะทำเพียงแค่สอดใส่ แล้วกระทำจนเสร็จกิจเท่านั้น
หากจะบอกว่าสตรีบนเตียงของพระองค์มีกฎเกณฑ์มากมาย ตัวไท่จื่อเองก็ทรงมีกฎของตัวเองเช่นกัน ถึงแม้จะขาดสตรีไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะชอบแตะต้องร่างกายของพวกนาง
เรื่องที่จะหวังให้พระองค์ทรงเล้าโลมสร้างอารมณ์ให้นั้น อย่าแม้แต่จะคิด
สองมือกดหัวไหล่บางเอาไว้ ขยับบั้นท้ายจ้วงแทงรูสวาทอันคับแน่นอย่างแรง โดยไม่สนใจความเจ็บปวดของคนใต้ร่าง
อาภรณ์ที่สวมใส่ยังอยู่ครบ พระองค์เพียงขยับผ้าคาดเอวดึงกางเกงลงเล็กน้อยให้ความเป็นชายโผล่ออกมา
อันย่าอยากจะกรีดร้อง ก็ร้องไม่ออก ตาเหลือกค้าง ปากอ้ากว้างเพื่อช่วยหายใจ นางถูกท่อนเอ็นใหญ่โตกระแทกกระทั้นจนช่องทางรักฉีกขาด
บางทีอาจเป็นเพราะเส้นชะตาถูกเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น เวลานี้มันกลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีวาจาหวานหู ไร้คำปลอบประโลม มีเพียงเสียงหายใจแรงของบุรุษที่นางพึงใจ
ใช้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่อาจรู้ แต่สำหรับเด็กสาวที่พึ่งเสียความบริสุทธิ์ครั้งแรกมันนานเหมือนชั่วกัปชั่วกัน
บั้นท้ายเริ่มขยับถี่รัว ลมหายใจของชายหนุ่มถี่กระชั้น
"อื้มมมม อ่าส์" เสียงคำรามต่ำในลำคอดังขึ้นพร้อมกับแก่นกายที่ถูกชักออกมาปลดปล่อยข้างนอก
ซินอู่เหินมองความเป็นชายของตนเองที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ก่อนจะหยิบผ้าออกมาเช็ดทำความสะอาด แล้วเก็บเข้าไปในกางเกง จัดเสื้ออาอาภรณ์ให้เข้าที่เข้าทาง ไม่แม้แต่จะเหลือบแลสภาพของเด็กสาว
อันย่ารวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ค่อยๆยันตัวลุกขึ้น นางไม่อาจนอนหมดสติในห้องนี้ได้ เรื่องนั้นนางรู้ดี กว่าจะผูกผ้ารัดเอวเสร็จ สติก็ใกล้จะเลือนลางเต็มที
"ท่านช่างใจร้ายยิ่งนัก!" เด็กสาวเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะพาร่างอันสั่นเทาออกจากห้องไป
ภายในห้องถัดมาอีกสามห้อง อันย่าเข้านอนหมดสติอยู่บนฟูกหนา โดยมีสตรีของหอแพรม่วงคอยดูแล
ช่วงสายของวันถัดมา หวายซียังไม่เห็นอันย่า นั่นแปลว่าเมื่อคืนสาวใช้ของนางไม่ได้กลับจวน แต่ก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะวันนี้หวายซีมีเรื่องที่ต้องทำ
เด็กสาวก้าวออกจากเรือน มุ่งหน้าไปยังเรือนของญาติผู้น้อง
"นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?" เสียงโวยวายดังมาจากเรือนคุณชายคังจื่อ เจ้าของเรือนแทบจะเต้นเร่าๆ เมื่อได้ยินจุดประสงค์ของญาติผู้พี่
"หากเจ้าไม่ทำ ข้าจะบอกท่านอาว่าเจ้าชอบไปเที่ยวหอนางโลม"
"เพ้ย! พี่สาวเหตุใดท่านถึงได้ชั่วร้ายเช่นนี้ ก็ไหนว่าถูกอบรมให้มีจิตเมตตา เพื่อเป็นมารดาของแผ่นดินไงเล่า!"
คังจื่อถูกหวายซีข่มขู่ให้ทำตามโดยที่เจ้าตัวไม่เต็มใจ ใครจะไปคิดว่าญาติสาวผู้นี้จะร้ายกาจถึงเพียงนี้ นี่มันออกจะแหวกกฎข้อห้ามทุกข้อของหญิงสาวตระกูลคังไปหน่อยกระมัง
"อาจื่อ ทุกอย่างที่ข้าทำล้วนมีเหตุผล หาได้ทำไปเพื่อความสนุก เจ้าคิดว่ามันง่ายที่จะเป็นสตรีคู่บัลลังก์งั้นหรือ?"
"ก็ไม่เห็นจะยากตรงไหนนี่น่า เสด็จป้าฮองเฮายังทำได้เลย"
"แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่านางไม่ได้ลำบาก ฟังข้านะอาจื่อ มีหญิงสาวมากมายที่ต้องการนั่งบัลลังก์หงส์ พวกนางต้องทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดสตรีตระกูลคัง ยิ่งหากทำให้ตระกูลไม่อาจให้กำเนิดบุตรีได้จะยิ่งดี แล้วเจ้าว่านั่นมันหมายถึงสิ่งใด"
คังจื่อฟังแล้วถึงกับอ้าปากค้าง มีผู้ใดบ้างเคยคิดถึงเรื่องนี้ พอคิดตามคำพูดของคังหวายซี เหงื่อเม็ดเล็กก็ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก
"เจ้าลองคิดดู บุรุษตระกูลเราล้วนแต่มากความสามารถ แต่ที่ผ่านมาฮ่องเต้หลายพระองค์ทรงมิยอมให้พวกเราเป็นขุนนางรับใช้บ้านเมือง นั่นหมายความถึงอะไร เจ้าคงรู้ใช่ไหม"
เด็กหนุ่มหน้าซีด พูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้ารับ
"หญิงสาวตระกูลเรา ไม่ได้มีพื้นฐานของความงามเลยสักคน ทุกคนล้วนแล้วแต่มีหน้าตาธรรมดา ซ้ำยังดูจืดชืด เรื่องนี้เจ้าเองก็เป็นชาย คงจะรู้ดี"
เรื่องนี้มีผู้ใดไม่รู้บ้าง ยิ่งคังจื่อที่ชอบเกเรหนีเที่ยวบ่อยๆ ยิ่งรู้ดีกว้าผู้ใด ข้างนอกนั่นผู้คนต่างพากันนินทา บ้างก็หัวเราะเยาะ ดูถูกเหยียดหยามหญิงสาวตระกูลคังไม่เว้นวัน
"เรื่องนี้..มัน" เด็กหนุ่มพึ่งตระหนักถึงภัยมืดที่กำลังคืบคลานมาสู่ตระกูลคัง "อาหวายพวกเราควรทำเช่นไรดี"
"ไม่ต้องตกใจแค่ทำตามที่ข้าบอกก็พอ ข้าสัญญาจะไม่ยอมให้ตระกูลของพวกเราต้องเกิดเภทภัยเป็นอันขาด" หวายซีสบตาญาติผู้น้องด้วยสายตาจริงจัง
"แต่ข้าคนเดียวคงทำไม่ได้ อาจื่อ เจ้าพร้อมจะช่วยข้าหรือไม่?"
