บทที่ 12 กินของข้าเข้าไปให้คายออกมา
หลินหลังตัวเล็ก สืบเรื่องต่างๆนั้นคล่องแคล่วมาก ออกไปรอบหนึ่งก็กลับมาแล้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณหนู องค์ชายอยู่เรือนหลัก”
“ไป เราไปกัน”
“ไปทำอะไร?”
“ทวงหนี้”
……
“นางมาทำอะไร?” มือเซียวจิ่นหมิงหยุดชะงัก หยดน้ำหมึกหยดเปื้อนบนโต๊ะ
“ท่านอ๋อง? ให้เข้ามาไหม?” จุยเฟิงถามขึ้นมาตามหน้าที่
เซียวจิ่นหมิงครุ่นคิด พร้อมพูดขึ้นว่า “ให้นางเข้ามา”
เขาจะดูว่า นางคิดอยากทำอะไรอีก?
หยุนหรั่นเฟิงก้าวเดินเข้ามา นางสวมชุดกระโปรงสีดำ รูปร่างเพรียวบาง เหมือนลมกระโชกแรง พัดมาตรงหน้าเขา
เซียวจิ่นหมิงหรี่ตาลง ตรงยอมรับว่าพระชายาคนนี้รูปร่างดีไม่เบา แล้วก็นึกถึงฉากคืนวันแต่งงานขึ้นมาในใจอย่างไม่รู้ตัว
หยุนหรั่นเฟิงยืนนิ่ง พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “เซียวจิ่นหมิง สินสอดของข้าล่ะ”
ความคิดเล็กน้อยที่เกิดขึ้นจางหายไปในทันที เซียวจิ่นหมิงมีความคิดอยากที่จะบีบคอนางให้ตายไปเลย พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “สินสอดของเจ้า เจ้ามาถามข้าทำไม?”
หยุนหรั่นเฟิงโกรธจะหัวเราะออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “เซียวจิ่นหมิง หากเจ้าขาดเงิน ก็ยอมรับมาตรงๆ สินสอดพวกนั้นยกให้เจ้าก็ไม่เป็นไร แต่นี่เจ้ายืนกราน....ยังไงเจ้าก็เป็นถึงองค์ชาย ต้องทำถึงขนาดนี้หรือ?”
สายตาเซียวจิ่นหมิงเต็มไปด้วยความโกรธอย่างมหันต์ เขาพรวดลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “หยุนหรั่นเฟิง เจ้าพูดอะไรไปเรื่อย”
หยุนหรั่นเฟิงก้าวถอยหลังอย่างระแวดระวัง
กล้าหาญใช่ว่าจะต้องวู่วาม ในขณะที่ไม่มีกำลังเพียงพอ ถึงแม้นางไม่ถึงขึ้นจะต้องหวาดกลัวเขา แต่จุดประสงค์ของนางในวันนี้คือมาทวงคืนสินสอด ไม่ได้มาเล่นเกมต่อสู้กับเขา
และดูท่าทีของเขา ก็ไม่เหมือนกับรู้เรื่อง....
สายตาของนางสั่นไหว พร้อมพูดขึ้นว่า “สินสอดของข้าถูกพ่อบ้านของเจ้าขนไปยังห้องคลังด้วยตนเองหมดแล้ว? เซียวจิ่นหมิง ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่า เจ้าจะเป็นนายโง่เขลาที่ถูกบ่าวรังแก”
เซียวจิ่นหมิงฟังไม่เข้าใจคำพูดหยาบคายพวกนี้ แต่สามารถรู้สึกได้ว่าไม่ใช้คำพูดที่ดีอะไรแน่ สีหน้ายิ่งบูดบึ้ง อุณหภูมิในอากาศเยือกเย็นลงมาก
หยุนหรั่นเฟิงเคลื่อนไหวความคิด กำข้อมือไว้แน่น นิ้วมือเตรียมเข็มยาชาไว้พร้อมแต่แรกแล้ว
เซียวจิ่นหมิงมองดูใบหน้าระแวดระวังของนาง ซึ่งความระแวดระวังของนางนี้ทำให้เขาพอใจ ขี้เกียจสนใจผู้หญิงโง่เขลาคนนี้ มองเอกสารกองโตด้านข้าง พร้อมพูดขึ้นว่า “เรียกพ่อบ้านหลิวมา”
พ่อบ้านหลิวมาถึงอย่างรวดเร็ว เห็นท่าทีทั้งสองคนราวกับกำลังจะต่อสู้กัน ขาก็อ่อนลงไปกว่าครึ่ง เมื่อฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว ขาอ่อนลงจนคุกเข่าลงพื้น พร้อมพูดขึ้นว่า “มี มีอยู่"
เดิมเซียวจิ่นหมิงคิดว่าพ่อบ้านหลิวมาเพื่อตบหน้าหยุนหรั่นเฟิง กลับคิดไม่ถึงว่าพ่อบ้านหลิวตบหน้าตนเอง เสียงดังสนั่นฟังชัด โดยเฉพาะสายตาที่หยุนหรั่นเฟิงเหลือบหันมามอง แววตาที่ดูถูกนั้นทำให้เขาแทบระงับอารมณ์โกรธไว้ไม่อยู่ หันไปมองพ่อบ้านหลิว พร้อมพูดขึ้นตะคอกพูดขึ้นว่า “เกิดอะไรข้า”
พ่อบ้านหลิวปาดเหงื่อ พร้อมพูดขึ้นอย่างระแวดระวังว่า “คือ คือพระชายารอง....นางบอกว่าในเมื่อพระชายาแต่งงานเข้ามาอยู่ในจวนแล้ว สินสอดก็ควรเป็นของจวน....”
เซียวจิ่นหมิงแทบใช้ฟันพูดขึ้นมาว่า “ของอยู่ที่ไหน?”
พ่อบ้านหลิวพูดอย่างไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาว่า “อยู่ อยู่ในเรือนซีเฟิง”
เซียวจิ่นหมิงเลิกคิ้ว
เรือนซีเฟิงเป็นห้องคลังเล็กของจวน เซียวจิ่นหมิงส่งสารที่ฉีซินจื่อไม่มีญาติพี่น้อง สภาพจิตใจก็ค่อนข้างอ่อนไหวอ่อนแอ ดังนั้นจึงยกคลังเล็กให้กับนาง เวลานางอยากใช้อะไรจะได้ไม่ต้องไปขอพ่อบ้าน แต่ฉีซินจื่อไม่ยอมรับไว้ ยังปรับปรุงเอาเรือนซีเฟิงรวมกับห้องคลังใหญ่ของจวน ตอนนี้เขายังเห็นใจที่นางว่าง่ายรู้จักเห็นใจ
คิดไม่ถึงว่า นางจะเอาสินสอดของหยุนหรั่นเฟิงยกเข้าไปในเรือนซีเฟิง
หยุนหรั่นเฟิงโกรธจัด ถือผ้าเช็ดหน้าพร้อมหัวเราะขึ้นมาอย่างเสียงดังว่า “จวนองค์ชายนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ สามีคนอื่นยึดครองสินสอดภรรยา ถือเป็นการขายหน้าอย่างมากแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้าเป็นถึงจวนองค์ชายแปดกลับเด็ดยิ่งกว่า แค่สนมคนหนึ่งก็กล้ายึดครองสินสอดของพระชายาหลัก หากที่เป็นเลื่องลือออกไป คงไม่มีใครเชื่อมั้ง?”
เซียวจิ่นหมิงฟังคำพูดดูถูกเหยียดหยามของหยุนหรั่นเฟิง อย่างไม่สามารถโต้เถียงอะไรได้ สุดท้ายเพียงพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ซินจื่อเติบโตมากับอาจารย์อยู่ในป่าตั้งแต่เด็ก ไม่เคยรู้เรื่อง ทำอะไรผิดไปก็สามารถให้อภัยได้ เจ้าก้าวร้าวปากจัดฉกฉวยขนาดนี้ เหมือนคุณหนูของจวนแม่ทัพใหญ่ตรงไหน”
เดิมหยุนหรั่นเฟิงก็แปลกประหลาดใจกับความสงบอย่างรวดเร็วของคนคนนี้ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ก็อยากหัวเราะออกมาบ้าง
คนคนนี้ เมื่อลำเอียงขึ้นมา วัวเก้าตัวก็ฉุดไม่อยู่
โชคดีที่นางไม่คิดที่จะดึงเขากลับมา เพียงอยากได้สินสอดของตนเองคืนมาเท่านั้น จึงพูดขึ้นว่า “เอาสินสอนคืนมาให้ข้า”
เซียวจิ่นหมิงมองดูท่าทีจะยิ้มก็ไม่ยิ้มของนาง ในใจก็โกรธโมโหขึ้นมาอีกครั้ง พูดสั่งพ่อบ้านหลิวด้วยเสียงเย็นชาว่า “เอาของคืนให้ไป”
พ่อบ้านหลิวรับคำสั่ง แล้วก็รีบจากไป
หยุนหรั่นเฟิงพอใจมาก ไม่พูดอะไรอีก หันเดินจากไปทันที
เซียวจิ่นหมิงจ้องมองดูนางเดินจากไปอย่างสบาย ไปแห่งความโกรธแค้นในใจก็ลุกขึ้นมาอีก พร้อมพูดขึ้นว่า “หยุดก่อน"
ฝีเท้าหยุนหรั่นเฟิงชะงักนิ่ง หันกลับมาอย่างระแวดระวัง พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไม เปลี่ยนใจแล้วหรือ?”
“ต่อให้สินสอดของเจ้ามีมากแค่ไหน ข้าก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา เจ้าสงบเสงี่ยมหน่อย หากก่อเรื่องวุ่นวายอีก ต่อให้แม่ทัพหยุนอยู่ที่นี่ ก็ปกป้องเจ้าไม่ได้”
“เจ้าคิดว่าข้าอยากสนใจเจ้าหรือ หลงตัวเอง” หยุนหรั่นเฟิงหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “เฝ้าดูแลศิษย์น้องเจ้าให้ดี อย่ามายุ่งกับข้า เจ้าอยู่ของเจ้าดีๆ ข้าอยู่ของข้าดีๆ ล้วนดีกับทุกคน”
ไม่รอให้เซียวจิ่นหมิงพูดตอบ นางหันเดินไปอย่างไม่หันกลับมาอีก ชายเสื้อชุดสีดำพลิ้วไสว แลดูอิสระสง่างามอย่างบอกไม่ถูก
ไฟแห่งความโกรธในสายตาเซียวจิ่นหมิงเพิ่มทวี พู่กันในมือหักเป็นสองท่อน
ผู้หญิงคนนี้
……
หยุนหรั่นเฟิงขี้เกียจสนใจว่าเซียวจิ่นหมิงจะโกรธไหม นางกำลังมองดูพ่อบ้านหลิวช่วยนางขนย้ายสินสอดอย่างมีความสุข
เจ้าของร่างเดิมงมงายในความรักเกิน คิดแต่อยากแต่งงานเข้ามาในจวนองค์ชายแปด ยังเป็นคุณหนูที่ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก จะสนใจพวกทรัพย์สินนอกกายพวกนี้เสียที่ไหน ถูกคนอื่นหลอกยังไม่รู้ตัว สินสอดเยอะแยะขนาดนี้ เก็บได้ดูเล่นก็เป็นเรื่องที่ดี
ถึงเรือนเหอซินจะเล็ก และก็ไม่มีห้องคลังโดยเฉพาะ แต่ดีที่ทั้งเรือนเหอซินมีเพียงพวกนางนายบ่าวสองคน ยังมีห้องว่างอีกหลายห้อง พ่อบ้านหลิวได้รับคำสั่งจากหยุนหรั่นเฟิง เอาห้องว่างหลายห้องพวกนั้นจัดเป็นห้องคลัง เงิน ทอง เพชรพลอย ผ้าไหม ผ้าแพร และเครื่องประดับต่างๆ ถูกขนหลั่งไหลเข้ามาในเรือนเหอซินดั่งสายน้ำ วางจนเต็มเรือนเหอซิน
พ่อบ้านหลิวยังมารายงานหยุนหรั่นเฟิงอย่างค่อนข้างลำบากใจว่า “พระชายา นอกจากนี้ยังมีขนหนังที่ยังไม่ฟอกและอาวุธมากมาย แต่จวนนี้เล็กเกินไป ขนหนังก็ต้องเก็บวางไว้ภายในห้องโดยเฉพาะ สร้างเรือนขึ้นมาใหม่ก็ทัน ท่านว่า.....”
“งั้นก็เก็บไว้ในคลังใหญ่ก่อน เปิดห้องเพิ่มแล้วเก็บไว้เอง ถึงตอนนั้นเอากุญแจกับใบรายการมาให้ข้าก็พอ” หยุนหรั่นเฟิงพูดสั่งขึ้นมา
พ่อบ้านหลิวพูดอย่างขอบคุณมาก “ขอบพระคุณพระชายา”
“สิ่งของล้วนอยู่ที่นี่แล้ว?”
“นอกจากขนหนังกับอาวุธ ล้วนอยู่ที่นี่แล้ว”
“หลินหลัง ใบรายการสินสอดล่ะ?”
หลินหลังถือใบรายการยืนรอฟังคำสั่งอยู่ด้านข้าง ดวงตาของนางแดงก่ำ ทั้งตื่นเต้นท้งเสียใจ ตื่นเต้นที่หยุนหรั่นเฟิงสามารถเอาสินสอดกลับคืนมาได้ เสียใจที่ก่อนหน้านี้ นางไม่สามารถปกป้องสินสอดไว้ได้ จึงพูดขึ้นว่า “คุณหนู รายการอยู่ที่นี่”
“ไปตรวจดู” หยุนหรั่นเฟิงพูดขึ้นอย่างสุขุมว่า “พ่อบ้านหลิวก็อยู่ด้วยพอดี จะได้เป็นพยาน เดี๋ยวมีของเพิ่มมา จะหาว่าพวกเราขโมย”
พ่อบ้านหลิวปาดเหงื่อบนหน้าผาก พยายามฝืนยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร? ท่านเป็นพระชายา ทุกอย่างในจวนล้วนเป็นของท่าน จะใช้คำว่าขโมยได้อย่างไร”
“รอบคอบไว้ก่อนจะดีกว่า” หยุนหรั่นเฟิงโบกมืออย่างขอไปที พร้อมพูดขึ้นว่า “หลินหลัง ไปเถอะ”
หลินหลังทะมัดทะแมง ใช้ให้ทำอะไรก็ทำอย่างนั้น ถือใบรายการไว้แล้วก็บุกเข้าไปเลย ไม่นานก็ออกมาอย่างร้อนใจ พร้อมร้องเรียกว่า “คุณหนู”
พ่อบ้านหลิวถูกเสียงเรียกนี้ของนางทำให้แทบจะป่วยเป็นโรคหัวใจ สะดุ้งไปทั้งตัว พร้อมถามขึ้นว่า “ทำ ทำไมหรือ?”
“ปิ่นปักผม ปิ่นมรกตที่ฮูหยินเก็บไว้ให้ท่านหายไปแล้ว” หลินหลังร้อนใจจนสีหน้าขาวซีด
