บทที่ 16 ต้องยับยั้งตนเองให้ดีนะ
เซียวจิ่นหมิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดับไฟเล็กน้อยที่ลุกโชนขึ้นมาเพราะนาง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “เอายาถอนพิษมาให้ข้า”
หยุนหรั่นเฟิงกำลังหงุดหงิดอย่างมาก ได้ยินเซียวจิ่นหมิงมาเพื่อหายาถอนพิษให้กับฉีซินจื่ออีก ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ ข้าคุกเข่าขอร้องข้า ข้าก็จะให้นาง”
สีหน้าเซียวจิ่นหมิงบูดบึ้ง พร้อมพูดขึ้นมาอย่างเด็ดขาดว่า “ไม่ได้”
อาจารย์มีลูกสาวคนนี้เพียงฉีซินจื่อ ก่อนตายคนที่ไม่วางใจที่สุดก็คือนาง เขาก็รับปากว่าจะดูแลนางเป็นอย่างดี จะปล่อยให้นางต้องทนกับความอัปยศได้อย่างไร
หยุนหรั่นเฟิงเบ้มือ พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นข้าก็ไม่รู้จะทำยังไง ที่จริงพิษนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ตุ่มบนใบหน้าของนาง ไม่กี่วันก็จะหายไปเอง ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยบอกแล้วว่าพวกเจ้าสองคนห้ามมีอะไรกัน ต่อไปขอเพียงพวกเจ้าไม่คิดมีอะไรกัน ยับยั้งความต้องการไว้ให้ดีก็พอแล้ว มีหรือไม่มียาถอนพิษ ก็ไม่เป็นไร”
จากนั้นไม่รอให้เซียวจิ่นหมิงได้พูดตอบ สายตาหยุนหรั่นเฟิงก็ตั้งใจมองลงไป จับจ้องดูตรงตำแหน่งบางอย่าง แล้วก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังว่า “หากองค์ชายทนไม่ไหวจริงๆ ลองเปลี่ยนคนดูไหม? ยังไงจวนก็ออกจะใหญ่โตขนาดนี้ มีสนมน่ารักอ่อนหวานสักแปดคนสิบคนก็ไม่ใช่เรื่องยาก พระชายารอง เป็นกุลสตรีใจดีมีเมตตา ยังไงก็ไม่ปฏิเสธแน่”
สีหน้าเซียวจิ่นหมิงยิ่งอยู่ก็ยิ่งมืดครึ้ม อุณหภูมิภายในห้องลดลงไปหลายระดับ คลื่นแห่งความโกรธภายในดวงตาพัดกระหน่ำ
หยุนหรั่นเฟิงรีบก้าวถอยหลังไปสองเก้าอย่างระแวดระวัง....ผู้ชายสารเลวคนนี้คงไม่คิดที่จะลงมืออีกมั้ง?
เซียวจิ่นหมิงมองดูใบหน้าระแวดระวังของหยุนหรั่นเฟิงอย่างเย็นชา แล้วก็ขี้เกียจที่จะพูดมากกับนาง สะบัดแขนเสื้อแล้วก็ออกจากประตูไป
“เฮ้อ ยาถอนพิษไม่เอาแล้วจริงๆหรือ?” หยุนหรั่นเฟิงถามขึ้นมาพร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก
เซียวจิ่นหมิงไม่แม้แต่จะหยุดฝีเท้า เดินตรงออกไปอย่างเดียว เขาไม่เชื่อว่า ไม่มีนาง ก็จะไม่สามารถที่จะหายาถอนพิษได้
เงาร่างของเขาเหมือนดั่งลม หันตัวแล้วก็ออกไปจากเรือนทันที
เซียวจิ่นหมิงไปแล้ว หยุนหรั่นเฟิงเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยมีหลินหลังคอยปรนนิบัติ จากนั้นก็ทานข้าว ตอนนี้มีเงินแล้ว อาหารที่ทานก็ดีขึ้น
“คุณหนู พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่จะต้องกลับไปเยี่ยมบ้านแล้ว ท่านมีปัญหากับองค์ชายแปดแบบนี้ เขาจะยอมกลับไปพร้อมกับท่านไหม....” หลินหลังคอยปรนนิบัติไปด้วย พูดขึ้นมาอย่างเป็นกังวลไปด้วย
มือหยุนหรั่นเฟิงที่ถือตะเกียบหยุดชะงัก
เฮ้อ ลืมเรื่องที่จะต้องกลับไปเยี่ยมบ้านแล้ว
นางครุ่นคิดแล้วก็พูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้เขารับปากข้าแล้ว เป็นถึงองค์ชายคนหนึ่ง คงไม่ใช่คนไม่รักษาคำพูด.....”
แต่ปัญหาตอนนี้คือ.... นางไม่อยากกลับไปเยี่ยมบ้านแล้ว
ที่ผ่านมาหยุนหรั่นเฟิงอยากให้เซียวจิ่นหมิงรับปากกลับไปเยี่ยมบ้านกับนาง เพราะตอนนั้นนางอยากอาศัยโอกาสนี้ไปเจอพ่อของเจ้าของร่างเดิม
แต่เมื่อหลายวันก่อน ได้เจอแล้วอย่างบังเอิญ แล้วจะกลับไปจวนแม่ทัพใหญ่อีกทำไม? ไปสู้รบตบมือกับน้องสาวกับแม่เลี้ยงหรือ?
ในขณะที่กำลังพูด พ่อบ้านหลิวก็วิ่งมาเรือนเหอซินอย่างเร่งรีบ หลังจากทำความเคารพหยุนหรั่นเฟิงแล้ว แล้วก็ยื่นใบรายการฉบับหนึ่งมาให้ พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายา พรุ่งนี้ที่จะกลับไปเยี่ยมบ้าน นี่เป็นของขวัญที่จวนองค์ชายแปดเตรียมไว้ให้กับจวนแม่ทัพใหญ่ ท่านตรวจดูก่อน"
หยุนหรั่นเฟิงรับในรายการมา ดูอย่างลวกๆ พ่อบ้านหลิวคนนี้เป็นคนเก่าคนแก่ของจวนองค์ชายแปด คนพวกนี้เตรียมการ จัดการได้ดีพอสมควร สิ่งของในรายการไม่ถือว่าล้ำค่าเกินไป แต่มูลค่าก็ไม่ด้อยอย่างแน่นอน เอามาเป็นของขวัญเพื่อกลับไปเยี่ยมบ้านนั้น เหมาะสมอย่างมาก
แต่ตอนนี้นางไม่อยากกลับบ้านแล้ว....
สายตาหยุนหรั่นเฟิงกลอกไปมา จู่ๆก็บีบต้นขาอย่างแรง ซี๊ด
ทันใดนั้น บนใบหน้าที่สวยงามของนางปรากฏร่องรอยความเศร้า ยกมือขึ้นแนบอกแล้วสะอื้น สักพักน้ำตาก็คลอเบ้า ราวกับถูกกระทำอย่างน่าสงสาร ขบฟันขาว เนิ่นนานค่อยขยับริมฝีปาก พูดออกมาอย่างเต็มล้นไปด้วยความทุกข์ระทม
“ไม่กลับไปแล้ว”
พ่อบ้านหลิวตกตะลึงอ้าปากค้าง พร้อมพูดขึ้นว่า “อ๋า? ไม่กลับแล้ว?”
หยุนหรั่นเฟิงยกมือปิดตา พูดขึ้นมาอย่างเจ็บปวดสิ้นหวังว่า “องค์ชายเหยียดหยามข้าครั้งแล้วครั้งเล่า คนอื่นเห็นข้าเป็นตัวตลก ตอนนี้จะกลับไปเยี่ยมบ้านข้าก็ต้องกลับไปเอง ข้ายังจะกลับไปทำอะไร เป็นตัวตลกให้คนอื่นต่อไปหรือ ข้าไม่กลับไปแล้ว”
พ่อบ้านหลิวอึ้ง แล้วก็พูดขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “แต่เรื่องเตรียมของกลับไปเยี่ยมบ้าน องค์ชายรับสั่งด้วยตนเอง”
หากเขาจำไม่ผิด องค์ชายน่าจะรับปากที่จะกลับไปเยี่ยมบ้านพร้อมกับพระชายา....
เซียวจิ่นหมิงรับปากแล้ว แต่ตอนนี้นางไม่อยากกลับไปแล้ว หยุนหรั่นเฟิงพูดตัดบทขึ้นมาทันทีว่า “องค์ชายไม่ได้เต็มใจกลับไปกับข้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมข้าจะต้องขอร้องเขา ข้าก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน”
หว่างคิ้วพ่อบ้านหลิวกระตุก รู้สึกเหมือนเซลล์สมองของตนเองไม่พอใช้ ทำไมอยู่ดีๆถึงมีศักดิ์ศรีเข้ามาเกี่ยวข้อง
หยุนหรั่นเฟิงถอนหายใจ หางตาเหลือบมองพ่อบ้านหลิวที่ตกตะลึงตาค้าง แล้วถามขึ้นว่า “พ่อบ้านหลิว ยังมีธุระอื่นอีกไหม?” คำพูดประโยคนี้ค่อนข้างเป็นการไล่แขกแล้ว
พ่อบ้านหลิวมองดูหยุนหรั่นเฟิงยืดหยุ่น การแสร้งแสดงออกมานั่นจอมปลอมอย่างมาก มุมปากกระตุกเล็กน้อย สุดท้ายพูดเพียงว่าจะกลับไปรายงานองค์ชายแปดก่อน แล้วก็ขอตัวจากไป
รอหลังจากอีกฝ่ายไปแล้ว หยุนหรั่นเฟิงหยุดน้ำตาทันที ยกนิ้วให้ตัวเองอยู่ในใจ...แผนการสำเร็จ
ส่วนหลินหลังที่ยืนอยู่ด้านข้างมองดูน้ำตาที่ยืดหยุ่นของคุณหนู ด้วยสีหน้าค่อนข้างมึน
หยุนหรั่นเฟิงดีดหน้าผากของนางหนึ่งที ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมพูดขึ้นว่า “นังหนู เรียนรู้ไว้”
ส่วนอีกด้าน เรือนจือชุนเรือนหลักจวนอ๋อง
ฉีซินจื่ออยู่ตรงหน้าประตูเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม มองเห็นเงาร่างเซียวจิ่นหมิงเดินมาแต่ไกล นางดีใจอย่างมาก รีบวิ่งไปต้อนรับ
“ศิษย์พี่ เป็นอย่างไรบ้าง นัง...เสด็จพี่พระชายา ให้ยาถอนพิษไหม?”
เซียวจิ่นหมิงไม่ได้เข้าไปในเรือน ได้ยินประโยคที่หยาบคายนั้น เขามองดูฉีซินจื่ออย่างสงบแวบหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “นางไม่ให้ยาถอนพิษแก่ข้า”
ฉีซินจื่อนิ่งอึ้งอยู่กับที่ทันที หลังจากความผิดหวังในใจผ่านพ้นไป ก็ต้องระงับไฟแห่งความโกรธภายในใจไว้ หากศิษย์พี่ยังเอายาถอนพิษมาไม่ได้ งั้นนางก็ไม่สามารถมีอะไรกับศิษย์พี่ไปตลอด.....
นางเก็บกดความสังหารไว้ในใจ พยายามฝืนยิ้ม ดึงแขนเซียวจิ่นหมิงไว้อย่างอ่อนโยน พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ข้ารู้ว่าเสด็จพี่พระชายามีนิสัยดื้อรั้น ภายในช่วงเวลาอันสั้นคงยังโกรธโมโหอยู่ ศิษย์พี่ไม่ต้องร้อนใจ”
เซียวจิ่นหมิงมองดูท่าทีฉีซินจื่อ “เห็นอกเห็นใจ” สายตาฉายแววซับซ้อน
“ข้าจะให้หมอหลวงมาตรวจดูให้เจ้า เจ้าวางใจ ข้าจะช่วยเจ้าถอนพิษให้ได้” พูดเสร็จ เซียวจิ่นหมิงปฏิเสธที่จะอยู่กับฉีซินจื่อ พูดปลอบโยนแล้วก็เดินจากไป
ฉีซินจื่อมองดูเงาหลังสูงและตรงของเขาที่หายไปตรงสุดถนน ความโกรธที่ถูกระงับไว้อย่างสิ้นหวัง ตอนนี้ล้วนพรั่งพรูออกมา
กลับมาถึงห้อง ถ้วยน้ำชาในมือของนางถูกโยนลงพื้นอย่างแรง เศษเล็กเศษน้อยที่แตกระแหงเกือบบาดเท้าของติงตังที่คอยปรนนิบัติอยู่ด้านข้าง
ติงตังมองดูนางอย่างหวาดหวั่น กัดริมฝีปาก เก็บเศษที่แตกด้วยมือสั่นเทา
แต่ฉีซินจื่อเห็นท่าทางไร้ประโยชน์ของนางแล้วก็ยิ่งโกรธขึ้นมาอีก นางยกเท้าขึ้นกระทืบข้อมืออันบอบบางของนางอย่างรุนแรง
“อ้าก”
ติงตังร้องตะโกนออกมาอย่างเสียงดัง
“หุบปาก” ฉีซินจื่อถลึงตาใส่นางอย่างดุร้าย ติงตังเงียบงันทันที
ติงตังคุกเข่าอยู่บนพื้น ก้มหน้าก้มตาติดพื้น มือข้างหนึ่งปิดปากไว้แน่น น้ำตาร่วงไหล มือที่ถูกฉีซินจื่อเหยียบย่ำกับพื้นเป็นแผลเผยให้เห็นเลือดเนื้อปนเปกันอย่างเลือนราง
ฉีซินจื่อท่าทีดุร้าย หากหมอหลวงสามารถถอนพิษนี้ได้ ศิษย์พี่คงไม่เพิ่งไปตามหมอหลวงมา พิษนี้แม้แต่หมอหลวงก็ไม่มีปัญญาถอน
“หยุนหรั่นเฟิง นังสารเลว มีความสามารถพอตัวใช่ไหม หากข้าเอายาถอนพิษมาไม่ได้ แล้วเมื่อไหร่จะได้มีอะไรกับศิษย์พี่ หากไม่ได้มีอะไรกัน ข้าจะกลายเป็นพระชายาได้อย่างไร”
