ตอนที่ 8 อาจารย์คนใหม่ (2)
ไอ้เวรสี่ตานั่น เจ็บใจแต่ก็ต้องยอมรับว่าใจเต้นกับมัน
“อย่าพึ่งพูด มึงดูนั่นก่อน"
มีนชี้ไปที่หน้าชั้นเรียน หลังจากที่พวกเราเลื่อนประตูเพื่อเข้าห้อง
ใบหน้าหล่อเหลาที่ยืนรอนักศึกษาอยู่หน้าโปรเจคเตอร์ เส้นผมดำขลับตัดกับผิวสีขาว รูปหน้าหล่อเหลา ตาชั้นเดียวแต่ทรงเสน่ห์คมกริบสีดำนิล ริมฝีปากหนาอวบอิ่มสีชมพู มันชมพูยิ่งกว่าผู้หญิงแบบฉัน
แล้วนัยน์ตาสีดำที่จ้องมาที่ดวงตาของฉัน เล่นเอาขนอ่อนลุกซู่ขึ้นมาดื้อๆ
เสียงกระทบของหนังสือกับพื้นห้องดังขึ้น ทั้งหนังสือและกระเป๋าร่วงหล่นจากมือที่สั่นเทาของฉัน ฉุดเรียกให้คนหน้าคลาสหันมามอง
“ซัน”
ฉันอุทานออกมาเบาๆ มือฉันเริ่มสั่นมากขึ้นแบบเก็บไม่อยู่ ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา และก้อนเหนียวบางอย่างที่เหมือนมันจะมาจุดอยู่ที่ลำคอ และน้ำตาที่แห้งเหือดไปกว่า 3 ปีเริ่มกลับมาเอ่อล้น
ร่างใหญ่ก้าวยาวๆพุ่งตรงมาที่พวกเราอย่างจงใจ ก้าวเข้ามา ก้าวเข้ามาเรื่อยๆ และประจันหน้ากับฉัน เขาก้มลงเก็บของให้ฉัน แล้วยื่นมา
“ของหล่นแล้วครับนักศึกษา อาจารย์ว่าไปหาที่นั่งกันก่อนมั้ย”
น้ำเสียงคุ้นหูที่ไม่ได้ยินมานาน หน้าฉันร้อนผ่าว ตรงคอเหมือนมีอะไรมาติดกลืนน้ำลายลงไปยากมาก แถมลมหายใจเหมือนจะขาดห้วง
เพื่อนฉันดึงฉันเข้าไปนั่งที่โต๊ะ ตอนนี้ฉันต้องดึงสติของตัวเองกลับมาก่อน
“มึงโอเคมั้ย กูรู้ว่าตะลึง แต่ไม่คิดว่ามึงจะตกใจขนาดนี้”
“เออ ถ้าไม่โอเคออกไปพักมั้ย”
นั่นสิ ตอนนี้ฉันไม่โอเคสักนิด เรื่องบ้าอะไรกันว่ะ ผู้ชายที่ทิ้งฉันไปมีชีวิตใหม่กลับมาทำไมละนั่น แล้วต้องมาสอนฉันเพื่ออะไร กลับมาทำไม 'ตั้งใจงั้นเหรอ' ไม่อยากจะเชื่อ แค่เรื่องเมื่อคืนก็เกินรับไหวแล้วมั้ย ยังมาเจอะอะไรแบบนี้อีกหรอ
'เกินไปมั้ยโชคชะตา'
มีแต่คำถามเต็มไปหมด ทำไมมันถึงประเดประดังเข้ามาทีเดียวแบบนี้ล่ะ
ฉันนั่งเรียนไปแบบไม่เข้าสมองเลยสักนิด มีแต่น้ำเสียงคุ้นหูของเขาที่ดังเข้ามาในโสตประสาท ภาพเก่าเริ่มรีรันจนทำให้หัวใจด้านชาเริ่มเจ็บแปลบ คนอย่างหมอนั่น คนอย่างเขา อึก…
เมื่อจบคาบทุกคนต่างแยกย้าย แต่ไม่รู้ว่าหมอนี่ต้องการอะไรถึงเรียกให้ฉันอยู่
“เอย”
น้ำเสียงที่คุ้นเคย แค่เสียงของเขาก็ทำให้ฉันหวั่นไหวขนาดนี้ ไม่ได้หวั่นไหวเพราะยังรักหรอก น่าจะเพราะเจ็บใจมากกว่า
“อาจารย์ตะวันคะ พอดีฉันไม่สะดวกให้เรียกชื่อเล่นค่ะ”
ใช่ต้องรักษาระยะห่าง และห้ามหวั่นไหว ต้องจำให้ได้ว่าเขาทิ้งแกไปยังไงไอ้เอย
“ยังโกรธอยู่สินะ”
เขาต้องการอะไรวะ ทำไมต้องมาทำสีหน้ารู้สึกผิด ป่านนี้แล้วเนี่ยนะ
“ถ้าคุณไม่มีอะไรจะพูด งั้นฉันขอตัวนะคะ”
“พี่ขอโทษเอย”
น้ำเสียงรู้สึกผิดและสำนึกมาเต็ม พวกผู้ชายนี่ใช้คำว่าขอโทษกันเป็นว่าเล่นหรือไงว่ะ ใช้กันจนเป็นนิสัย น่าโมโหจริงๆ ฉันที่ยอมให้กับเจ้าสี่ตาเพราะคำขอโทษของเขา
เกิดเป็นผู้หญิงนี่มันมีสกิลแพ้คำขอโทษติดตัวกันมาทุกคนหรือไงกันนะ
“เรื่องมันนานมากแล้ว มันไม่ได้อยู่ในสมองฉันแล้วค่ะ เพราะงั้น อื้อ อู้”
คำพูดถูกกลืนหายลงไปในลำคอของอีกคนเมื่อเขาเข้ามาประชิดตัวอย่างรวดเร็ว ฉันยังพูดไม่จบเขาก็ประกบริมฝีปากร้อนลงมาที่ปากของฉัน ฉันสะดุ้งจนรูม่านตาขยาย เกินไปแล้วมั้ย
ทันทีที่เขาผละออก คำพูดคำจาสุดแสนจะเห็นแก่ตัวนั่นก็แว่วเข้าหูฉัน
“ผมไม่เชื่อว่าเธอจะลืมผมได้เอย เพราะงั้น…”
เพี้ยะ
ฝ่ามือประทับลงไปบนหน้าขาวๆ จนเขาต้องหันไปอีกด้าน
“เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวไม่เคยเปลี่ยน เอาแต่ใจเกินไปมั้ย คิดจะทิ้งก็ทิ้งคิดจะกลับมาก็กลับงั้นหรอ คิดว่าเอยต้องยอมพี่ทุกครั้งใช่มั้ย ฮึก ฮึก ฮือ”
น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตา ร่างเล็กๆ เริ่มสะท้านอีกครั้ง มือเล็กกำหมัดแน่น
มือหนากำลังจะเอื้อมมาจับ แต่ฉันขยับหนีอย่างไว ไม่เอาแล้ว พอสักที
“อย่ามายุ่งกับฉันอีก”
น้ำเสียงตรงนี้แข็งกร้าวมากๆ ดวงตาที่มองอย่างจริงจังจนเขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
แล้วร่างเล็กก็เดินออกมาจากสถานการณ์น่าอึดอัดนั้นโดยเร็ว
