ตอนที่ 9 ไร้เดียงสา (1)
(Talk เหมันต์)
ผมพยายามมองหาพี่เอยตั้งแต่เช้าแต่ก็ไม่เห็น พอบ่ายมาไอ้บอสบอกว่ามีคนเห็นพี่เอยมาเรียนบ่าย จริงๆ ไอ้หมอนี่ก็พึ่งพาได้นะ ยิ่งเฉพาะเรื่องของชาวบ้านเนี่ย เอาเป็นว่าถือว่าใช้ประโยชน์จากมันละกัน
ผมยืนรอยัยนี่อยู่ล่างตึก เพราะผมเห็นเพื่อนเธอเดินลงมาแต่เธอไม่เดินลงมาสักที แล้วก็
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าของเจ้าของร่างเล็กที่สูงไม่เกิน 160 หน้าอกหน้าใจใหญ่สะบึ้ม กับบั้นท้ายงอนๆ แค่เห็นผมก็เกิดอาการตื่นตัวและคิดถึงเรื่องเมื่อคืนไม่หยุด 'เชี่ยเอ้ย' ไอ้รุ่นพี่นี่กำลังทำให้ผมเป็นบ้า เมื่อเธอเดินมาจนถึงบันไดขั้นสุดท้าย ผมก็ส่งเสียงเรียก
“พี่เอย”
ท่าทีตกใจเล็กน้อยของเธอ แต่ทำไมตาแดงๆ ว่ะ เหมือนคนพึ่งร้องไห้ หรือว่าเธอร้องไห้เพราะผมอีกแล้ว อยากเขกกะโหลกตัวเองสักสิบที
“เหมันต์”
เธอไม่เรียกชื่อเล่นผมแล้วรู้สึกห่างเหินจัง แอบน้อยใจนะแต่คงโทษเธอทั้งหมดไม่ได้ เพราะทุกอย่างเป็นความผิดของผม
“พี่เอย เหมอยากคุยด้วย”
ผมทำท่าทางกระเง้ากระงอด ออดอ้อนเธอ เพราะเธอมักเอ็นดูและยอมฟังผม สังเกตได้จากเมื่อคืน
“ไม่มีอะไรต้องคุย”
เธอตอบราบเรียบแต่สีหน้าปวดใจคูณสิบ ทำเอาผมละอายใจ
“พี่เอย มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะเรื่องผมกับน้ำหวาน…”
“ช่างเถอะ พี่เหนื่อยแล้ว ถือซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเราละกัน”
ท่าทีงอน แต่อ่อนลงกว่าตะกี้มากสังเกตจากคำพูดที่ไม่ได้แข็งเหมือนเมื่อกี้ เอาว่ะ ยังไงก็ต้องง้อให้ได้ก่อน
จังหวะที่เธอกำลังจะสะบัดตูดไปจากผม ผมก็ก้าวฉับเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว
“พี่เอย”
ร่างใหญ่เดินเข้าไปหาเธอและกอดเธอจากด้านหลังเมื่ออีกคนกำลังจะเดินสะบัดตูดงอนๆ นั่นหนีไป
“ผมกับน้ำหวานไม่ใช่…”
ผมพูดยังไม่ทันจบก็มีผู้ชายอีกคนในเสื้อเชิ้ตสีฟ้า แต่งตัวดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า ท่าทางเจ้าระเบียบแถมยังหน้าตาดีมากๆ เขาเดินลงมาจากบันไดแล้วจ้องมองดูพวกเราตาเขม็ง
หึ เสียงแค่นขำดังขึ้นมาจากลำคอของเขา ท่าทีเยาะเย้ยแบบมองเหยียด แต่ใครสนล่ะตอนนี้ยัยรุ่นพี่นี่สำคัญกว่า
