ตอนที่ 6 ผิดที่ไล่
"มิวนิกตื่นได้แล้วลูก สายมากแล้ว" แม่ของมิวนิกปลุกมิวนิกให้ตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว
"หนูไม่เคยได้นอนหลับสนิทแบบนี้มานานแล้วค่ะแม่ ขอบคุณแม่มากนะคะที่มานอนเป็นเพื่อน เดี๋ยวหนูอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนก่อนนะคะ" เด็กสาวลุกบิดขี้เกียจก่อนจะก้าวลงจากเตียงเพื่อนเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเตรียมเข้าห้องน้ำ
"วันนี้ไม่ต้องไปโรงเรียนหรอกนะลูก ไลน์ไปบอกเพื่อนๆให้จดงานให้ ส่วนคุณครูแม่โทรไปลาให้แล้ว" แม่ของมิวนิกบอกก่อนที่ลูกสาวตัวดองจะเดินเข้าห้องน้ำ ทำให้มิวนิกหันหน้ากลับมามองหน้าแม่ของตนเอง
"แม่ว่าวันนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว แต่ก่อนอื่นหนูอาบน้ำเตรียมตัวไปวัดนะ แม่จะพาไปหาหลวงพ่อที่แม่นับถือ" แม่ของมิวนิกพูดพลางเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วเลือกชุดสุภาพให้ลูกสาวของตนเอง
"ไปวัดหรอคะ? " มิวนิกทวนคำพูดแม่ของเธอ
"ใช่จ้ะ ไปวัดที่แม่ชอบไปถือศีลบ่อยๆนั่นล่ะ ไปอาบน้ำได้แล้ว แล้วพระที่คอห้ามถอดเด็ดขาดนะ ใส่อาบน้ำไปเลย" แม่ของมิวนิกพูดก่อนหันไปเลือกชุดให้ลูกสาวของตนเองใส่ต่อ มิวนิกเลยไม่เซ้าซี้อะไร ดีเหมือนกันเธอก็ไม่ได้เข้าวัดทำบุญมานานมากแล้ว แสนรักยิ่งบอกให้เธอหาเวลาเข้าวัดอยู่ด้วย ไปวัดครั้งนี้จะได้ถือโอกาสทำบุญครั้งใหญ่ไปในตัว แต่ทำไมแม่ของเธอต้องรีบไปถึงขนาดให้เธอต้องขาดเรียนด้วย แต่ช่างเถอะ ถือโอก่สพักผ่อนก็ได้ พรุ่งนี้ไปค่อยให้แสนรักติวให้เพิ่ม มีเพื่อนเก่งก็ดีแบบนี้แหละ หญิงสาวเลิกคิดแล้วหันหน้าเข้าห้องน้ำ จัดการอาบน้ำแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าที่แม่เธอเตรียมไว้ให้ แต่เธอเพิ่งสังเกตุว่าที่คอของแม่เธอสวมสร้อยพระเส้นใหม่
"แม่คะ แม่เอาสร้อยพระที่ไหนมาใส่คะ ก็สร้อยแม่อยู่ที่หนูแล้วนี่คะ?"
"แม่มีพระที่นับถือหลายองค์ องค์ที่แม่สวมที่คอนี่ก็เป็นองค์เดียวกับที่คอของหนู เพียงแต่แม่ใส่กรอบไว้ ยังไม่ได้หาสร้อยใส่เท่านั้นเอง ดีนะองค์ไม่ใหญ่มากแม่เลยเอามาใส่กับสร้อยทองที่พ่อเคยซื้อไง้ให้ได้พอดี" แม่พูดอย่างอารมณ์ดี
"อันนี้อวดพระ อวดทอง หรืออวดพ่อคะ" มิวนิกสัพยอกแม่ของตนเอง เด็กสาวโชคดีที่เกิดในครอบครัวที่พร้อมจะซัพพอร์ตเธอทั้งความรัก และทรัพย์สมบัติ
"อวดทั้งหมดนั่นล่ะ ไปกันได้แล้วจะได้รีบภึงวัดไวๆ" แม้แม่ของมิวนิดจะพยายามทำน้ำเสียงให้ปกติ แต่ก็ยังมีความวิตกกังวลอยู่ในใจที่ไม่วามารถสลัดออกได้อยู่ดี
ทั้งสองแม่ลูกพากันขับรถไปวัดประจำที่ชอบมาทำบุญ แต่ระยะทางเหมือนไดลกว่าทุกวัน ทั้งๆที่วัดก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน กว่าจะถึงวัดภายในใจแม่มิวนิกแทบขาดรอนๆเสียด้วยซ้ำ สองแม่ลูกช่วยกันขนของที่จะนำมาถวายเดินตรงไปยังประตูโบสถ์
"มาทำไมกัน!!! ที่นี่ไม่ใช่ที่ของโยม" พระอาจารย์เดินมาหยุดรอที่ประตูโบสถ์ เหมือนรับรู้การมาของสองแม่ลูกล่วงหน้าแล้ว สิ้นเสียงพระอาจารย์ทำให้สองแม่ลูกมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
"ดิฉันจะพาลูกสาวมารดน้ำมนต์เสียหน่อยค่ะพระอาจารย์ อีกทั้งยังนำของมาถวายสังฆทานด้วยเจ้าค่ะ" แม่ของมิวนิกรับตอบพระอาจารย์ทันที
"อาตมาไม่ได้หมายถึงโยมทั้งสอง อาตมาหมายถึงโยมตนนั้น โยมที่ตามพวกโยมมา" สิ้นเวียงพระอาจารย์ก็เกิดลมกรรโชกแรง พัดฝุ่นและใบไม้ปลิวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
"โยมพาลูกสาวเข้ามาในนี้ก่อน" พระอาจารย์พูดพลางเบี่ยงตัวหลบให้สอฃแม่ลูกเข้ามาด้านใน แม่มิวนิกเห็นแบบนั้นก็รีบดึงมือมิวนิกวิ่งเข้าไปด้านในโบสถ์ทันที เพราะรู้ว่าผีที่ตนเห็นเมิ่อคืนยังคงตามตนกับลูกสาวมา
"โกรธเคืองอันใดเด็กเขานัก โยมถึงตามเขาไม่หยุดเสียที" มิวนิกมองพระอาจารย์พูดกับความว่างเปล่าอย่างงงวย ก่อนจะตกใจสุดขีดเมื่อความว่างเปล่าเริ่มปรากฏร่างของหญิงสาวที่มาเข้าฝันตนทุกคืน
"เพราะมัน มันทำให้ฉันถูกไล่ออกมา มันพรากลูกไปจากฉัน" เสียงที่แสดงถึงความเจ็บแค้นและสายตาที่แสดงถึงความอาฆาตส่งตรงมาหามิวนิก
"ที่ตรงนั้นไม่ใช่ที่ของโยม ถึงเด็ดจะไม่ขอให้ท่านช่วย ท่านก็ต้องไล่โยมออกมาอยู่แล้ว ท่านมีหน้าที่ดูแลปกปักษ์ในที่ตรงนั้น โยมเข้าไปรุุกล้ำไม่ได้" พระอาจารย์พูดอย่างใจเย็น
"มึง!!! ไม่ต้องเสือก!!! กูต้องต้องรอเวลาอยู่ข้างนอกนั่นนานแค่ไหนว่าจะมีพลังมากพอที่จะเข้าไปหาลูก แต่มัน มันทำให้กูถูกไล่ออกมา มันต้องชดใช้" น้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดและอาฆาตทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ
"ลูกของโยมเขาไปเกิดนานแล้วนะ สิ่งที่โยมเฝ้าดูอยู่เป็นเพียงสังขารที่ไร้วิญญาณเท่านั้น อาตมาขอบิณฑบาตได้ไหม ปล่อยเด็กคนนี้ไปเสียเถิด "
"ไม่!!!!!! กูจะเอามันไปอยู่ด้วย"
"ยิ่งโยมทำบาป จิตใจผูกพยาบาทอาฆาตแบบนี้ โยมจะยิ่งหมดหนทางไปเกิดนะ"
"กูไม่ได้อยากไปเกิด กูอยากอยู่กับลูก และมันต้องชดใช้ให้กู "
"แต่เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของโยม และโยมก็ไม่มีสิทธิ์มาเอาชีวิตของเขาไป"
"กูจะเอา!!!! " เมื่อสิ้นเสียงผีตนนั้น วิญญาาณของผีตนนั้นก็พุ่งเข้ามาทางมิวนิกทันที แต่ไม่สามารถผ่านประตูเข้ามาได้
"ในเมื่ออาตมาขอร้องโยมดีๆให้เห็นใจกันแล้วโยมไม่ยอม อาตมาคงต้องใช้ไม้แข็งแล้วล่ะ" สิ้นเสียงพระอาจารย์พูด ท่านก็ท่องคาถา เพียงไม่นานวิญญาณของผีตนนั้นก็แตกสลายหายไปพร้อมเสียงกรีดร้อง ก่อนที่บรรยากาศภายนอกจะกลับมาเป็นปกติเช่นเคย
แม่ของมิวนิกเป็นลมล้มพับทันทีที่วิญญาณสลายหายไป ทำให้พระอาจารย์ต้องให้เก็กวัดไปตามเหล่าบรรดาแม่ชีที่จำวัดมาช่วยดูแลปฐมพยาบาล
"มิวนิก เล่าให้แม่ฟังเดี๋ยวนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงมาตามลูกได้" แม่ของมิวนิกถามมิวนิกทันทีที่ฟื้นขึ้นมาและตั้งสติได้ เด็กสาวเล่าเหตุการณ์ให้แม่ของตนเองฟัง
"เขาจะหยุดตามมิวนิกไหมคะพระอาจารย์" แม่ของมิวนิกถามพระอาจารย์ทันทีที่ฟังเรื่องราวทั้งหมดจบลง
"เขาไม่สามารถตามลูกโยมได้แล้ว แต่อาตมาอยากให้โยมทั้งสองหมั่นทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่เขานะ หมั่นทำบ่อยๆ ทำด้วยความปรารถนาดี เขาจะได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี ไม่มีเวรกรรมต่อกันอีก" พระอาจารย์พูดจบก็หันไปหยิบสายสิญจน์ก่อนจะเรียกมิวนิกไปใกล้ๆก่อนผูกสายสิญจน์ที่ข้อมือให้
"เขาทำอะไรโยมไม่ได้แล้ว หากโยมรู้สึกถึงเขาขอให้โยมแผ่เมตตาให้เขานะ"
"ทำไมเขามาอยู่ในโรงเรียนละคะหลวงตา" มิวนิกอดจะถามไม่ได้
"เขาไม่ได้อยู่ในโรงเรียนหรอกโยม เขาสองคนแม่ลูกตายเพราะถูกทำให้ตาย "
"หมายถึงถูกฆ่าหรอคะ?"
"อาจจะหมายถึงอย่างนั้น แต่เขาคลอดลูกออกมาแล้วถึงตาย ลูกของเขาก็ตายทันทีที่คลอดออกมา ด้วยความที่เด็กยังบริสุทธิ์เขาจึงไม่ยึดติดและไปเกิดใหม่ ผิดกับแม่ของเด็กที่ยังเฝ้าดูแลลูกของตนเอง "
"เฝ้าดูแลลูกของตนเองหรอคะ?"
"ในโรงเรียนของโยมมีร่างของเด็กที่ถูกดองไว้ใช่ไหม นั่นแหละลูกของเขา แม้วิญญาณลูกจะไปเกิดแล้ว แม่ยังไม่หมดห่วงก็ยังไปเกิดไม่ได้ เขาได้แต่เฝ้าดูลูกของตนเองอยู่นอกรั้วเพียงเท่านั้นเข้าไปไม่ได้ เพราะภายในโรงเรียนของโยมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องดูแลอยู่ หากจะเข้าไปได้ เขาต้องใช้พลังที่บำเพ็ญเพียรจนแกร่งกล้าแล้วเท่านั้น"
"เขาเป็นสัมภเวสีหรอคะหลวงตา"
"จะพูดแบบนั้นก็ได้ อย่าลืมที่หลวงตาบอกนะ หลวงตาขอตัวก่อน" พูดจบพระอาจารย์ก็ลุกขึ้นเดินเลี่ยงออกจากโบสถ์ สองแม่ลูกก้มกราบลาหลวงตาก่อนจะสวมกอดกัน
"ไม่มีอะไรแล้วนะลูก ไม่ต้องกลัวแล้วนะ เขาไปแล้ว" หลังจากกอดปลอบใจกันสักพักทั้งสองก็พากันกลับบ้านทันที
