ตอนที่ 3 หอโคมเขียว[1]
"ช้าก่อนแม่นาง"
นี่นับเป็นครั้งแรกที่อู่เหินไทจื่อทรงพบเจอสตรีเยี่ยงนี้ เพราะหญิงสาวที่เคยพบเห็นพระองค์ ทุกนางหากไม่ตกตะลึงจนแข็งค้าง ก็เขินอายจนหน้าแดง แต่ว่าที่ชายาของพระองค์ผู้นี้ ไม่เพียงจะแตกต่างจากหญิงสาวทั่วไป แต่นางถึงกับไม่สนใจโดยสิ้นเชิง
"ช่วยอยู่ต่ออีกสักครู่ได้หรือไม่ พวกเราจะได้ทำความรู้จักกัน"
คิ้วของอันย่าเริ่มขมวดเป็นปม และก็เป็นครั้งแรกของนางเช่นกันที่เจอผู้ที่สนใจผู้เป็นนายมากกว่าตนเอง ในใจลึกๆ เริ่มรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก
"คุณชายท่านก็ทราบว่าบุรุษและสตรีมิควรอยู่ใกล้กัน ท่านอาจทำให้คุณหนูของข้าเสื่อมเสีย ต้องขออภัยพวกเราคงต้องขอตัว" เด็กสาวรีบประคองผู้เป็นนายให้เดินเลี่ยงไป
ในจังหวะที่ทั้งสองกำลังจะเดินผ่านร่างของชายหนุ่ม หวายซีเงยหน้าขึ้นมองสบตาคู่คมด้วยความว่างเปล่า ในหัวย้อนคิดทบทวนเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น
นางจำได้ว่าในยามนั้นแววตาของคนผู้นี้ก็เป็นเช่นนี้ เพียงแต่สตรีที่ถูกมองกลับมิใช่นางแต่เป็นอันย่า เพราะนางมัวแต่เขินอายจนมือไม้สั่นหลบอยู่ด้านหลังสาวใช้
ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่ได้คิดที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้นางรู้ จนกระทั่งพบกันอีกครั้งในคืนเข้าหอ คืนอันสุดแสนจะทรมานที่สุดในชีวิตของนาง
ผ้าคลุมหน้าถูกกระชากออกอย่างไร้ความปรานี ทำให้ร่างบอบบางถึงกับหงายหลังลงบนเตียงอย่างเสียกิริยา ตกใจและหวาดกลัวจนตัวสั่น
ดวงตาคมกริบบนใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาไม่แม้แต่จะมองหน้าเจ้าสาว เลิกชายชุดแดงขึ้นมากองไว้บนหน้าท้องแบนราบ แหวกขาเรียวให้ถ่างอ้ากว้าง กระชากผ้าสามเหลี่ยมที่ปกปิดส่วนสงวนตรงหว่างขาโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี
จากนั้น สาวน้อยวัยพึ่งจะครบสิบห้า ถึงได้รู้ว่านรกคืออะไร ท่อนลำใหญ่โตแข็งชันที่ทิ่มแทงเข้ามาในร่าง ราวกับจะฉีกกระชากไปถึงจิตวิญญาณ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง เจ็บปวดจนสติ
หวายซีไม่มีทางปล่อยให้เรื่องราวซ้ำรอยเดิม นางต้องเตรียมตัวสำหรับคืนเข้าหอ เด็กสาวค้อมศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะหลุบตาลงตามมารยาทอันดีงามให้กับชายหนุ่ม จนกระทั่งเดินผ่านไป
เห็นกิริยาท่าทางถูกแบบแผนทุกกระเบียดนิ้วของว่าที่ชายา ทำให้มุมปากของซินอู่เหินยกขึ้นเล็กน้อยแทบมองไม่เห็น ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เพราะถึงอย่างไรแม่นางน้อยจอมซุกซนผู้นี้ก็ต้องเป็นของเขาอยู่แล้ว ไท่จื่อเพียงขยับคิ้วเล็กน้อยเพื่อตอบรับการทักทายของนาง
สองนายบ่าวจำต้องกลับเข้ามาในห้องสวดภาวนาอีกครั้ง
"คุณหนูคนผู้นั้นเป็นใครหรือเจ้าคะ?" พอเข้ามาด้านใน อันย่าก็เปิดปากถามทันที
"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน"
"แต่บ่าวว่า เขาตามพวกเราไปนะเจ้าคะ"
สมแล้วที่คนผู้นั้นเคยให้ความสนใจ สาวใช้ของนางช่างฉลาดเฉลียวเสียจริง หวายซีได้แต่คิดในใจ แต่ไม่คิดที่จะเอ่ยอะไรอีก ทำเพียงยกยิ้มเล็กน้อยแล้วนั่งคุกเข่าหลับตาลง คล้ายตั้งใจจะสวดภาวนา ในหัวกำลังวางแผนรับมือโชคชะตาที่กำลังจะเกิดขึ้น
อันย่าเห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็เลยได้แต่เบ้ปาก จะให้นางนั่งคุกเข่าสวดภาวนาเช่นนั้นน่ะหรือ ฝันไปเถอะ สาวใช้ผู้งดงามก้าวไปยืนชะเง้อมองข้างหน้าต่าง หวังว่าจะได้เห็นใครบางคน แต่นางก็ต้องผิดหวัง
สตรีสกุลคังใช้เวลาอยู่ในอารามเกือบหมดวันถึงได้พากันกลับจวน ตลอดการเดินทางหวายซีแง้มผ้าม่าน มองออกไปด้านนอกเพื่อดูเส้นทางและสถานที่ในเมือง
การกระทำเยี่ยงนี้ของนางถือได้ว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง คุณหนูมีชาติตระกูลไม่ควรเปิดเผยใบหน้าส่งเดช หากมีผู้ใดพบเห็นอาจทำให้เกิดคำครหานินทา
"คุณหนูท่านไม่ควรทำเช่นนั้นนะเจ้าคะ" อันย่านิ่วหน้าเล็กน้อยเอ่ยตักเตือน ทำให้หวายซีละมือออกจากผ้าม่าน ปล่อยให้มันปิดลงตามเดิม หลังจากที่ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว
"อันย่า เจ้าเคยแอบออกมาเดินเที่ยวในเมืองบ้างหรือไม่"
"ย่อมต้องเคยอยู่แล้วเจ้าค่ะ คุณหนูถามทำไมหรือเจ้าคะ?"
"ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากรู้"
อันย่ามองสำรวจผู้เป็นนายด้วยความสงสัย เด็กสาวที่นั่งตรงข้ามนางผู้นี้ ให้ความรู้สึกไม่คุ้นเคย ความรู้สึกที่เหมือนตนเองต้อยต่ำกว่า ทำให้นางอึดอัด
ตลอดสิบปีที่ผ่านมา ถึงแม้นางจะเป็นสาวใช้ก็จริง แต่นางก็เหนือกว่าผู้เป็นนายในทุกๆ ด้าน หากชนเผ่าของนางยังอยู่ ฐานะของนางก็จะเทียบเท่ากับองค์หญิง
ด้วยความที่มีสายเลือดของผู้นำชนเผ่า ทำให้อันย่ายังเชื่อมั่นว่าตนเองมีฐานะสูงส่ง เมื่อมาอยู่กับคุณหนูผู้อ่อนแอ ทำให้ความเป็นผู้นำของอันย่าดูโดดเด่นจนบดบังรัศมีของคังหวายซี
แล้วอยู่ ๆ ความเชื่อมั่นของนางกำลังจะถูกเจ้านายผู้อ่อนแอและโง่เขลาสั่นคลอนลง ทำให้อันย่าเกิดความไม่สบายใจอย่างรุนแรง
